ค่าสเปรดหมายถึง
ความต่างระหว่างราคาเสนอซื้อ (Bid) กับ
ราคาเสนอขาย (Ask) — หรือกล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ส่วนต่างที่ต้อง “จ่าย” เมื่อเข้าซื้อ-ขายในตลาด.
สูตรคำนวณคือ
Spread = Ask – Bid
เช่น ถ้าราคา EUR/USD แสดงเป็น 1.1050 / 1.1052
– Bid = 1.1050
– Ask = 1.1052
– Spread = 0.0002 หรือ 2 pips
การเข้าใจค่าสเปรดช่วยให้คุณประเมินต้นทุนรวมได้แม่นยำ และเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะกับแนวทางเทรดของคุณ
ทำไมจึงมีสเปรด? บทบาทของ Market Maker และสภาพคล่อง
ในตลาดการเงิน มีผู้ทำหน้าที่สร้างสภาพคล่องที่เรียกว่า
Market Maker หรือผู้ให้ราคาซื้อ-ขายอย่างต่อเนื่อง พวกเขาแบกรับความเสี่ยงในการถือสินทรัพย์ จึงเรียกเก็บสเปรดเป็นค่าตอบแทน ความกว้างหรือแคบของสเปรดจึงสะท้อนความเสี่ยงต่อ Market Maker และสถานะของตลาด ณ ขณะนั้น
ตัวอย่างตลาดที่มีสเปรดแตกต่างกัน:
ฟอเร็กซ์ (Forex) — สเปรดมักนับเป็น pip
หุ้น — สเปรดขึ้นกับ tick size และสภาพคล่อง
ตลาดคริปโต — ผันผวนสูง จึงมักมีสเปรดกว้าง
สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น ทองคำ, น้ำมัน) — มีสเปรดเฉพาะของแต่ละแพลตฟอร์มและช่วงเวลา
Fixed Spread vs Floating Spread
Fixed Spread
ค่าสเปรดคงที่ ไม่เปลี่ยนตามสภาวะตลาด
เหมาะกับเทรดเดอร์ใหม่ และผู้ที่ต้องการควบคุมต้นทุนล่วงหน้า
Floating Spread
ค่าเปลี่ยนแปลงตามสภาพคล่องในตลาด
มักแคบในช่วงตลาดนิ่ง และขยายในช่วงมีข่าว
เหมาะกับผู้ที่เข้าใจตลาดและรับความเสี่ยงได้
ทั้งนี้ ไม่มีแบบใด “ดีที่สุด” สำหรับทุกคน — ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าสเปรด
สภาพคล่อง (Liquidity) — ยิ่งสภาพคล่องสูง สเปรดมักจะแคบ
ความผันผวน (Volatility) — เมื่อตลาดเคลื่อนไหวแรง สเปรดจะขยาย
ปริมาณการซื้อขาย (Volume) — ยอดเทรดสูงช่วยลดสเปรด
ประเภทโบรกเกอร์ — ECN / STP มักให้สเปรดแคบ แต่มีค่าคอมมิชชั่น
ช่วงเวลาเทรด / ข่าวสำคัญ — ช่วงข่าวอาจทำให้สเปรดกว้าง
ค่าสเปรดคืออะไร?
สูตรคำนวณคือ
– Bid = 1.1050
– Ask = 1.1052
– Spread = 0.0002 หรือ 2 pips
การเข้าใจค่าสเปรดช่วยให้คุณประเมินต้นทุนรวมได้แม่นยำ และเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะกับแนวทางเทรดของคุณ
ทำไมจึงมีสเปรด? บทบาทของ Market Maker และสภาพคล่อง
ในตลาดการเงิน มีผู้ทำหน้าที่สร้างสภาพคล่องที่เรียกว่า Market Maker หรือผู้ให้ราคาซื้อ-ขายอย่างต่อเนื่อง พวกเขาแบกรับความเสี่ยงในการถือสินทรัพย์ จึงเรียกเก็บสเปรดเป็นค่าตอบแทน ความกว้างหรือแคบของสเปรดจึงสะท้อนความเสี่ยงต่อ Market Maker และสถานะของตลาด ณ ขณะนั้น
ตัวอย่างตลาดที่มีสเปรดแตกต่างกัน:
ฟอเร็กซ์ (Forex) — สเปรดมักนับเป็น pip
หุ้น — สเปรดขึ้นกับ tick size และสภาพคล่อง
ตลาดคริปโต — ผันผวนสูง จึงมักมีสเปรดกว้าง
สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น ทองคำ, น้ำมัน) — มีสเปรดเฉพาะของแต่ละแพลตฟอร์มและช่วงเวลา
Fixed Spread vs Floating Spread
Fixed Spread
ค่าสเปรดคงที่ ไม่เปลี่ยนตามสภาวะตลาด
เหมาะกับเทรดเดอร์ใหม่ และผู้ที่ต้องการควบคุมต้นทุนล่วงหน้า
Floating Spread
ค่าเปลี่ยนแปลงตามสภาพคล่องในตลาด
มักแคบในช่วงตลาดนิ่ง และขยายในช่วงมีข่าว
เหมาะกับผู้ที่เข้าใจตลาดและรับความเสี่ยงได้
ทั้งนี้ ไม่มีแบบใด “ดีที่สุด” สำหรับทุกคน — ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าสเปรด
สภาพคล่อง (Liquidity) — ยิ่งสภาพคล่องสูง สเปรดมักจะแคบ
ความผันผวน (Volatility) — เมื่อตลาดเคลื่อนไหวแรง สเปรดจะขยาย
ปริมาณการซื้อขาย (Volume) — ยอดเทรดสูงช่วยลดสเปรด
ประเภทโบรกเกอร์ — ECN / STP มักให้สเปรดแคบ แต่มีค่าคอมมิชชั่น
ช่วงเวลาเทรด / ข่าวสำคัญ — ช่วงข่าวอาจทำให้สเปรดกว้าง