⚡ ความต้องการพลังงานจากศูนย์ข้อมูล AI จะ “เพิ่มขึ้น 4 เท่า” ภายใน 10 ปี
🔍 คาดการณ์อนาคต โลกต้องเปลี่ยนเยอะในแง่การใช้พลังงานยุค AI:
- ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของ Data Center ทั่วโลก จะพุ่งจากราว 400 เทราวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 → เกือบ 1,600 เทราวัตต์ชั่วโมงในปี 2034
- สหรัฐฯ และจีน จะเป็นสองประเทศที่ใช้พลังงานมากที่สุด
- ตามมาด้วย ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี และอินเดีย ที่จะขยายศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อรองรับการประมวลผล AI
BloombergNEF ระบุว่า “AI workloads” เช่น การประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ (LLMs) และการทำ inference เรียลไทม์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จะเป็นตัวผลักดันหลักของความต้องการไฟฟ้า
⚙️ ภาพรวมเชิงกลยุทธ์การลงทุน กลุ่มการลงทุนที่น่าสนใจจากธีมนี้
1. Battery Storage (แบตเตอรี่เก็บพลังงาน)
ผู้นำอย่าง Tesla ($TSLA) และ EOS Energy ($EOSE) จะมีบทบาทสำคัญในการ “เก็บไฟส่วนเกิน” จากโซลาร์หรือพลังงานลม เพื่อปล่อยไฟในช่วงที่ศูนย์ข้อมูล AI ใช้พลังงานสูงสุด (peak inference cycles)
2. Nuclear (พลังงานนิวเคลียร์)
บริษัทอย่าง Oklo ($OKLO), Cameco Corp ($CCJ), BWX Technologies ($BWXT) และ Constellation Energy ($CEG) กำลังพัฒนา “Small Modular Reactors” — โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กที่จ่ายไฟให้ศูนย์ข้อมูลโดยตรง
3. Transmission & Cooling (ระบบส่งไฟและระบายความร้อน)
Vistra ($VST) และ Vertiv ($VRT) จะเป็นแกนหลักในการขยายโครงข่ายไฟฟ้าและระบบโครงสร้างพื้นฐานของ Data Center
4. Natural Gas (ก๊าซธรรมชาติ)
บริษัทอย่าง Venture Global ($VG) และ NextDecade ($NEXT) กำลังเพิ่มกำลังผลิต LNG เพื่อรองรับความต้องการพลังงานต่อเนื่องในช่วงที่พลังงานหมุนเวียนไม่เพียงพอ
5. Renewables (พลังงานหมุนเวียน)
First Solar ($FSLR), Bloom Energy ($BE) และ NextEra Energy ($NEE) จะช่วยลดต้นทุนพลังงานในระยะยาว ด้วยการป้อนพลังงานสะอาดราคาต่ำเข้าสู่ระบบ
จากข้อมูลของ BloombergNEF จะเห็นว่า “AI ไม่ได้แค่เปลี่ยนโลกของข้อมูล แต่มันกำลังพลิกโครงสร้างของพลังงานทั้งโลก”
อุตสาหกรรมพลังงานยุคถัดไปกำลังถูกกำหนดโดย “ขนาดของ AI Infrastruture” ซึ่งหมายถึงโอกาสมหาศาลสำหรับนักลงทุนใน 5 ธีมใหญ่:
แบตเตอรี่ • นิวเคลียร์ • ระบบส่งไฟ • ก๊าซธรรมชาติ • พลังงานหมุนเวียน
Mr.Messenger รายงาน
ความต้องการพลังงานจากศูนย์ข้อมูล AI จะ “เพิ่มขึ้น 4 เท่า” ภายใน 10 ปี
🔍 คาดการณ์อนาคต โลกต้องเปลี่ยนเยอะในแง่การใช้พลังงานยุค AI:
- ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของ Data Center ทั่วโลก จะพุ่งจากราว 400 เทราวัตต์ชั่วโมงในปี 2024 → เกือบ 1,600 เทราวัตต์ชั่วโมงในปี 2034
- สหรัฐฯ และจีน จะเป็นสองประเทศที่ใช้พลังงานมากที่สุด
- ตามมาด้วย ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี และอินเดีย ที่จะขยายศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อรองรับการประมวลผล AI
BloombergNEF ระบุว่า “AI workloads” เช่น การประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ (LLMs) และการทำ inference เรียลไทม์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จะเป็นตัวผลักดันหลักของความต้องการไฟฟ้า
⚙️ ภาพรวมเชิงกลยุทธ์การลงทุน กลุ่มการลงทุนที่น่าสนใจจากธีมนี้
1. Battery Storage (แบตเตอรี่เก็บพลังงาน)
ผู้นำอย่าง Tesla ($TSLA) และ EOS Energy ($EOSE) จะมีบทบาทสำคัญในการ “เก็บไฟส่วนเกิน” จากโซลาร์หรือพลังงานลม เพื่อปล่อยไฟในช่วงที่ศูนย์ข้อมูล AI ใช้พลังงานสูงสุด (peak inference cycles)
2. Nuclear (พลังงานนิวเคลียร์)
บริษัทอย่าง Oklo ($OKLO), Cameco Corp ($CCJ), BWX Technologies ($BWXT) และ Constellation Energy ($CEG) กำลังพัฒนา “Small Modular Reactors” — โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กที่จ่ายไฟให้ศูนย์ข้อมูลโดยตรง
3. Transmission & Cooling (ระบบส่งไฟและระบายความร้อน)
Vistra ($VST) และ Vertiv ($VRT) จะเป็นแกนหลักในการขยายโครงข่ายไฟฟ้าและระบบโครงสร้างพื้นฐานของ Data Center
4. Natural Gas (ก๊าซธรรมชาติ)
บริษัทอย่าง Venture Global ($VG) และ NextDecade ($NEXT) กำลังเพิ่มกำลังผลิต LNG เพื่อรองรับความต้องการพลังงานต่อเนื่องในช่วงที่พลังงานหมุนเวียนไม่เพียงพอ
5. Renewables (พลังงานหมุนเวียน)
First Solar ($FSLR), Bloom Energy ($BE) และ NextEra Energy ($NEE) จะช่วยลดต้นทุนพลังงานในระยะยาว ด้วยการป้อนพลังงานสะอาดราคาต่ำเข้าสู่ระบบ
จากข้อมูลของ BloombergNEF จะเห็นว่า “AI ไม่ได้แค่เปลี่ยนโลกของข้อมูล แต่มันกำลังพลิกโครงสร้างของพลังงานทั้งโลก”
อุตสาหกรรมพลังงานยุคถัดไปกำลังถูกกำหนดโดย “ขนาดของ AI Infrastruture” ซึ่งหมายถึงโอกาสมหาศาลสำหรับนักลงทุนใน 5 ธีมใหญ่:
แบตเตอรี่ • นิวเคลียร์ • ระบบส่งไฟ • ก๊าซธรรมชาติ • พลังงานหมุนเวียน
Mr.Messenger รายงาน