ทริปกาญจนบุรีนี้ นำเที่ยวโดย คุณน้าที่เคารพของดิฉันนะคะ
แถ่น แทน แท้น ...
ทริปสดใสของแก๊งค์สาวน้อยเที่ยวนี้
ไปที่จังหวัดกาญจนบุรีค่า จังหวัดที่ถนนวงแหวนสายใหม่ตัดพาไปถึงอย่างรวดเร็ว
เชิญเพลิดเพลินไปกับทริปได้เลยค่า
มนุษย์ป้าพาเที่ยว
ในวัยที่ย่างก้าวสู่ความเป็นมนุษย์ป้า คำพังเพยที่ว่า‘ เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก’ มักจะนำมาล้อเลียนในบริบทสลับกันเป็น’ เพื่อนตายหาง่าย แต่เพื่อนกินหายากขึ้นทุกที‘ เพราะติดเรื่องสุขภาพไม่ของตนเองก็ของคู่ครอง ถ้ามีโอกาสว่างจึงต้องรีบฉวยกินฉวยเที่ยวกันทันทีโดยไม่ต้องรอให้ครบแก๊งค์หรอก
ดังนั้นในวันปลายฝนต้นหนาว มนุษย์ป้าสาวสวยกลุ่มหนึ่ง(คุณศัพท์’ สาว สวย’ นี้พวกเธอและพวกเธอเท่านั้น’ มโน’ ไปเอง เพราะในวัย 70-80 อัพนี้มันเป็นเรื่องอย่างที่คุณน้าเศรษฐา ศิรฉายาว่า‘‘ เป็นไปไม่ได้!“) จึงตัดสินไปเที่ยวเมืองกาญจน์กัน เพราะง้างค้างมาตั้งแต่สองปีก่อนเมื่อสมาชิกทั้งหกยังคล่องแคล่วว่องไว จนมาบัดนี้ เหลือพวก die hard เพียงสามคนที่งกงกเนิ่นเนิ่น
งกงกเงิ่นเงิ่นเปิด Google หาที่พักที่ตอบโจทย์ เจอที่สวยเก๋ถูกใจก็รีบจิ้ม จอง จ่ายโดยพลัน โดยมิได้สนใจที่จะศึกษาหาเงื่อนไขหรือรายละเอียดใดใดทั้งสิ้น และหมายมั่น ปั้นมือ จะไปใช้บริการทางสายใหม่ที่ทางการเค้าโม้ว่าสามารถย่นระยะทางไปถึงเมืองกาญจน์ได้เพียง 1 ชั่วโมง… แล้วก็แป่ววว์! เค้าเปิดเฉพาะช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์จ้า เพราะอะไรอะไรก็ยังไม่พร้อม และเราไม่ได้ดูยามอุบากอง จึงเลือกเดินทางในวันจันทร์! ไม่เป็นไร ไปทางเดิมก็ได้ ถึงที่หมายภายใน 2 ชั่วโมงเอง ทันกินกลางวันบนแพริมน้ำเย็นสบาย
ผู้รู้บอกว่ามาเมืองกาญจน์มีอาหารขึ้นชื่อคือกบตัวใหญ่ ฉะนั้นเราจึงสั่งกบกระเทียมในเมนู เพราะมนุษย์ป้าทั้งสามล้วนมีรสนิยมวิไลในการกิน วาดภาพกบกระเทียมเป็นขากบอบเนยกระเทียมตามแบบ ร้าน La Grenouille ที่ปารีส จึงแป่ววว์ เป็นครั้งที่สอง เพราะกบกระเทียมที่ได้มาคือ กบตัวใหญ่ขนาดลูกแมวแรกคลอด ทอดกรอบโรยกระเทียมเจียวสองกำ มือ! แต่ก็อร่อยดีจึงไม่ว่ากัน
อิ่มหนำสำราญแล้วโชเฟอร์จึงพาชะโงกทัวร์ไปยังจุดปักหมุดของเมืองกาญจน์อันได้แก่‘เดอะ’สะพานข้ามแม่น้ำแคว อันเลื่องชื่อ และสุสานทหารสัมพันธมิตร(ก็แก่แล้วไง แดดก็ร้อน อิ่มแล้วก็ง่วง เดินไม่ไหว) จึงได้แต่ยกมือไหว้ และแผ่ส่วนกุศลให้เป็นภาษาอังกฤษว่า “May you be very happy in heaven นะคะ“
แต่ก็ต้องแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสียหน่อยตามธรรมเนียมของนักท่องเที่ยวไทยที่ดี คือไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม 1000 มือสี่ทิศที่วิหารเมตตาธรรมโพธิญาณ ซึ่งเป็นวัดมหานิกายจีน ณตำบลหนองหญ้า อำเภอเมือง เป็นเจ้าแม่องค์ใหญ่ ที่สลักจากไม้สวยงามอลังการบานเบิก โถงทางเดิน ด้านข้างยังมี เจ้าแม่กวนอิมปางต่างๆสลักจากไม้หอมอีก 100 กว่าปางในขนาดย่อมลงมาอีกด้วย และยังมีอีกองค์หนึ่งขนาดมหึมาที่ยังสลักไม่เสร็จ แค่ฐานก็ใหญ่ยักษ์แล้ว นอกจากนั้นก็มีวิหารแบบจีนอีกหลังกำลังก่อสร้างอยู่โดยจะใช้หินปูพื้นนำเข้าจากเมืองจีน เป็น ongoing project ที่ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ คล้ายๆวิหาร Sagrada Familia ของ Gaudi ที่ Barcelona ที่ผ่านมากว่า 100 ปีแล้วก็ยังไม่เสร็จเสียที แค่นี้ก็พอหอมปากหอมคอสำหรับการท่องเที่ยววันนี้นะคะ
งั้นเราไปเข้าโรงแรมกันเถอะ ได้เวลา siesta กันแล้ว
แต่เอ! ขับรถมาตั้งนานทำไมยังไม่ถึงสักทีหนอ? ก็เพราะพวกเธอลืมอ่าน fine prints ที่ระบุพิกัด อัตราและเงื่อนไขต่างๆตามประสาวัยรุ่น(เก่า) ใจร้อนไงล่ะ ที่พอเห็นที่พักสวยถูกใจก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม(สำนวนโบราญของแม่อิชั้นค่ะ เด็กๆ)รีบจิ้มกด‘ ตกลง‘ ทันทีเลย พอนึกสงสัยว่าคนขับพาหลงป่าเข้าไปในทางแค๊บแคบ ขนาด นั่งรถเข้ามายังต้องแขม่วท้องทำตัวลีบเล็ก หรือเปล่านะ ก็…
ถึงพอดี… 60 กิโลเมตรจากตัวเมือง
ทีแรก ก็แอบใจเสียเล็กน้อยเมื่อสุดทางแสนแคบ มีประตูเหล็กเล็กๆคล้ายตามบ้านตากอากาศหัวหินของพวกผู้ดีเก่า ติดป้ายชื่อรีสอร์ทไว้ แต่พอเลี้ยวเข้าไปก็โล่งอก เพราะมีสวนตกแต่งแบบน่ารัก ไม่มากไม่น้อย เข้าไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์กึ่งห้องอาหารโปร่งตา มองเห็นวิวรอบทิศทางผ่านสระว่ายน้ำเลยไปถึงริมแม่น้ำโน่น แล้วก็นั่งรถกอล์ฟลงเนินสูง เลี้ยวหักศอกไป2-3โค้งไปยังแพที่พัก ที่ลอยอยู่บนลำน้ำแควน้อย โดยมีพนักงานต้อนรับชื่อสตรองบอย เป็นหนุ่มน้อยชาวต่างชาติแสนสุภาพ โหงวเฮ้งเป็นมิตร มีผมยาว สลวย สีน้ำตาล กระโดดขึ้นมานั่งด้านหน้าคู่คนขับอย่างเงียบๆนำเราไปส่งถึงแพที่พัก… ลืมบอกไปว่าพนักงานต้อนรับคนนี้เขามี4ขาค่ะ เป็นหมาชาย พันธุ์ English Shepherd และถ้าเห็นพวกเรามัวโอ้เอ้ถ่ายรูปไม่รู้จักขึ้นรถกอล์ฟสักที เค้าก็จะคาบก้อนหินมาวางที่พื้นรถดังกร็อก เป็นการเตือนอย่างสุภาพว่ารถจะออกแล้วนะครับคุณป้า!
ที่พักของเรามีรูปร่างเหมือนไข่นกกระจอกเทศยักษ์วางเรียงกันบนพื้นน้ำประมาณแปดถึง 10 ฟอง ด้านหน้าริมแม่น้ำมีบันได ไต่ลงไปสู่แม่น้ำเผื่อใครจะอยากลงไปนั่งแกว่งขาเล่นในลำน้ำเชี่ยวให้เสียวเล่น บนระเบียงกว้างวางอ่างอาบน้ำทรงกลมไว้ นอน แช่ bubble bath ระหว่างจิบไวน์ชมจันทร์ โรงแรมนี้มีสัปปายะดีมาก ขอบอก จะเลือกมา honeymoon หรือมาปฏิบัติธรรมก็ได้(แหม! คนละฟีลลิ่งเลย!) เหมาะที่จะจ้องมองกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวเพื่อพิจารณาว่า เวลาและวารีไม่คอยใคร จะรีบกินรีบเที่ยวก็จงทำซะ ไม่ก็ทอดสายตาไปยังฝั่งตรงข้ามที่ไร้สิ่งปลูกสร้างใดใดโดยสิ้นเชิงยกเว้นผืนป่าไม้เขียวขจีที่เย็นตา
ในช่วงเย็นมี เรือลากแพบรรจุนักท่องเที่ยว สวมเสื้อชูชีพเรียบร้อย ประมาณ 30 คนล่องผ่านแพไข่ของเรา แล้วสักครู่ก็ปล่อยให้พวกเขา กระโดดลงน้ำลอยเท้งเต้งตามกระแสน้ำเชี่ยว โดยแพจะถ่อไปรับที่ปลายทาง ดูน่าสนุกพิลึก อยากทำอย่างนั้นบ้างแต่เพื่อนอีกสองคนไม่ยอมสนุกไปด้วย น่าชมเชยนักท่องเที่ยวฝรั่งพวกนี้นะคะเพราะเขาล่องลอยคอกันอย่างเงียบเงียบ เคารพธรรมชาติอันสงบ ไม่เหมือนฉิ่งฉับทัวร์ของประเทศเราเลย เตือนเอาไว้ตรงนี้ว่ากระแสน้ำแรงมาก หากตกลงไปไม่แคล้วต้องตามไปเก็บซากเอาแถวอ่าวไทยนั่นแหละ!
ที่พวกเรา ถูกใจมากถึงมากที่สุดของโรงแรมไข่นกกระจอกนี้ได้แก่ห้องน้ำค่ะ พื้นที่อาบน้ำกว้างขวาง ใหญ่ ยาว รี ประมาณว่ายกแข้งยกขาหน้าหลังได้สะดวก ดีไซน์เก๋ไก๋สุขภัณฑ์มีระดับ อุปกรณ์ฝักบัวใช้ยี่ห้อ Grohe เชียวนะ ซึ่งนึกไม่ ถึงว่าเจอในโรงแรมที่อยู่ไกลปืนเที่ยงเช่นนี้ แต่ไม่บอกชื่อโรงแรมหรอกเพราะไม่ได้ค่าโฆษณา !ในไข่แต่ละฟองผนังโค้งเหมือน อยู่ในไข่เลย ทำให้ห้องดูกว้างกว่าที่เป็นจริง และจุ๊จุ๊อย่าบอกใครนะไข่แต่ละฟองสามารถนอนได้ถึงสี่คนเพราะข้างบนเป็นชั้นลอยที่กว้างขวาง มีเตียงนอนได้อีกสองคน
เอ้า!ว่ากันต่อ …ทางรีสอร์ทมีบริการเสิร์ฟอาหารในห้องพักให้ด้วยทั้ง3มื้อ ฃถ้าไม่อยากไปรับประทานในห้องอาหาร แต่พวกเราอยากจะไปชมแสงสีเสียงของชีวิตราตรีแถบนี้มากกว่า นั่งรถออกไปไม่กี่กิโลเมตรก็ถึงหมู่บ้านศูนย์กลางชุมชน มีร้านค้าและร้านอาหารประปราย มีความเจริญทัดเทียมเมืองหลวงแม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆก็ตาม อันนี้อิฉันวัดเองจากดัชนีความเจริญคือมีเซเว่นและบิ๊กซีขนาดย่อมไว้บริการชาวบ้านด้วย
เราเลือกร้านอาหารโอ่โถงจัดการกับมื้อเย็นแกล้มไวน์ที่แอบหยิบมาจากคุณสามีแต่อนิจจา ทั้งร้านมีแก้วไวน์อยู่เพียงสองแก้วเท่านั้น! ข้อนี้แนะนำให้ซื้อมาสักโหลหนึ่งนะคะเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอินเตอร์ขี้เมาทั้งหลาย
เมียตำรวจจ้ะ
[CR] มนุษย์ป้าพาเที่ยว -- กาญจนบุรี
แถ่น แทน แท้น ...
ทริปสดใสของแก๊งค์สาวน้อยเที่ยวนี้
ไปที่จังหวัดกาญจนบุรีค่า จังหวัดที่ถนนวงแหวนสายใหม่ตัดพาไปถึงอย่างรวดเร็ว
เชิญเพลิดเพลินไปกับทริปได้เลยค่า
มนุษย์ป้าพาเที่ยว
ในวัยที่ย่างก้าวสู่ความเป็นมนุษย์ป้า คำพังเพยที่ว่า‘ เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายหายาก’ มักจะนำมาล้อเลียนในบริบทสลับกันเป็น’ เพื่อนตายหาง่าย แต่เพื่อนกินหายากขึ้นทุกที‘ เพราะติดเรื่องสุขภาพไม่ของตนเองก็ของคู่ครอง ถ้ามีโอกาสว่างจึงต้องรีบฉวยกินฉวยเที่ยวกันทันทีโดยไม่ต้องรอให้ครบแก๊งค์หรอก
ดังนั้นในวันปลายฝนต้นหนาว มนุษย์ป้าสาวสวยกลุ่มหนึ่ง(คุณศัพท์’ สาว สวย’ นี้พวกเธอและพวกเธอเท่านั้น’ มโน’ ไปเอง เพราะในวัย 70-80 อัพนี้มันเป็นเรื่องอย่างที่คุณน้าเศรษฐา ศิรฉายาว่า‘‘ เป็นไปไม่ได้!“) จึงตัดสินไปเที่ยวเมืองกาญจน์กัน เพราะง้างค้างมาตั้งแต่สองปีก่อนเมื่อสมาชิกทั้งหกยังคล่องแคล่วว่องไว จนมาบัดนี้ เหลือพวก die hard เพียงสามคนที่งกงกเนิ่นเนิ่น
งกงกเงิ่นเงิ่นเปิด Google หาที่พักที่ตอบโจทย์ เจอที่สวยเก๋ถูกใจก็รีบจิ้ม จอง จ่ายโดยพลัน โดยมิได้สนใจที่จะศึกษาหาเงื่อนไขหรือรายละเอียดใดใดทั้งสิ้น และหมายมั่น ปั้นมือ จะไปใช้บริการทางสายใหม่ที่ทางการเค้าโม้ว่าสามารถย่นระยะทางไปถึงเมืองกาญจน์ได้เพียง 1 ชั่วโมง… แล้วก็แป่ววว์! เค้าเปิดเฉพาะช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์จ้า เพราะอะไรอะไรก็ยังไม่พร้อม และเราไม่ได้ดูยามอุบากอง จึงเลือกเดินทางในวันจันทร์! ไม่เป็นไร ไปทางเดิมก็ได้ ถึงที่หมายภายใน 2 ชั่วโมงเอง ทันกินกลางวันบนแพริมน้ำเย็นสบาย
ผู้รู้บอกว่ามาเมืองกาญจน์มีอาหารขึ้นชื่อคือกบตัวใหญ่ ฉะนั้นเราจึงสั่งกบกระเทียมในเมนู เพราะมนุษย์ป้าทั้งสามล้วนมีรสนิยมวิไลในการกิน วาดภาพกบกระเทียมเป็นขากบอบเนยกระเทียมตามแบบ ร้าน La Grenouille ที่ปารีส จึงแป่ววว์ เป็นครั้งที่สอง เพราะกบกระเทียมที่ได้มาคือ กบตัวใหญ่ขนาดลูกแมวแรกคลอด ทอดกรอบโรยกระเทียมเจียวสองกำ มือ! แต่ก็อร่อยดีจึงไม่ว่ากัน
อิ่มหนำสำราญแล้วโชเฟอร์จึงพาชะโงกทัวร์ไปยังจุดปักหมุดของเมืองกาญจน์อันได้แก่‘เดอะ’สะพานข้ามแม่น้ำแคว อันเลื่องชื่อ และสุสานทหารสัมพันธมิตร(ก็แก่แล้วไง แดดก็ร้อน อิ่มแล้วก็ง่วง เดินไม่ไหว) จึงได้แต่ยกมือไหว้ และแผ่ส่วนกุศลให้เป็นภาษาอังกฤษว่า “May you be very happy in heaven นะคะ“
แต่ก็ต้องแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสียหน่อยตามธรรมเนียมของนักท่องเที่ยวไทยที่ดี คือไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม 1000 มือสี่ทิศที่วิหารเมตตาธรรมโพธิญาณ ซึ่งเป็นวัดมหานิกายจีน ณตำบลหนองหญ้า อำเภอเมือง เป็นเจ้าแม่องค์ใหญ่ ที่สลักจากไม้สวยงามอลังการบานเบิก โถงทางเดิน ด้านข้างยังมี เจ้าแม่กวนอิมปางต่างๆสลักจากไม้หอมอีก 100 กว่าปางในขนาดย่อมลงมาอีกด้วย และยังมีอีกองค์หนึ่งขนาดมหึมาที่ยังสลักไม่เสร็จ แค่ฐานก็ใหญ่ยักษ์แล้ว นอกจากนั้นก็มีวิหารแบบจีนอีกหลังกำลังก่อสร้างอยู่โดยจะใช้หินปูพื้นนำเข้าจากเมืองจีน เป็น ongoing project ที่ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ คล้ายๆวิหาร Sagrada Familia ของ Gaudi ที่ Barcelona ที่ผ่านมากว่า 100 ปีแล้วก็ยังไม่เสร็จเสียที แค่นี้ก็พอหอมปากหอมคอสำหรับการท่องเที่ยววันนี้นะคะ
งั้นเราไปเข้าโรงแรมกันเถอะ ได้เวลา siesta กันแล้ว
แต่เอ! ขับรถมาตั้งนานทำไมยังไม่ถึงสักทีหนอ? ก็เพราะพวกเธอลืมอ่าน fine prints ที่ระบุพิกัด อัตราและเงื่อนไขต่างๆตามประสาวัยรุ่น(เก่า) ใจร้อนไงล่ะ ที่พอเห็นที่พักสวยถูกใจก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม(สำนวนโบราญของแม่อิชั้นค่ะ เด็กๆ)รีบจิ้มกด‘ ตกลง‘ ทันทีเลย พอนึกสงสัยว่าคนขับพาหลงป่าเข้าไปในทางแค๊บแคบ ขนาด นั่งรถเข้ามายังต้องแขม่วท้องทำตัวลีบเล็ก หรือเปล่านะ ก็…
ถึงพอดี… 60 กิโลเมตรจากตัวเมือง
ทีแรก ก็แอบใจเสียเล็กน้อยเมื่อสุดทางแสนแคบ มีประตูเหล็กเล็กๆคล้ายตามบ้านตากอากาศหัวหินของพวกผู้ดีเก่า ติดป้ายชื่อรีสอร์ทไว้ แต่พอเลี้ยวเข้าไปก็โล่งอก เพราะมีสวนตกแต่งแบบน่ารัก ไม่มากไม่น้อย เข้าไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์กึ่งห้องอาหารโปร่งตา มองเห็นวิวรอบทิศทางผ่านสระว่ายน้ำเลยไปถึงริมแม่น้ำโน่น แล้วก็นั่งรถกอล์ฟลงเนินสูง เลี้ยวหักศอกไป2-3โค้งไปยังแพที่พัก ที่ลอยอยู่บนลำน้ำแควน้อย โดยมีพนักงานต้อนรับชื่อสตรองบอย เป็นหนุ่มน้อยชาวต่างชาติแสนสุภาพ โหงวเฮ้งเป็นมิตร มีผมยาว สลวย สีน้ำตาล กระโดดขึ้นมานั่งด้านหน้าคู่คนขับอย่างเงียบๆนำเราไปส่งถึงแพที่พัก… ลืมบอกไปว่าพนักงานต้อนรับคนนี้เขามี4ขาค่ะ เป็นหมาชาย พันธุ์ English Shepherd และถ้าเห็นพวกเรามัวโอ้เอ้ถ่ายรูปไม่รู้จักขึ้นรถกอล์ฟสักที เค้าก็จะคาบก้อนหินมาวางที่พื้นรถดังกร็อก เป็นการเตือนอย่างสุภาพว่ารถจะออกแล้วนะครับคุณป้า!
ที่พักของเรามีรูปร่างเหมือนไข่นกกระจอกเทศยักษ์วางเรียงกันบนพื้นน้ำประมาณแปดถึง 10 ฟอง ด้านหน้าริมแม่น้ำมีบันได ไต่ลงไปสู่แม่น้ำเผื่อใครจะอยากลงไปนั่งแกว่งขาเล่นในลำน้ำเชี่ยวให้เสียวเล่น บนระเบียงกว้างวางอ่างอาบน้ำทรงกลมไว้ นอน แช่ bubble bath ระหว่างจิบไวน์ชมจันทร์ โรงแรมนี้มีสัปปายะดีมาก ขอบอก จะเลือกมา honeymoon หรือมาปฏิบัติธรรมก็ได้(แหม! คนละฟีลลิ่งเลย!) เหมาะที่จะจ้องมองกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวเพื่อพิจารณาว่า เวลาและวารีไม่คอยใคร จะรีบกินรีบเที่ยวก็จงทำซะ ไม่ก็ทอดสายตาไปยังฝั่งตรงข้ามที่ไร้สิ่งปลูกสร้างใดใดโดยสิ้นเชิงยกเว้นผืนป่าไม้เขียวขจีที่เย็นตา
ในช่วงเย็นมี เรือลากแพบรรจุนักท่องเที่ยว สวมเสื้อชูชีพเรียบร้อย ประมาณ 30 คนล่องผ่านแพไข่ของเรา แล้วสักครู่ก็ปล่อยให้พวกเขา กระโดดลงน้ำลอยเท้งเต้งตามกระแสน้ำเชี่ยว โดยแพจะถ่อไปรับที่ปลายทาง ดูน่าสนุกพิลึก อยากทำอย่างนั้นบ้างแต่เพื่อนอีกสองคนไม่ยอมสนุกไปด้วย น่าชมเชยนักท่องเที่ยวฝรั่งพวกนี้นะคะเพราะเขาล่องลอยคอกันอย่างเงียบเงียบ เคารพธรรมชาติอันสงบ ไม่เหมือนฉิ่งฉับทัวร์ของประเทศเราเลย เตือนเอาไว้ตรงนี้ว่ากระแสน้ำแรงมาก หากตกลงไปไม่แคล้วต้องตามไปเก็บซากเอาแถวอ่าวไทยนั่นแหละ!
ที่พวกเรา ถูกใจมากถึงมากที่สุดของโรงแรมไข่นกกระจอกนี้ได้แก่ห้องน้ำค่ะ พื้นที่อาบน้ำกว้างขวาง ใหญ่ ยาว รี ประมาณว่ายกแข้งยกขาหน้าหลังได้สะดวก ดีไซน์เก๋ไก๋สุขภัณฑ์มีระดับ อุปกรณ์ฝักบัวใช้ยี่ห้อ Grohe เชียวนะ ซึ่งนึกไม่ ถึงว่าเจอในโรงแรมที่อยู่ไกลปืนเที่ยงเช่นนี้ แต่ไม่บอกชื่อโรงแรมหรอกเพราะไม่ได้ค่าโฆษณา !ในไข่แต่ละฟองผนังโค้งเหมือน อยู่ในไข่เลย ทำให้ห้องดูกว้างกว่าที่เป็นจริง และจุ๊จุ๊อย่าบอกใครนะไข่แต่ละฟองสามารถนอนได้ถึงสี่คนเพราะข้างบนเป็นชั้นลอยที่กว้างขวาง มีเตียงนอนได้อีกสองคน
เอ้า!ว่ากันต่อ …ทางรีสอร์ทมีบริการเสิร์ฟอาหารในห้องพักให้ด้วยทั้ง3มื้อ ฃถ้าไม่อยากไปรับประทานในห้องอาหาร แต่พวกเราอยากจะไปชมแสงสีเสียงของชีวิตราตรีแถบนี้มากกว่า นั่งรถออกไปไม่กี่กิโลเมตรก็ถึงหมู่บ้านศูนย์กลางชุมชน มีร้านค้าและร้านอาหารประปราย มีความเจริญทัดเทียมเมืองหลวงแม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆก็ตาม อันนี้อิฉันวัดเองจากดัชนีความเจริญคือมีเซเว่นและบิ๊กซีขนาดย่อมไว้บริการชาวบ้านด้วย
เราเลือกร้านอาหารโอ่โถงจัดการกับมื้อเย็นแกล้มไวน์ที่แอบหยิบมาจากคุณสามีแต่อนิจจา ทั้งร้านมีแก้วไวน์อยู่เพียงสองแก้วเท่านั้น! ข้อนี้แนะนำให้ซื้อมาสักโหลหนึ่งนะคะเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอินเตอร์ขี้เมาทั้งหลาย
เมียตำรวจจ้ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้