สส.ปชน. ติงรัฐบาลเชื่องช้า จี้จัดการสารหนูน้ำกก-สาย หลังพบเกินเกณฑ์ในปัสสาวะ 7 ราย
.
.
“ภัทรพงษ์” สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ติงรัฐบาลเชื่องช้าจัดการปัญหาสารหนูในแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย ซ้ำ 2 รองนายกฯ ลงพื้นที่แต่ไม่พูดถึงปัญหา ชี้ กรมควบคุมโรคตรวจพบเกินเกณฑ์ในปัสสาวะ 7 ชาวเชียงราย
วันที่ 12 ตุลาคม 2568 นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เชียงใหม่ เขต 8 พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงปัญหาสารหนูในแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย ระบุว่า จากน้ำเป็นพิษสู่มนุษย์ ตรวจพบสารหนูในคนพื้นที่ใช้น้ำกก-สาย ค่าสารหนูเกินเกณฑ์ ปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลเชื่องช้า รองนายกรัฐมนตรี 2 คน ลงพื้นที่แต่ไม่พูดถึงปัญหา ต้องให้หนักขึ้นอีกเท่าไหร่ ถึงจะทำงานเป็น
.
นายภัทรพงษ์ เผยต่อไปว่า จากที่ได้ติดตามปัญหาน้ำกก-สาย-รวกเป็นพิษอย่างใกล้ชิด และสื่อสารไปยังรัฐบาลหลายต่อหลายครั้ง ทั้งชุดที่แล้วและชุดนี้ ตั้งแต่พื้นที่ทำเหมืองในประเทศเพื่อนบ้าน แนวทางการเจรจากับต่างประเทศ การจัดการกับผลกระทบภายในประเทศ แต่ที่ผ่านมากลับมีการดำเนินการจากรัฐบาลในการแก้ปัญหานี้น้อยมาก เมื่อเทียบกับความรุนแรงของปัญหา ที่นอกจากปัจจุบันพบประปาหมู่บ้านในพื้นที่น้ำกก-สายเป็นพิษจากตะกั่วไปแล้ว 18 หมู่บ้าน
.
ล่าสุดผลการตรวจปัสสาวะคนในพื้นที่พบสารหนูในคนเกินเกณฑ์ อีกถึง 7 ราย การตรวจปัสสาวะโดยกรมควบคุมโรคครั้งนี้ เป็นการตรวจคนในพื้นที่ใช้น้ำกก-สาย 322 คนในจังหวัดเชียงราย และ 40 คนในจังหวัดเชียงใหม่ โดยทั้ง 7 รายที่ตรวจพบค่าสารหนูเกินเกณฑ์ (100 ug/L) แบ่งเป็นประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายทั้งหมด อำเภอเมือง 3 คน อำเภอเวียงชัย 2 คน เวียงเชียงรุ้ง 1 คน และอำเภอเชียงแสน 1 คน
...
ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐต้องเร่งดำเนินการด้านสาธารณสุขเพิ่มเติมจากตรวจพบสารหนูเกินเกณฑ์ครั้งนี้คือ
.
1. ตรวจสารหนูให้ละเอียดว่าเป็นสารหนูอนินทรีย์เท่าไหร่จากสารหนูทั้งหมด
2. เจาะเลือดตรวจร่างกายโดยละเอียดเพิ่ม เพื่อตรวจความสมบูรณ์เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด
3. ปรับเกณฑ์การกรองคนเพื่อเข้าตรวจปัสสาวะตามพฤติกรรมอื่นๆ ของทั้ง 7 รายนี้เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงมากขึ้น
4. ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยโรคที่ต้องเฝ้าระวังจากน้ำปนเปื้อนสารโลหะหนัก พร้อมนำพื้นที่เหล่านี้เข้าเป็นเขตพื้นที่เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคจากสิ่งแวดล้อมด้วย
.
“นี่คือปัญหาที่เร่งด่วน ต้องจัดการโดยเร็วที่สุด บูรณาการการทำงานร่วมกันจากทุกกรม ทุกกระทรวง แต่ที่ผ่านมา 1 ปีการทำงานของรัฐบาลทุกชุดยังคงละเลยต่อปัญหานี้ ตอนนี้ไม่ใช่แค่แม่น้ำเป็นพิษ ไม่ใช่แค่หลีกเลี่ยงการกินปลา แต่มันลุกลามมาถึงน้ำประปาหมู่บ้านที่ประชาชนใช้ ผลผลิตทางการเกษตรที่ใช้น้ำเหล่านี้ และสะท้อนออกมาจากสุขภาพและชีวิตของประชาชนอย่างชัดเจนแล้ว ผมจะติดตามปัญหานี้อย่างใกล้ชิด แล้วดูการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารนี้อย่างละเอียด ว่ารัฐบาลจะเริ่มทำงานกับเรื่องนี้อย่างจริงจังได้แล้วหรือยัง ทั้งในเรื่องการแก้ปัญหาที่ต้นตอกับต่างประเทศ และการจัดการปัญหาภายในประเทศ”
.
.
.
กองกำลังบูรพาลั่น “เสียงผี” เปิดในแผ่นดินไทย ใครอยากร้องอะไรก็ร้องไป
.
ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพากล่าวถึงกรณีกัมพูชาร้องเรียนคณะ IOT เรื่อง “เสียงผี” ลั่น “จะร้องก็ร้องไป ผมทำในแผ่นดินไทยของผม”
.
วันที่ 12 ต.ค. 68 พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา กล่าวถึงกรณีการประชุม RBC ของฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ว่า ตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้น เพราะแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ยื่นข้อเสนอไปให้ประชุมช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่ทางกัมพูชาก็ไม่ตอบรับข้อเสนอที่เราต้องการ จึงเป็นที่มาที่ไปของการล้มกระดาน ทำให้การประชุมยังไม่เกิดขึ้น
.
โดยทางกองกำลังดำเนินการทุกอย่างจริงจังมาโดยตลอด สร้างสภาพเกื้อกูลให้กับทุกเรื่อง รวมไปถึงการอพยพประชาชน ก็ได้รับความร่วมมือกับทางจังหวัด และจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ให้การสนับสนุนทุกเรื่อง ทำงานด้วยความร่วมมืออย่างจริงจัง
.
ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ก็เจอทุ่นระเบิด 3 ทุ่น นั่นหมายความว่ายังมีเหลือตกค้างในพื้นที่ และเป็นที่น่าเสียใจที่อีกฝ่ายพยายามขัดขวางในเรื่องของการดำเนินการ แทนที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยร่วมกัน แต่ทางไทยก็ไม่ได้สนใจ เพราะทำหนังสือออกไปตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. แล้ว และเป็นปฏิบัติการในแผ่นดินไทย ถึงแม้อีกฝ่ายจะปฏิเสธ แต่ถือว่ายังไงก็เป็นบ้านเรา
.
พล.ต.เบญจพล บอกว่า ทหารทำมีความเสี่ยง แต่ในอนาคตประชาชนปลอดภัย จะได้ทำมาหากิน อย่างน้อยที่สุดประชาชนก็ได้ประโยชน์ ซึ่งตอนนี้ตนก็ได้มอบหมายให้ พันเอก ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 12 ว่า จากนี้ไปหากประชาชนมีความต้องการจะทำมาหากินในพื้นที่ดังกล่าว ให้ดูแลอย่าให้มีปัญหาในลักษณะที่เข้าไปทำกินไม่ได้ ซึ่งตอนนี้ก็พยายามเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์
.
เมื่อถามว่าการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการผลักดันกัมพูชาที่รุกล้ำหรือไม่ พล.ต.เบญจพล บอกว่า “ก็เป็นอย่างนั้น ต้องทำ”
.
ในส่วนที่ประชาชนกำหนดกรอบการผลักดันกัมพูชา วันที่ 31 ต.ค. นั้น พล.ต.เบญจพล กล่าวว่า ก็น่าเป็นห่วง เพราะพี่น้องประชาชนมีความรักชาติรักแผ่นดินไม่แพ้ทหาร แต่ก็ประเมินสถานการณ์อยู่ตลอด หากได้เปรียบจะปฏิบัติการทันที ซึ่งการได้เปรียบคือต้องเหนือกว่าในทุกเรื่อง โดยฝั่งกัมพูชาก็ยังติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายเราอยู่ ตนขยับอะไรฝั่งนั้นรู้หมด จึงอยากขอความร่วมมือให้ช่วยกันปกปิดความลับที่อยู่ของฝ่ายความมั่นคง
.
ส่วนเรื่องการผลักดันกัมพูชาหลังจากนี้ ก็จะไม่มีการเจรจาแล้ว แต่หากเขาจะขอเจรจา ก็ขอให้มีความจริงใจ ที่ผ่านมาเขาทำหนังสือมาแบบคลุมเครือขอประชุมแต่ไม่รู้เรื่องอะไร หากคุยเรื่องที่เราเสนอไปแต่แรกก็จบแล้ว มาเชิญไปประชุมแต่ไม่แจ้งเรื่อง จึงกลัวว่าหากไปแล้วจะเสียเที่ยวเหมือนทุกครั้ง และไม่ได้ประโยชน์ เราจะเดินหน้าต่ออย่างไร
.
ส่วนเรื่องซาวด์ผี ที่เราเปิดแล้วกัมพูชาไปร้องเรียนคณะ IOT นั้น พล.ต.เบญจพล บอกว่า “จะร้องก็ร้องไป ผมทำในแผ่นดินไทยของผม ผมก็มีพี่น้องทหารที่เข้าเวรเฝ้ายามอยู่ ก็มีความเหนื่อยล้า ผมก็ช่วยให้พี่น้องทหารตื่น แล้วทำไมอ่ะ ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนเลย ก็มันทำบ้านผม แผ่นดินผม อยากจะฟ้องอะไรก็ฟ้องไป ผมไม่แคร์ เรื่องนี้”
.
ทั้งนี้ พล.ต.เบญจพล ยืนยันว่า กำลังใจของทหารตอนนี้ดี “ทหารพร้อม เมื่อไหร่เมื่อนั้น เมื่อได้เปรียบ”
.
.
‘สว.อังคณา’ เรียกร้องรัฐบาลไทยชี้แจง กรณีส่งเสียงข้ามพรมแดนกัมพูชา
https://www.dailynews.co.th/news/5197136/
.
"อังคณา นีละไพจิตร" สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยชี้แจงต่อสหประชาชาติ หลังมีรายงานว่าหน่วยทหารไทยส่งเสียงข้ามพรมแดน จงใจสร้างความหวาดกลัวแก่พลเรือนกัมพูชา
.
“กัมพูชา” ร้องยูเอ็นสอบไทย ปมใช้ลำโพงเปิดเสียง “ผี–เครื่องบิน” ก่อความหวาดกลัวให้ชาวบ้านชายแดน ชี้เข้าข่ายการคุกคามทางจิตวิทยา ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้
.
เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “
นางอังคณา นีละไพจิตร” สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว “
https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/pfbid0xWwe4LUYSTcjPafCQwBev2zy7U4FDnMXAWrufJwPSVjAMiCXdpr2txGz6QKkLnzFl Angkhana Neelapaijit” โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยชี้แจงต่อสหประชาชาติ กรณีหน่วยทหารส่งเสียงข้ามพรมแดนกัมพูชา จงใจสร้างความหวาดกลัวต่อพลเรือน กลุ่มเปราะบาง พร้อมเตือนอาจเข้าข่ายการทรมานทางจิตวิทยา
.
โดยเจ้าของโพสต์ ระบุข้อความว่า
.
“ในช่วงความขัดแย้ง/ สงคราม การปล่อยให้อินฟลูฯ หรือกลุ่มบุคคลเข้าไปกระทำการเพื่อสร้างความกดดันหรือความหวาดกลัว ถือเป็นความท้าทายอย่างมากต่อรัฐบาลโดยเฉพาะ รมต.ต่างประเทศ ถึงแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อหาทางออกร่วมกัน รัฐบาลไทยควรตระหนักว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นถูกรายงานไปยังองค์การสหประชาชาติ”
.
อีกทั้ง
“วานนี้ (11 ตุลาคม) Keo Remy ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (Cambodia Human Rights Committee) ได้มีหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน สหประชาชาติ ระบุว่า “คณะกรรมาธิการ ได้รับรายงานที่เชื่อถือได้จากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและพลเรือนที่ได้รับผลกระทบในหมู่บ้านเปรย์จัน และจ็อกเจย์ ตำบลโอเบย์จอน อำเภอโอจรอว์ จังหวัดบันเตียเมียนเจย ระบุว่า หน่วยทหารแห่งราชอาณาจักรไทยได้กระจายเสียงที่มีลักษณะคล้ายเสียงโหยหวนของภูตผีผ่านลำโพงขนาดใหญ่ ตั้งแต่เวลา 22.44 น. จนถึงเวลา 00.04 น. จากนั้นได้เปิดเสียงเครื่องยนต์อากาศยานต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 03.22 น. ถึงเวลา 03.53 น. โดยจงใจส่งเสียงไปยังชาวบ้านกัมพูชาในพื้นที่ใกล้เคียง”
.
นอกจากนี้
“ซึ่งมีเจตนาเพื่อรบกวนและข่มขวัญ เสียงเหล่านี้ ซึ่งถูกอธิบายว่าเป็นเสียงดังแหลมสูงและต่อเนื่องเป็นเวลานาน ได้สร้างความเดือดร้อนในการนอนหลับก่อให้เกิดความวิตกกังวลและสร้างความไม่สบายทางร่างกายในหมู่ชาวบ้าน รวมถึงสตรี เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และคนพิการ การกระทำที่เป็นปฏิปักษ์และยั่วยุในลักษณะเช่นนี้ไม่เพียงเป็นอันตรายต่อสุขภาพกายและใจของพลเรือนกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน การกระทำดังกล่าวไม่มีในสังคมอารยะใด ๆ และขัดแย้งโดยตรงกับหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ (These actions have no place in any civilized society and stand in direct contradiction to the principles of the United Nations Charter) ซึ่งยึดมั่นในสันติภาพ สิทธิมนุษยชน และการเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกันระหว่างประเทศ การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อเจตนารมณ์ของ ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2025 และ บันทึกข้อตกลง 13 ข้อของการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม (GBC) สมัยวิสามัญระหว่างกัมพูชาและไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2025”
.
อย่างไรก็ตาม
“รัฐบาลควรตระหนักว่า การทำใดๆ ที่ทำให้เกิดความหวาดกลัวหรือส่งผลกระทบต่อจิตใจของพลเรือนแม้จะเป็นคู่ขัดแย้งในสงคราม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อาจเข้าข่ายการทรมานทางจิตวิทยา (Psychological Torture) ตามอนุสัญญา CAT ที่ประเทศไทยเป็นภาคี อยากฟังว่า รัฐบาลจะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไรในเวทีระดับโลก”
.
ขอบคุณข้อมูล : Angkhana Neelapaijit
.
https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/pfbid0xWwe4LUYSTcjPafCQwBev2zy7U4FDnMXAWrufJwPSVjAMiCXdpr2txGz6QKkLnzFl
JJNY : สส.ปชน.จี้จัดการสารหนูน้ำกก-สาย│“เสียงผี”เปิดในแผ่นดินไทย│‘สว.อังคณา’ ร้องรัฐบาลไทยชี้แจง│กัน จอมพลังโต้นักสิทธิ
.
‘สว.อังคณา’ เรียกร้องรัฐบาลไทยชี้แจง กรณีส่งเสียงข้ามพรมแดนกัมพูชา
https://www.dailynews.co.th/news/5197136/
.
"อังคณา นีละไพจิตร" สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยชี้แจงต่อสหประชาชาติ หลังมีรายงานว่าหน่วยทหารไทยส่งเสียงข้ามพรมแดน จงใจสร้างความหวาดกลัวแก่พลเรือนกัมพูชา
.
“กัมพูชา” ร้องยูเอ็นสอบไทย ปมใช้ลำโพงเปิดเสียง “ผี–เครื่องบิน” ก่อความหวาดกลัวให้ชาวบ้านชายแดน ชี้เข้าข่ายการคุกคามทางจิตวิทยา ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้
.
เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “นางอังคณา นีละไพจิตร” สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว “https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/pfbid0xWwe4LUYSTcjPafCQwBev2zy7U4FDnMXAWrufJwPSVjAMiCXdpr2txGz6QKkLnzFl Angkhana Neelapaijit” โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยชี้แจงต่อสหประชาชาติ กรณีหน่วยทหารส่งเสียงข้ามพรมแดนกัมพูชา จงใจสร้างความหวาดกลัวต่อพลเรือน กลุ่มเปราะบาง พร้อมเตือนอาจเข้าข่ายการทรมานทางจิตวิทยา
.
โดยเจ้าของโพสต์ ระบุข้อความว่า
.
“ในช่วงความขัดแย้ง/ สงคราม การปล่อยให้อินฟลูฯ หรือกลุ่มบุคคลเข้าไปกระทำการเพื่อสร้างความกดดันหรือความหวาดกลัว ถือเป็นความท้าทายอย่างมากต่อรัฐบาลโดยเฉพาะ รมต.ต่างประเทศ ถึงแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อหาทางออกร่วมกัน รัฐบาลไทยควรตระหนักว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นถูกรายงานไปยังองค์การสหประชาชาติ”
.
อีกทั้ง “วานนี้ (11 ตุลาคม) Keo Remy ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (Cambodia Human Rights Committee) ได้มีหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน สหประชาชาติ ระบุว่า “คณะกรรมาธิการ ได้รับรายงานที่เชื่อถือได้จากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและพลเรือนที่ได้รับผลกระทบในหมู่บ้านเปรย์จัน และจ็อกเจย์ ตำบลโอเบย์จอน อำเภอโอจรอว์ จังหวัดบันเตียเมียนเจย ระบุว่า หน่วยทหารแห่งราชอาณาจักรไทยได้กระจายเสียงที่มีลักษณะคล้ายเสียงโหยหวนของภูตผีผ่านลำโพงขนาดใหญ่ ตั้งแต่เวลา 22.44 น. จนถึงเวลา 00.04 น. จากนั้นได้เปิดเสียงเครื่องยนต์อากาศยานต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 03.22 น. ถึงเวลา 03.53 น. โดยจงใจส่งเสียงไปยังชาวบ้านกัมพูชาในพื้นที่ใกล้เคียง”
.
นอกจากนี้ “ซึ่งมีเจตนาเพื่อรบกวนและข่มขวัญ เสียงเหล่านี้ ซึ่งถูกอธิบายว่าเป็นเสียงดังแหลมสูงและต่อเนื่องเป็นเวลานาน ได้สร้างความเดือดร้อนในการนอนหลับก่อให้เกิดความวิตกกังวลและสร้างความไม่สบายทางร่างกายในหมู่ชาวบ้าน รวมถึงสตรี เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และคนพิการ การกระทำที่เป็นปฏิปักษ์และยั่วยุในลักษณะเช่นนี้ไม่เพียงเป็นอันตรายต่อสุขภาพกายและใจของพลเรือนกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน การกระทำดังกล่าวไม่มีในสังคมอารยะใด ๆ และขัดแย้งโดยตรงกับหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ (These actions have no place in any civilized society and stand in direct contradiction to the principles of the United Nations Charter) ซึ่งยึดมั่นในสันติภาพ สิทธิมนุษยชน และการเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกันระหว่างประเทศ การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อเจตนารมณ์ของ ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2025 และ บันทึกข้อตกลง 13 ข้อของการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม (GBC) สมัยวิสามัญระหว่างกัมพูชาและไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2025”
.
อย่างไรก็ตาม “รัฐบาลควรตระหนักว่า การทำใดๆ ที่ทำให้เกิดความหวาดกลัวหรือส่งผลกระทบต่อจิตใจของพลเรือนแม้จะเป็นคู่ขัดแย้งในสงคราม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อาจเข้าข่ายการทรมานทางจิตวิทยา (Psychological Torture) ตามอนุสัญญา CAT ที่ประเทศไทยเป็นภาคี อยากฟังว่า รัฐบาลจะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไรในเวทีระดับโลก”
.
ขอบคุณข้อมูล : Angkhana Neelapaijit
.
https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/pfbid0xWwe4LUYSTcjPafCQwBev2zy7U4FDnMXAWrufJwPSVjAMiCXdpr2txGz6QKkLnzFl