จขพ.เคยฟังเทศน์หลายปี
และเคยไปเข้าคอรมาแล้วครั้งนึง
ที่นั่นก็มีผู้ปฏิบัติรุ่นพี่เก่งๆเยอะ
บางวันก็มาช่วยตอบข้อสงสัย
และก็ให้กำลังใจเป็นอย่างดี
ในวันสุดท้ายก่อนจบคอร์ส
พวกเราที่ไปปฏิบัติธรรม
ก็มีการแลกเปลี่ยนเฟสและเบอร์โทร
ก่อนที่จะแยกย้ายกัน
หลังจากไปเข้าคอร์สครั้งนั้น
ก็ไม่ได้กลับมาปฏิบัติต่อที่บ้าน
แล้วจขพ.ก็เริ่มสนใจเรียนพระอภิธรรม
ก็เลยกดติดตามผู้สอนทั้งพระและฆราวาส
ที่บรรยายแล้วดูน่าฟัง
แต่เมื่อเล่าให้พี่ๆที่เคยเจอที่คอร์สปฏิบัติธรรมฟัง
ก็ไม่ค่อยมีใครเห็นด้วย
ที่จขพ.จะเรียนปริยัติอย่างเดียวไปก่อน
ซัก 5-10 ปีให้เข้าใจธรรมะมากๆ
แล้วค่อยเริ่มปฏิบัติใหม่..
พวกพี่ๆให้เหตุผลว่าปริยัติก็พอประมาณอยู่แล้ว
และภาวนาก็ดีอยู่ ไม่ควรทิ้งการปฏิบัติ
แต่จขพ.ใจมาทางนี้มากกว่า
อยากศึกษาเรื่อยๆทีละนิดละหน่อยทุกวัน
และเสวนาธรรมบ้างตามกาล
ก็บอกไปหมดแล้วว่าเลือกแบบนี้
แต่พี่ๆก็ยังไม่เลิกชวนให้ปฏิบัติต่อ
จนถึงเอาตัวรอดให้ได้ก่อนอยู่ดี
จขพ.ควรพูดยังไงดี
ให้เกิดการรับฟัง
โดยที่อีกฝ่ายไม่เสียความรู้สึก
แบบไม่ต้องโทรมาชวนให้เสียเวลา
เพราะเหตุผลก็อันเดิมที่บอกไปแล้ว
จะบอกยังไง ไม่ให้เพื่อนเสียความรู้สึก
และเคยไปเข้าคอรมาแล้วครั้งนึง
ที่นั่นก็มีผู้ปฏิบัติรุ่นพี่เก่งๆเยอะ
บางวันก็มาช่วยตอบข้อสงสัย
และก็ให้กำลังใจเป็นอย่างดี
ในวันสุดท้ายก่อนจบคอร์ส
พวกเราที่ไปปฏิบัติธรรม
ก็มีการแลกเปลี่ยนเฟสและเบอร์โทร
ก่อนที่จะแยกย้ายกัน
หลังจากไปเข้าคอร์สครั้งนั้น
ก็ไม่ได้กลับมาปฏิบัติต่อที่บ้าน
แล้วจขพ.ก็เริ่มสนใจเรียนพระอภิธรรม
ก็เลยกดติดตามผู้สอนทั้งพระและฆราวาส
ที่บรรยายแล้วดูน่าฟัง
แต่เมื่อเล่าให้พี่ๆที่เคยเจอที่คอร์สปฏิบัติธรรมฟัง
ก็ไม่ค่อยมีใครเห็นด้วย
ที่จขพ.จะเรียนปริยัติอย่างเดียวไปก่อน
ซัก 5-10 ปีให้เข้าใจธรรมะมากๆ
แล้วค่อยเริ่มปฏิบัติใหม่..
พวกพี่ๆให้เหตุผลว่าปริยัติก็พอประมาณอยู่แล้ว
และภาวนาก็ดีอยู่ ไม่ควรทิ้งการปฏิบัติ
แต่จขพ.ใจมาทางนี้มากกว่า
อยากศึกษาเรื่อยๆทีละนิดละหน่อยทุกวัน
และเสวนาธรรมบ้างตามกาล
ก็บอกไปหมดแล้วว่าเลือกแบบนี้
แต่พี่ๆก็ยังไม่เลิกชวนให้ปฏิบัติต่อ
จนถึงเอาตัวรอดให้ได้ก่อนอยู่ดี
จขพ.ควรพูดยังไงดี
ให้เกิดการรับฟัง
โดยที่อีกฝ่ายไม่เสียความรู้สึก
แบบไม่ต้องโทรมาชวนให้เสียเวลา
เพราะเหตุผลก็อันเดิมที่บอกไปแล้ว