ทีมวิจัยจาก Stanford School of Medicine รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ได้ใช้ AI ในการพัฒนา “ห้องปฏิบัติการเสมือนจริง (Virtual Lab)” ที่รวมนักวิจัย AI หลายบทบาทมาทำงานร่วมกันแบบครบชุด ตั้งแต่หัวหน้าทีม (Principal Investigator) ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่าง ๆ และแม้กระทั่งนักวิจารณ์ที่คอยทักท้วงและหาช่องโหว่ในงานวิจัย
.
สิ่งที่ทำให้ Virtual Lab ก้าวหน้าไปอีกขั้นคือการใช้ Agentic AI หรือ AI ที่ทำงานร่วมกันอย่างอิสระ แต่ละระบบอ้างอิงข้อมูลจากโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) สามารถดึงข้อมูล ใช้เครื่องมือที่หลากหลาย สื่อสารกันเอง และสื่อสารกับนักวิจัยมนุษย์ เพื่อช่วยกันแก้โจทย์ที่ซับซ้อนเหมือนการทำงานของทีมจริง
.
ทีมวิจัยได้ทดสอบ Virtual Lab ดังกล่าวด้วยการให้ AI คิดหาวิธีสร้างวัคซีนโควิด-19 ที่ดีกว่าเดิม เมื่อได้รับโจทย์ AI หัวหน้าทีมก็เริ่มแบ่งงานให้ AI ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกัน ชีวสารสนเทศ และแมชชีนเลิร์นนิง ก่อนจะประชุมหารือกันอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้เวลาในการประชุมเพียงไม่กี่นาทีหรือแม้แต่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
.
และในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน Virtual Lab ก็สามารถคิดค้นวิธีการใช้ นาโนบอดี (Nanobody) แทน แอนติบอดี (Antibody) แบบเดิม เนื่องจากมีขนาดเล็กกว่า สามารถออกแบบและสร้างแบบจำลองโปรตีนได้ง่ายกว่า ผลการทดสอบในห้องแล็บจริงยืนยันว่าแนวคิดนี้ใช้ได้ผลกับทั้งสายพันธุ์เก่าและสายพันธุ์ใหม่ จึงมีศักยภาพในการนำไปพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพได้จริง เป็นการพิสูจน์ว่า Virtual Lab ดังกล่าวอาจสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับคำถามทางวิทยาศาสตร์อื่น และเดินหน้าค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ไปพร้อมกับมนุษย์ได้
เคตดิต Bangkok Bank InnoHub
ทีมออกแบบ Ai ออกแบบวัคซันโควิด เสร็จในเวลาไม่กี่วัน?