🔬ในปัจจุบันมีคนไทยที่เป็นมะเร็งและอยู่ระหว่างการรักษาประมาณ 500,000 คน ซึ่งหมายความว่าประชากรจำนวนมากกำลังต่อสู้กับโรคร้ายที่ต้องอาศัยทั้งการรักษาทางการแพทย์และการดูแลตนเองในชีวิตประจำวันอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่อง อาหารการกิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของการรักษา
🔬 สารอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) คืออะไร
🥜อะฟลาทอกซินเป็น สารพิษจากเชื้อรา กลุ่ม Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus ที่มักปนเปื้อนอยู่ในอาหารแห้ง ที่สำคัญเช่น พริกแห้ง, พริกป่น, ถั่วลิสง, ธัญพืช ฯลฯ
🌶️ในบริบทของอาหารไทย “พริกแห้งและพริกป่น” เป็นส่วนประกอบแทบทุกเมนู ตั้งแต่ต้ม ผัด แกง ยันน้ำจิ้ม ซึ่งการตรวจสอบในตลาดประเทศไทยพบว่า พริกแห้งและพริกป่นที่จำหน่ายจากตลาด มีการปนเปื้อนอะฟลาทอกซินเกือบ 100% — การรับเป็นเวลานานจะสะสมในร่างกาย
⚠️ ผลกระทบของอะฟลาทอกซินต่อผู้ป่วยมะเร็ง
🩺อะฟลาทอกซินเป็นสารก่อมะเร็ง (carcinogen) ระดับสูง โดยเฉพาะมะเร็งตับ ซึ่งได้รับการจัดอยู่ในกลุ่ม สารก่อมะเร็งชนิดที่ 1 โดยองค์การอนามัยโลก (WHO)
ในผู้ที่กำลังรักษามะเร็งอยู่ —
🧬ร่างกายจะอยู่ในภาวะอ่อนแอ ระบบภูมิคุ้มกันลดลง
🩸ตับและไตต้องทำงานหนักจากการรับยาเคมีบำบัด
🦠การได้รับอะฟลาทอกซินเพิ่มเข้าไปจะยิ่งเพิ่มภาระให้ตับ ทำให้ การขับสารพิษและการเผาผลาญยาได้ผลลดลง
💊ส่งผลให้ ประสิทธิภาพของการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร และเร่งให้เกิดการกลับเป็นซ้ำของเซลล์มะเร็งได้ง่ายขึ้น
✅ คำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงสารอะฟลาทอกซิน
1. เลือกซื้อพริกแห้งและพริกป่นจากแหล่งที่เชื่อถือได้
2. ตรวจสอบแหล่งผลิตพริกปลอดสารอะฟลาทอกซิน
💡 สรุป:
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งหรือผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษา ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโอกาสปนเปื้อนอะฟลาทอกซินโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะพริกแห้งและพริกป่น เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับสารก่อมะเร็งเพิ่มอีก และเพื่อช่วยให้การรักษาได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
CR
https://www.facebook.com/share/p/17ABjtTDXc/?mibextid=wwXIfr
เพิ่มเติม เกี่ยวกับ อะฟลาทอกซิน
อะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) มีผลต่อเซลล์และเป็นสารก่อมะเร็งในร่างกายมนุษย์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับการเกิดมะเร็งตับ (Hepatocellular Carcinoma: HCC)
องค์การอนามัยโลกจัดให้สารอะฟลาทอกซินเป็นสารก่อมะเร็งที่ร้ายแรงมากชนิดหนึ่ง
กลไกที่อะฟลาทอกซินก่อให้เกิดมะเร็ง
เมื่อร่างกายได้รับอะฟลาทอกซิน (ส่วนใหญ่คือ Aflatoxin B1) เข้าไป ตับจะทำหน้าที่เมตาบอไลซ์ (Metabolize) สารนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดสารตัวกลางที่มีฤทธิ์สูงและทำอันตรายต่อเซลล์ได้ โดยกลไกหลัก ๆ คือ:
1. ทำลาย DNA และก่อให้เกิดการกลายพันธุ์: สารตัวกลางของอะฟลาทอกซินจะเข้าจับกับ DNA (เกิดเป็น DNA adducts) ของเซลล์ตับ การทำลายนี้หากไม่ได้รับการซ่อมแซมอย่างถูกต้องจะนำไปสู่การเกิดการกลายพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลายพันธุ์ในยีนที่สำคัญ เช่น ยีน p53 ซึ่งเป็นยีนยับยั้งเนื้องอก (Tumor Suppressor Gene) การกลายพันธุ์นี้ทำให้เซลล์มีการเจริญเติบโตและแบ่งตัวอย่างควบคุมไม่ได้ จนนำไปสู่การก่อตัวของเนื้องอกมะเร็ง
2. กระตุ้นการอักเสบและภาวะตับแข็ง: การได้รับสารอะฟลาทอกซินอย่างต่อเนื่องจะนำไปสู่การอักเสบของตับเรื้อรัง ซึ่งอาจพัฒนาไปเป็นภาวะตับแข็ง (Cirrhosis) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการเกิดมะเร็งตับ
3. ผลต่อการแบ่งเซลล์: มีการศึกษาพบว่าอะฟลาทอกซินสามารถกระตุ้นวิถีการส่งสัญญาณในเซลล์ เช่น AKT/mTOR signaling pathway ซึ่งส่งผลให้เกิดการเพิ่มจำนวนและการอยู่รอดของเซลล์ (Cell Proliferation and Survival)
การได้รับอะฟลาทอกซินในปริมาณน้อยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากมะเร็งตับแล้ว ยังมีข้อมูลที่เชื่อมโยงอะฟลาทอกซินกับการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งประเภทอื่น ๆ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งทางเดินอาหาร และมะเร็งเต้านม
วิดีโอนี้อธิบายถึงอันตรายของสารอะฟลาทอกซินในอาหารแห้งและผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นสารพิษก่อมะเร็งที่ร้ายแรง
คนเป็นมะเร็ง กำลังรักษามะเร็ง ควรหลีกเลี่ยงอะไร?
🔬 สารอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) คืออะไร
🥜อะฟลาทอกซินเป็น สารพิษจากเชื้อรา กลุ่ม Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus ที่มักปนเปื้อนอยู่ในอาหารแห้ง ที่สำคัญเช่น พริกแห้ง, พริกป่น, ถั่วลิสง, ธัญพืช ฯลฯ
🌶️ในบริบทของอาหารไทย “พริกแห้งและพริกป่น” เป็นส่วนประกอบแทบทุกเมนู ตั้งแต่ต้ม ผัด แกง ยันน้ำจิ้ม ซึ่งการตรวจสอบในตลาดประเทศไทยพบว่า พริกแห้งและพริกป่นที่จำหน่ายจากตลาด มีการปนเปื้อนอะฟลาทอกซินเกือบ 100% — การรับเป็นเวลานานจะสะสมในร่างกาย
⚠️ ผลกระทบของอะฟลาทอกซินต่อผู้ป่วยมะเร็ง
🩺อะฟลาทอกซินเป็นสารก่อมะเร็ง (carcinogen) ระดับสูง โดยเฉพาะมะเร็งตับ ซึ่งได้รับการจัดอยู่ในกลุ่ม สารก่อมะเร็งชนิดที่ 1 โดยองค์การอนามัยโลก (WHO)
ในผู้ที่กำลังรักษามะเร็งอยู่ —
🧬ร่างกายจะอยู่ในภาวะอ่อนแอ ระบบภูมิคุ้มกันลดลง
🩸ตับและไตต้องทำงานหนักจากการรับยาเคมีบำบัด
🦠การได้รับอะฟลาทอกซินเพิ่มเข้าไปจะยิ่งเพิ่มภาระให้ตับ ทำให้ การขับสารพิษและการเผาผลาญยาได้ผลลดลง
💊ส่งผลให้ ประสิทธิภาพของการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร และเร่งให้เกิดการกลับเป็นซ้ำของเซลล์มะเร็งได้ง่ายขึ้น
✅ คำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงสารอะฟลาทอกซิน
1. เลือกซื้อพริกแห้งและพริกป่นจากแหล่งที่เชื่อถือได้
2. ตรวจสอบแหล่งผลิตพริกปลอดสารอะฟลาทอกซิน
💡 สรุป:
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งหรือผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษา ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโอกาสปนเปื้อนอะฟลาทอกซินโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะพริกแห้งและพริกป่น เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับสารก่อมะเร็งเพิ่มอีก และเพื่อช่วยให้การรักษาได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
CR https://www.facebook.com/share/p/17ABjtTDXc/?mibextid=wwXIfr
เพิ่มเติม เกี่ยวกับ อะฟลาทอกซิน
อะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) มีผลต่อเซลล์และเป็นสารก่อมะเร็งในร่างกายมนุษย์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับการเกิดมะเร็งตับ (Hepatocellular Carcinoma: HCC)
องค์การอนามัยโลกจัดให้สารอะฟลาทอกซินเป็นสารก่อมะเร็งที่ร้ายแรงมากชนิดหนึ่ง
กลไกที่อะฟลาทอกซินก่อให้เกิดมะเร็ง
เมื่อร่างกายได้รับอะฟลาทอกซิน (ส่วนใหญ่คือ Aflatoxin B1) เข้าไป ตับจะทำหน้าที่เมตาบอไลซ์ (Metabolize) สารนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดสารตัวกลางที่มีฤทธิ์สูงและทำอันตรายต่อเซลล์ได้ โดยกลไกหลัก ๆ คือ:
1. ทำลาย DNA และก่อให้เกิดการกลายพันธุ์: สารตัวกลางของอะฟลาทอกซินจะเข้าจับกับ DNA (เกิดเป็น DNA adducts) ของเซลล์ตับ การทำลายนี้หากไม่ได้รับการซ่อมแซมอย่างถูกต้องจะนำไปสู่การเกิดการกลายพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลายพันธุ์ในยีนที่สำคัญ เช่น ยีน p53 ซึ่งเป็นยีนยับยั้งเนื้องอก (Tumor Suppressor Gene) การกลายพันธุ์นี้ทำให้เซลล์มีการเจริญเติบโตและแบ่งตัวอย่างควบคุมไม่ได้ จนนำไปสู่การก่อตัวของเนื้องอกมะเร็ง
2. กระตุ้นการอักเสบและภาวะตับแข็ง: การได้รับสารอะฟลาทอกซินอย่างต่อเนื่องจะนำไปสู่การอักเสบของตับเรื้อรัง ซึ่งอาจพัฒนาไปเป็นภาวะตับแข็ง (Cirrhosis) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการเกิดมะเร็งตับ
3. ผลต่อการแบ่งเซลล์: มีการศึกษาพบว่าอะฟลาทอกซินสามารถกระตุ้นวิถีการส่งสัญญาณในเซลล์ เช่น AKT/mTOR signaling pathway ซึ่งส่งผลให้เกิดการเพิ่มจำนวนและการอยู่รอดของเซลล์ (Cell Proliferation and Survival)
การได้รับอะฟลาทอกซินในปริมาณน้อยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากมะเร็งตับแล้ว ยังมีข้อมูลที่เชื่อมโยงอะฟลาทอกซินกับการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งประเภทอื่น ๆ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งทางเดินอาหาร และมะเร็งเต้านม
วิดีโอนี้อธิบายถึงอันตรายของสารอะฟลาทอกซินในอาหารแห้งและผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นสารพิษก่อมะเร็งที่ร้ายแรง