เรื่องลึกลับแปลกประหลาดจากทั่วโลก ; ปีศาจ๒๑หน้า กับขนมกูลิโกะ "อัพจังหวะความสุขสนุกขึ้นกับป๊อกกี้"

เรื่องลึกลับแปลกประหลาดจากทั่วโลก 

ย้อนกลับไป 18 มีนาคม 1984 ชายสองคนบุกเข้าไปในบ้านของ คัตสึฮิสะ เอซากิ ประธานบริษัทขนมยักษ์ใหญ่ เอซากิ กูลิโกะ พวกเขาจับมัดสมาชิกในครอบครัวไว้ ก่อนจะลากตัวประธานที่กำลังอาบน้ำออกมา และพาไปกักขังในโกดังแห่งหนึ่ง
แม้ว่าในอีก 65 ชั่วโมงต่อมา ประธานเอซากิจะสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ ก่อนที่บริษัทจะจ่ายเงินค่าไถ่ แต่ความน่ากลัวของเรื่องนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

หลังจากนั้นไม่นาน มีการยกระดับการข่มขู่ ด้วยการวางเพลิงในที่จอดรถของบริษัท พร้อมทิ้งขวดกรดไฮโดรคลอริก และจดหมายขู่ที่ถูกทิ้งไว้ในโรงงานของกูลิโกะ
ไม่นาน จดหมายขู่กรรโชกเริ่มถูกส่งไปทั่วประเทศ ทุกฉบับลงชื่อว่า "ปีศาจ 21 หน้า" เนื้อหาเต็มไปด้วยการเย้ยหยันตำรวจ และข่มขู่ว่าจะใส่ "ไซยาไนด์" ลงในขนมที่วางขาย

ความตื่นตระหนกปะทุขึ้นทั่วญี่ปุ่น ปีศาจไม่ได้ระบุว่าขนมชนิดใดถูกวางยาพิษ บริษัทกูลิโกะจึงตัดสินใจเรียกคืนสินค้าทั่วประเทศทันที ทำให้บริษัทสูญเสียรายได้มหาศาล และผู้คนก็พากันหลีกเลี่ยงการซื้อขนมไปโดยสิ้นเชิง
ต่อมา กล้องวงจรปิดจับภาพชายคนหนึ่งสวมหมวกทีมเบสบอลไจแอนท์ส กำลังวางกล่องกูลิโกะบนชั้นวาง ภาพนี้ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง แต่ก็ไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้

แม้ปีศาจจะประกาศ "ให้อภัย" กูลิโกะในเดือนมิถุนายน 1984 แต่ตลาดก็ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ พวกเขาเพียงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังบริษัทขนมและอาหารรายใหญ่อื่น ๆ อย่าง โมรินากะ, มารุไดแฮม, และเฮาส์ฟู้ดส์
ปีศาจใช้กลยุทธ์ซับซ้อนในการนัดส่งเงินค่าไถ่ตามสถานีรถไฟและริมถนน โดยใช้สัญญาณลับอย่างการชูธงสีขาว หรือการกระพริบไฟหน้ารถ
ในระหว่างนั้นเอง ตำรวจนอกเครื่องแบบสังเกตเห็นชายคนหนึ่งรูปร่างเตี้ย อ้วนท้วม ผมสั้น และมีดวงตาเรียวแหลม กำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างผิดสังเกต ซึ่งต่อมาถูกเรียกขานว่า "ชายตาจิ้งจอก" ภาพสเก็ตช์ของเขาถูกเผยแพร่ทั่วประเทศ แต่ก็ไม่มีการจับกุมเกิดขึ้น
ในการไล่ล่าครั้งหนึ่ง ตำรวจพบรถตู้ถูกทิ้งไว้ ภายในมีเครื่องรับสัญญาณวิทยุหลายย่านความถี่ ซึ่งยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุสามารถดักฟังแผนการของตำรวจ และหลบหนีได้อย่างรวดเร็วทุกครั้ง

ความหวาดกลัวของสังคมพุ่งถึงขีดสุดในช่วงปลายปี 1984-1985 เมื่อมีการพบขนมของโมรินากะ ทั้งช็อกโกบอล และแองเจิลพาย ที่ถูกติดสติกเกอร์เตือนว่า "มีพิษ" และที่น่าตกใจคือ บางชิ้นตรวจพบว่า มีไซยาไนด์จริง

แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่จดหมายที่อ้างว่ามีสินค้าปนเปื้อน 20 ชิ้นถูกปล่อยสู่ตลาดแล้ว ก็เพียงพอที่จะทำให้คนทั้งประเทศหวาดผวา
การสืบสวนครั้งนี้กลายเป็นปฏิบัติการข้ามจังหวัดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น แต่ตลอดเวลาหลายปี ก็ไม่อาจจับตัวปีศาจได้เลย
จนกระทั่งวันที่ 7 สิงหาคม 1985 เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น เมื่อผู้กำกับการตำรวจจังหวัดชิงะ เสียชีวิตจากการเผาตัวเอง หลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากการที่คดียังไม่คืบหน้า

ห้าวันต่อมา "ปีศาจ 21 หน้า" ได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้าย ประกาศยุติปฏิบัติการ เป็นอันปิดฉากหนึ่งในคดีอาชญากรรมที่ซับซ้อนและลึกลับที่สุดของญี่ปุ่น
เมื่อเวลาผ่านไป อายุความของคดีลักพาตัวหมดลงในช่วงทศวรรษ 1990 และคดีพยายามฆ่าที่เกี่ยวข้องกับไซยาไนด์ ก็หมดอายุความในเดือนกุมภาพันธ์ 2000 ทำให้ไม่สามารถดำเนินคดีได้อีก
สุดท้าย สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นยอมรับว่า ไม่สามารถตั้งข้อหาผู้ต้องสงสัยได้เลย และ "ปีศาจ 21 หน้า" ก็ยังคงเป็นปริศนาที่หลอกหลอนญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้

อ้างอิงจาก - Thar Tribune, All That's Interesting
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่