ยิ่งรู้จัก ยิ่งไม่รู้จัก เมื่อคนที่ไว้ใจ กลายเป็นคนแปลกหน้า

EP.1
เวลาประมาณเที่ยงคืน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เราเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์
เรา : สวัสดีค่ะ
ต้นสาย : สวัสดีค่ะ เป็นใครคะ ทำไมมารับ โทรศัพท์พี่เอ
เรา : เป็นน้องสาวค่ะ พึ่งมาจากต่างจังหวัดวันนี้ มีอะไรไหมคะ
ต้นสาย: เป็นแฟนพี่เอค่ะ คิดถึงเขาเลยโทรหาค่ะ
เรา: พี่เอหลับอยู่นะคะ หนูตื่นมาเข้าห้องน้ำเลยรับโทรศัพท์พอดีค่ะ พี่เอไม่เห็นเล่าให้หนูฟังเลยว่าเขามีแฟน คบกันนานแล้วหรอคะ
ต้นสาย : สองเดือนแล้วค่ะ เขาบอกว่าเขาเป็นพ่อหม้ายลูกติด 2 คน เลิกกับเมียมา 2 ปีแล้ว
เรา : หรอคะ ให้ปลุกให้ไหมคะ
ต้นสาย : ไม่เป็นไรค่ะ พรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันอยู่ดี
เรา:โอเคค่ะ งั้นขอวางสายนะคะ
                      เรานั่งมองผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่กินกันมา 7ปี ไม่เคยระวัง ระแวง สงสัย เรารักและเทิดทูนเขาสุดหัวใจ คำถามมากมายเกิดขึ้นในสมองของเรา เป็นเขาจริงๆหรอที่ผู้หญิงคนนั้นพูดถึง เราเสียงดังไม่ได้เพราะลูกชายก็นอนอยู่ข้างๆ จริงๆเราพึ่งคลอดลูกคนที่2 เรากลับต่างจังหวัดเพื่อไปคลอดลูกแล้วขึ้นมาทำงาน ด้วยความอยากอยู่กันเป็นครอบครัว เราตัดสินใจหอบลูกทั้งสองคนลงมาเลี้ยงเอง กลางวันจ้างพี่เลี้ยง ตอนเย็นเลี้ยงลูกเอง ส่วนสามีทำโอทีกลับดึกทุกวัน ตื่นตอนเช้าเอาลูกไปส่งพี่เลี้ยงแล้วเข้าทำงานต่อตามปกติ เราว้าวุ่นใจทั้งวัน ว่าจะเอายังไงดี มันเกิดอะไรขึ้นในครอบครัวของเรา เราเคยเห็นแต่คนอื่น คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะเป็นตัวเราเอง  เราตัดสินใจโทรหาผู้หญิงคนนั้น แล้วบอกความจริงกับเขาไปว่า เราคือภรรยาของพี่เอนะ ที่คุยกันเมือคืน รู้อย่างนี้แล้วถ้าพี่บอกให้เธอหยุด เธอจะหยุดไหม หยุดได้ไหม ทางนั้นก็โวยวายว่าตัวเองโดนหลอก ตกเย็นหลังเลิกงาน สามีเราก็กลับมาแก้ต่างว่า หยอกกันเล่น น้องเขาแค่โทรมาล้อเล่นเฉยๆ ไม่มีอะไร เราก็เงียบไม่ตอบอะไร เราไม่พูดอะไรเลย จนวันที่4 เราเลยพูดกับสามีไปว่า หนูจะโทรไปบริษัทพี่ แล้วบอกว่า พี่กับน้องคนนั้นเล่นชู้กันในบริษัท อยากรู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช้าวันใหม่ทางผู้หญิงเลยโทรมาโวยวายว่าเราไปทำลายชีวิตเขา เขาพึ่งได้งานแล้วก็ต้องมาตกงาน หลังจากนั้นก็ส่งข้อความมาด่าเรากับสามีเรื่อยๆ เราเลยตัดสินใจเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เหตุการณ์ในชีวิตเป็นไปตามปกติ เราตั้งท้องลูกคนที่สาม สามีได้งานใหม่ตำแหน่งใหม่ จากหัวหน้าฝ่ายเลื่อนเป็นผู้จัดการโรงงาน เราตัดสินใจซื้อบ้านด้วยกัน แต่สามีเราติดแบลคลิส อยู่ 50,000บาท เราเลยกู้เงินกับบริษัทที่เราทำงานอยู่ปิดยอดให้เขา โดยเขารับปากว่าพี่จะใช้หนี้ก้อนนี้เอง บ้าน1หลัง รถเก๋ง1คัน รถกะบะ 1 คัน ลูกสามคน เราตกลงกันว่า เราจะไม่สร้างหนี้เพิ่มนะ เท่าที่มีอยู่คือพอแล้ว เหลือแค่รักษาไว้ รายได้-รายจ่าย ณ ตอนนั้น เหลือประมาณ 25,000 บาท ถือว่าพออยู่ได้ ไม่ฟุ่มเฟือยอะไร จนลูกชายคนเล็กจบ อนุบาล 3(ลูกคนที่สาม) เขาอยากเปลี่ยนรถใหม่จากแคปเป็น 4 ประตู เราคัดค้านเพราะเราคำนวณค่าใช้จ่ายแล้วไม่ได้ ให้รออีก 6 เดือน โบนัสออกก่อน แล้วค่อยเปลี่ยน เขาก็ไม่ฟัง จนเราขู่เขาว่าถ้าพี่อยากได้รถคันนั้นจริงๆ เราก็เลิกกัน เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า มันโอเวอร์กับค่าใช้จ่าย เขาบอกเราไม่ให้ยุ่ง เขาจะจัดการเอง ...........................
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่