🙏สวัสดีทุกคน ผมอายุ 29 ปี เป็นเกย์ครับ ชีวิตคร่าวๆของผม ผมใช้ชีวิตโสดมาตลอด นัดเ-ดบ้าง นานๆครั้ง ผมมีประวัติการใช้สารเสพติดแบบฉีดเข้าเส้น ผมขอสรุปช่วงการใช้สารเสพติดและชีวิตของผมก่อนจะได้เข้าใจง่ายๆครับ
ช่วงที่ 1.(ช่วงมหาลัย)**นานๆครั้ง** เรียกว่าใช้แบบดึงสลับกับฉีด เป็นช่วงที่เริ่มรู้จักการเสพยาครั้งแรกจากคู่นอนผ่านแอฟส้ม เริ่มจากที่พี่เค้าให้ลองดูดหรือเรียกว่าดึงนั้นแหละครับ*ผมจำพี่เค้าไม่ลืม แต่ไม่ได้โทษหรือโกรธเลย ช่วงนี้ผมเคยเป็นหูดหงอนไก่ที่ก้นนะครับ ก็รักษาหายไปครับ
ช่วงที่ 2.(ช่วงทำงานแห่งที่ 1)**ความถี่น้อยกว่าช่วงที่1** ช่วงนี้แทบไม่ได้เล่นเลยครับ นับครั้งได้เพราะทำงานเป็นกะ ไม่มีเวลาไปเล่นครับ
ช่วงที่ 3.(ช่วงทำงานแห่งที่ 2)**ช่วงติดยา** เริ่มทำงานตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 – 25 กุมภาพันธ์ 2566 หลังสถานการณ์โควิด ช่วงนี้แหละครับที่ผมเล่นหนักมากกกกก ทุกอาทิตย์ เพราะงานมัน Work from home บ้าง และรูปแบบงานก็สบายนั่งเฉยๆ เป็นช่วงที่เรียกว่าติดยาเลยครับ 2 ปีกว่าๆ *ผมมั่นใจว่าเคยใช้เข็มร่วมกับคู่นอนแค่ครั้งเดียว* ผมจดไว้ว่าเล่นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565 แล้วผมก็ตัดสิ้นใจลาออกจากงานนี้เพื่อเปลี่ยนสังคมและสิ่งแวดล้อม หลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้น ผมเริ่มงานแห่งที่ 3 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 ครับ
ช่วงที่ 4.(ช่วงทำงานแห่งที่ 3) **1 ครั้งถ้วนเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567** เริ่มงานตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2566 ถึงปัจจุบัน// **ครั้งนี้คือใช้เข็มของคู่นอนที่เค้าเตรียมไว้ให้ครับ** ช่วงนี้ผมเป็นหนองในเทียมครับก็รักษาหายไปครับ
นี้คือช่วงชีวิตการใช้ยาคร่าวๆของผม มาถึงวันนี้ผมพอแล้วครับ ชีวิตตั้งใจและขยัดเก็บเงินสุดๆ ตั้งใจซัพพอทครอบครัวมากๆ เห็นคุณค่าของความรักจริงๆ ตอนนั้นแค่หวังจะมีใครสักคนข้างๆ นอกจากความรักจากครอบครัวแล้ว ...หลังจากช่วงที่ 4 มาผมก็นัดเ-ดบ้าง ใส่ถุงบ้างไม่ใส่บ้างครับ แล้วมาถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาครับ ผมระแวงตัวเองต้องการป้องกันตัวเองจึงเข้าตรวจเลือดที่รพ.เพื่อจะขอรับยาต้านเชื้อHIV(ยาต้านก่อนรับเชื้อ PEP อะครับ) ซึ่งคุณหมอบอกว่า “ไม่มีบริการจ่ายยาก่อนพบเชื้อ ต้องไปคลินิกนิรนามเอง” ผมก็อะ งั้นตรวจหาเชื้อไปก่อนเลย ละค่อยไปหาที่รับยาPEP เอาทีหลัง แต่….......... ครับ! คุณหมอแจ้งว่า ผลเลือดผม Positive ครับ T_T โลกหยุดหมุน มึน หูดับ ไปไม่ถูก สายไปแล้วหรอ ทำไมโชคร้ายแบบนี้ >_< คุณหมอก็บอกว่าเข้าระบบการรักษาไปเลย จริงๆคุณหมอนัดฟังผล CD4 วันที่ 29 ตุลาคม แล้วค่อยพิจารณาเริ่มยา แต่วันนั้นพอผมเอารายงานของหมอไปวางที่หน้าห้องจ่ายยา เภสัชเค้าก็ให้ยาต้านมากินเลยครับ 30 เม็ด จากนั้นผมก็ไปไหนไม่ถูกเลยครับ ขับรถแบบร่องลอย กลับมานอนเศร้า น้ำตาตกใน ไม่อยากออกไปเจอใครเลย จากที่เข้าฟิตเนสทุกวัน ทำงานพิเศษขับBoltทุกคืน ก็หมดอารมฌ์ที่จะทำอะไรเลย หมดแรงที่จะมีชีวิตต่อไปเลยครับ ความเศร้าแรกเลยคือกลัวครอบครับเสียใจและผิดหวังกับตัวผม สองคือผิดหวังกับตัวเองที่จะมีความรักดีๆคงมองภาพไม่ออกแล้ว กลับมาจมอยู่กับตัวเองครับ ศึกษาเรื่องโรคอย่างเดียว ตกกลางคืนนอนไม่หลับ หลับก็สะดุ้งตื่น เช้า 16 ตุลาคม ต้องไปทำงานก็มาแบบเศร้าๆ ละบวกกับป้าผมแอดมิดอาการเป็นตายเท่ากัน ไม่รู้จะเสียใจเรื่องไหนก่อน ถาโถมเป็นหมด พอตั้งสติได้วันที่ 17 ตุลาคม คิดได้ว่าต้องรักตัวเองมากกว่านี้แล้ว ไม่มีเวลาเสียใจแล้ว โอกาสปลุกให้ผมต้องรุกขึ้นมาดูแลตัวเองเหมือนเดิม ปกติผมก็ชอบดูแลตัวเองครับ แต่ประมาทเรื่อง เพศ นี้ละครับ รักสนุกไปหน่อย ประมาทคำเดียวเลยครับชีวิต มาถึงวันนี้ ผมกินยาตอน 2 ทุ่มมาได้ 6 วันแล้วครับ ไม่มีอาการอะไรนะครับ แต่ถ่ายเหลวบ่อยๆ ก่อนหน้านี้ก็มีถ่ายเหลวเรื่อยๆ มีเป็นแผลที่เหงือก และช่วง 19 มิถุนายน 2567 เคยเป็นฝี ที่รักแร้ครับ !!!!!เฮ้ย!!!!!! ผมติดจากการใช้เข็มช่วงที่ 4 ไหมครับ พอมาสรุทามไลน์แบบนี้ก็สงสัยว่าจะติดจากเข็มของพี่คนที่ผมเล่นครั้งล่าสุด มันเป็นอาการเฉียบพลันของเชื้อไหมครับ ใครมีความรู้ช่วยสังเกตหน่อยครับ ถึงจะไม่มีประโยชน์แล้วแต่เราก็จะได้รู้ทันเหตุการณ์ครับ อะ... หลังจากเป็นฝีครั้งนั้นแล้ว ก็ไม่มีอาการอะไรเลยครับ เท่าที่สังเกตุตัวเองได้ก็ท้องเสียบ่อยๆ แค่นั้นครับ ละก็มาตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 เนียครับ เฮ้อ เศร้าเนาะ แต่ก็ยอมรับในความประมาทของตัวเองครับ ทักไปบอกคู่นอนทันทีที่รู้ผลบวกเลยคับ มาวันนี้ อารมฌ์ความรู้สึกก็ยังไม่ได้ดีมากครับ แต่ชีวิตก็ยังต้องเดินต่อไป ตราบใดที่หัวใจยังเต้นอยู่ มีทางรักษา มียาที่ต้องกิน มีเสียงนาฬิกาปลุกที่ต้องจดจ่อ ที่สำคัญมีพ่อแม่หลานๆที่ต้องดูแล ใดๆคือมีหัวใจที่ยังไม่ได้หยุดเต้นไป ผมมาเขียนกะทู้นี้ เพื่อสร้างบทเรียนให้กับทุกคนที่ได้อ่าน ลองเอาบทเรียนของเราไปใช้ระวังชีวิตตัวเองกันนะทุกคน สนุกแบบมีสตินะ ไม่ประมาทกับชีวิตดีกว่า ไม่คุ้มกับฝันร้ายที่เป็นเรื่องจริงและจะอยู่กับเราจนวันตายเลยแหละ...
HIV ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป! โชคร้ายเกิดขึ้นได้เสมอ
ช่วงที่ 1.(ช่วงมหาลัย)**นานๆครั้ง** เรียกว่าใช้แบบดึงสลับกับฉีด เป็นช่วงที่เริ่มรู้จักการเสพยาครั้งแรกจากคู่นอนผ่านแอฟส้ม เริ่มจากที่พี่เค้าให้ลองดูดหรือเรียกว่าดึงนั้นแหละครับ*ผมจำพี่เค้าไม่ลืม แต่ไม่ได้โทษหรือโกรธเลย ช่วงนี้ผมเคยเป็นหูดหงอนไก่ที่ก้นนะครับ ก็รักษาหายไปครับ
ช่วงที่ 2.(ช่วงทำงานแห่งที่ 1)**ความถี่น้อยกว่าช่วงที่1** ช่วงนี้แทบไม่ได้เล่นเลยครับ นับครั้งได้เพราะทำงานเป็นกะ ไม่มีเวลาไปเล่นครับ
ช่วงที่ 3.(ช่วงทำงานแห่งที่ 2)**ช่วงติดยา** เริ่มทำงานตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 – 25 กุมภาพันธ์ 2566 หลังสถานการณ์โควิด ช่วงนี้แหละครับที่ผมเล่นหนักมากกกกก ทุกอาทิตย์ เพราะงานมัน Work from home บ้าง และรูปแบบงานก็สบายนั่งเฉยๆ เป็นช่วงที่เรียกว่าติดยาเลยครับ 2 ปีกว่าๆ *ผมมั่นใจว่าเคยใช้เข็มร่วมกับคู่นอนแค่ครั้งเดียว* ผมจดไว้ว่าเล่นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565 แล้วผมก็ตัดสิ้นใจลาออกจากงานนี้เพื่อเปลี่ยนสังคมและสิ่งแวดล้อม หลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้น ผมเริ่มงานแห่งที่ 3 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 ครับ
ช่วงที่ 4.(ช่วงทำงานแห่งที่ 3) **1 ครั้งถ้วนเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567** เริ่มงานตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2566 ถึงปัจจุบัน// **ครั้งนี้คือใช้เข็มของคู่นอนที่เค้าเตรียมไว้ให้ครับ** ช่วงนี้ผมเป็นหนองในเทียมครับก็รักษาหายไปครับ
นี้คือช่วงชีวิตการใช้ยาคร่าวๆของผม มาถึงวันนี้ผมพอแล้วครับ ชีวิตตั้งใจและขยัดเก็บเงินสุดๆ ตั้งใจซัพพอทครอบครัวมากๆ เห็นคุณค่าของความรักจริงๆ ตอนนั้นแค่หวังจะมีใครสักคนข้างๆ นอกจากความรักจากครอบครัวแล้ว ...หลังจากช่วงที่ 4 มาผมก็นัดเ-ดบ้าง ใส่ถุงบ้างไม่ใส่บ้างครับ แล้วมาถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาครับ ผมระแวงตัวเองต้องการป้องกันตัวเองจึงเข้าตรวจเลือดที่รพ.เพื่อจะขอรับยาต้านเชื้อHIV(ยาต้านก่อนรับเชื้อ PEP อะครับ) ซึ่งคุณหมอบอกว่า “ไม่มีบริการจ่ายยาก่อนพบเชื้อ ต้องไปคลินิกนิรนามเอง” ผมก็อะ งั้นตรวจหาเชื้อไปก่อนเลย ละค่อยไปหาที่รับยาPEP เอาทีหลัง แต่….......... ครับ! คุณหมอแจ้งว่า ผลเลือดผม Positive ครับ T_T โลกหยุดหมุน มึน หูดับ ไปไม่ถูก สายไปแล้วหรอ ทำไมโชคร้ายแบบนี้ >_< คุณหมอก็บอกว่าเข้าระบบการรักษาไปเลย จริงๆคุณหมอนัดฟังผล CD4 วันที่ 29 ตุลาคม แล้วค่อยพิจารณาเริ่มยา แต่วันนั้นพอผมเอารายงานของหมอไปวางที่หน้าห้องจ่ายยา เภสัชเค้าก็ให้ยาต้านมากินเลยครับ 30 เม็ด จากนั้นผมก็ไปไหนไม่ถูกเลยครับ ขับรถแบบร่องลอย กลับมานอนเศร้า น้ำตาตกใน ไม่อยากออกไปเจอใครเลย จากที่เข้าฟิตเนสทุกวัน ทำงานพิเศษขับBoltทุกคืน ก็หมดอารมฌ์ที่จะทำอะไรเลย หมดแรงที่จะมีชีวิตต่อไปเลยครับ ความเศร้าแรกเลยคือกลัวครอบครับเสียใจและผิดหวังกับตัวผม สองคือผิดหวังกับตัวเองที่จะมีความรักดีๆคงมองภาพไม่ออกแล้ว กลับมาจมอยู่กับตัวเองครับ ศึกษาเรื่องโรคอย่างเดียว ตกกลางคืนนอนไม่หลับ หลับก็สะดุ้งตื่น เช้า 16 ตุลาคม ต้องไปทำงานก็มาแบบเศร้าๆ ละบวกกับป้าผมแอดมิดอาการเป็นตายเท่ากัน ไม่รู้จะเสียใจเรื่องไหนก่อน ถาโถมเป็นหมด พอตั้งสติได้วันที่ 17 ตุลาคม คิดได้ว่าต้องรักตัวเองมากกว่านี้แล้ว ไม่มีเวลาเสียใจแล้ว โอกาสปลุกให้ผมต้องรุกขึ้นมาดูแลตัวเองเหมือนเดิม ปกติผมก็ชอบดูแลตัวเองครับ แต่ประมาทเรื่อง เพศ นี้ละครับ รักสนุกไปหน่อย ประมาทคำเดียวเลยครับชีวิต มาถึงวันนี้ ผมกินยาตอน 2 ทุ่มมาได้ 6 วันแล้วครับ ไม่มีอาการอะไรนะครับ แต่ถ่ายเหลวบ่อยๆ ก่อนหน้านี้ก็มีถ่ายเหลวเรื่อยๆ มีเป็นแผลที่เหงือก และช่วง 19 มิถุนายน 2567 เคยเป็นฝี ที่รักแร้ครับ !!!!!เฮ้ย!!!!!! ผมติดจากการใช้เข็มช่วงที่ 4 ไหมครับ พอมาสรุทามไลน์แบบนี้ก็สงสัยว่าจะติดจากเข็มของพี่คนที่ผมเล่นครั้งล่าสุด มันเป็นอาการเฉียบพลันของเชื้อไหมครับ ใครมีความรู้ช่วยสังเกตหน่อยครับ ถึงจะไม่มีประโยชน์แล้วแต่เราก็จะได้รู้ทันเหตุการณ์ครับ อะ... หลังจากเป็นฝีครั้งนั้นแล้ว ก็ไม่มีอาการอะไรเลยครับ เท่าที่สังเกตุตัวเองได้ก็ท้องเสียบ่อยๆ แค่นั้นครับ ละก็มาตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 เนียครับ เฮ้อ เศร้าเนาะ แต่ก็ยอมรับในความประมาทของตัวเองครับ ทักไปบอกคู่นอนทันทีที่รู้ผลบวกเลยคับ มาวันนี้ อารมฌ์ความรู้สึกก็ยังไม่ได้ดีมากครับ แต่ชีวิตก็ยังต้องเดินต่อไป ตราบใดที่หัวใจยังเต้นอยู่ มีทางรักษา มียาที่ต้องกิน มีเสียงนาฬิกาปลุกที่ต้องจดจ่อ ที่สำคัญมีพ่อแม่หลานๆที่ต้องดูแล ใดๆคือมีหัวใจที่ยังไม่ได้หยุดเต้นไป ผมมาเขียนกะทู้นี้ เพื่อสร้างบทเรียนให้กับทุกคนที่ได้อ่าน ลองเอาบทเรียนของเราไปใช้ระวังชีวิตตัวเองกันนะทุกคน สนุกแบบมีสตินะ ไม่ประมาทกับชีวิตดีกว่า ไม่คุ้มกับฝันร้ายที่เป็นเรื่องจริงและจะอยู่กับเราจนวันตายเลยแหละ...