“ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance)” ถึงเป็นรากเหง้าของโรคเรื้อรังหลายชนิด และทำไมเราควรให้ความสำคัญกับมันที่สุด

“ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance)” ถึงเป็นรากเหง้าของโรคเรื้อรังหลายชนิด และทำไมเราควรให้ความสำคัญกับมันที่สุด
1️⃣ อินซูลินคือฮอร์โมนควบคุมพลังงาน
อินซูลินมีหน้าที่ พา “กลูโคส” เข้าสู่เซลล์ เพื่อใช้เป็นพลังงาน
เมื่อเรากินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปบ่อย ๆ ร่างกายจะหลั่งอินซูลินตลอดเวลา
เซลล์จึงเริ่ม “ดื้อต่ออินซูลิน” ทำให้ต้องหลั่งอินซูลินมากขึ้น → วงจรแย่ลงเรื่อย ๆ
2️⃣ เมื่อดื้อต่ออินซูลิน = ระบบเผาผลาญพัง
ภาวะนี้ทำให้:
ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
ร่างกายเก็บไขมันง่ายขึ้น แต่เผาผลาญยาก
เกิด ไขมันพอกตับ (Fatty Liver)
เสี่ยง เบาหวานชนิดที่ 2, ความดันสูง, อัลไซเมอร์, มะเร็งบางชนิด, และ โรคหัวใจ
3️⃣ อินซูลินสูง → หยุด “Autophagy” และ “Fat Burning”
เมื่ออินซูลินสูง ร่างกายจะ หยุดการเผาผลาญไขมัน (fat oxidation)
กระบวนการ “autophagy” (การรีไซเคิลเซลล์เสีย) ก็จะถูกปิด → แก่เร็ว, เซลล์เสื่อมง่าย
4️⃣ สัญญาณของภาวะดื้อต่ออินซูลิน
อ้วนบริเวณท้อง (พุง)
ง่วงหลังอาหาร
น้ำตาลและไตรกลีเซอไรด์สูง
HDL ต่ำ
ความดันสูง
5️⃣ วิธี “กลับด้าน” ภาวะดื้อต่ออินซูลิน
Dr. Bikman แนะนำให้ปรับ 3 เรื่องหลัก ๆ 👇
🍳 1. ลดคาร์บ เพิ่มไขมันดี (Low Carb, High Fat)
กินอาหารจริง (real food)
หลีกเลี่ยงน้ำตาลและแป้งขัดสี
เพิ่มโปรตีนคุณภาพและไขมันดี เช่น ไข่, ปลา, อะโวคาโด, น้ำมันมะกอก
⏰ 2. ทำ Intermittent Fasting (IF)
ช่วยลดระดับอินซูลิน
กระตุ้นการใช้ไขมันและการซ่อมเซลล์ (autophagy)
🏃 3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
โดยเฉพาะ “Resistance training” (ยกน้ำหนัก) ช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินในกล้าม

ขอบคุณท่ี่มา: Dr. Ben Bikman
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่