หลายปีก่อน เกือบ 2 ทศวรรษก่อน เราได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสวดภาวนาแบบคาริสเมติก (Charismatic) ที่บ้านของเพื่อนคนหนึ่ง ในฐานะคริสตชนคาทอลิกที่ค่อนข้างสำรวมและยึดมั่นในประเพณี เราจึงรู้สึกแปลกแยกจากสังคมท่ามกลางการนมัสการและการสวดภาวนาอย่างร้อนรน เรามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับพระเยซู แต่สภาพแวดล้อมแบบคาริสเมติกนั้นทำให้รู้สึกไม่คุ้นชินและไม่สบายใจ
ซิสเตอร์คณะฟรังซิสกันผู้มาเยี่ยมเยียนและเป็นผู้นำการชุมนุมกล่าวว่า “ยกมือขึ้นเถิด หากท่านได้รับไฟแห่งพระจิตเจ้า!” มือของซิสเตอร์ชูขึ้นรอบตัวเรา แต่เราสับสน ใช่ เราได้รับศีลล้างบาปและศีลกำลังแล้ว แต่ชาวคาทอคริสตชนคาทอลิกเหล่านี้มีพระจิตเจ้ามากกว่าเราหรือ? เราเชื่อมั่นในพระเยซูอย่างมั่นคงและดำเนินชีวิตตามความเชื่อคาทอลิกด้วยศรัทธาอันแรงกล้า ดังนั้นเราจึงต้องสันนิษฐานว่า พระจิตเจ้าทรงทำงานอยู่ภายในตัวเรา ขณะที่เรายกมือขึ้นอย่างช้าๆอย่างเขินอายในกลุ่มเล็กๆ ซิสเตอร์ก็พูดติดตลกอย่างมีความสุขว่า “ดูเหมือนว่าไฟแห่งพระจิตเจ้ากำลังเสด็จลงมาหาใครบางคนอยู่ตอนนี้!”
ไฟ เป็นสัญลักษณ์อันงดงามของการประทับอยู่ของพระจิตเจ้า ในหนังสือกิจการของอัครสาวก พระจิตเจ้าทรงเสด็จลงมาในรูปของเปลวไฟ (กิจการ 2:3-4 วันเปนเตกอสเต) “นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน (Saint John of the Cross)” ยังใช้ภาพแห่งไฟเพื่ออธิบายว่า พระจิตเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงเราอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างไร ท่อนไม้ที่ถูกวางลงในกองไฟไม่ได้ลุกเป็นไฟในทันทีทันใด แต่จะถูกไฟเผาผลาญและเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ
“นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน (Saint John of the Cross)” ยังใช้ภาพแห่งไฟเพื่ออธิบายว่า พระจิตเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงเราอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างไร ท่อนไม้ที่ถูกวางลงในกองไฟไม่ได้ลุกเป็นไฟในทันทีทันใด แต่จะถูกไฟเผาผลาญและเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ
+ เขาเห็นเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้นแยกไปอยู่เหนือศีรษะของเขาแต่ละคน ทุกคนได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม และเริ่มพูดภาษาอื่นๆ ตามที่พระจิตเจ้าประทานให้พูด - กิจการ 2:3-4 วันเปนเตกอสเต
ในทำนองเดียวกัน พระจิตเจ้า ซึ่งนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนเรียกว่า “เปลวเพลิงแห่งความรักที่มีชีวิต” ทรงชำระเราจากบาปของเรา จากนั้นจึงจุดประกายให้เราด้วยความรักของพระเจ้า จนกระทั่งเราดำเนินชีวิตอย่างเป็นหนึ่งเดียวกับความรักของพระองค์อย่างสมบูรณ์ นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนบรรยายถึงจุดสูงสุดของการเป็นหนึ่งเดียวกับพระจิตเจ้าที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ซึ่งเราได้รับกระแสเรียกให้รับไว้ :
+ ในที่สุด การเคลื่อนไหว การดำเนินงาน และแนวโน้มทั้งหมดที่วิญญาณเคยมีมาก่อนจากหลักการและพลังแห่งชีวิตตามธรรมชาติของตน บัดนี้ได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันนี้… เปลี่ยนเป็นการเคลื่อนไหวอันศักดิ์สิทธิ์ และมีชีวิตอยู่กับพระเจ้า… ดังนั้น สติปัญญาของวิญญาณนี้จึงเป็นสติปัญญาของพระเจ้า พระประสงค์ของวิญญาณคือพระประสงค์ของพระเจ้า ความทรงจำของวิญญาณคือความทรงจำนิรันดร์ของพระเจ้า และความยินดีของวิญญาณคือความยินดีของพระเจ้า… และแม้ว่าแก่นสารของวิญญาณนี้จะไม่ใช่แก่นสารของพระเจ้า เนื่องจากวิญญาณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเข้าสู่พระองค์อย่างเป็นรูปธรรมได้ แต่วิญญาณก็กลายเป็นพระเจ้าผ่านการมีส่วนร่วมในพระเจ้า ได้รวมเป็นหนึ่งและซึมซับในพระเจ้า การรวมกันเช่นนี้เกิดขึ้นในสภาวะอันสมบูรณ์แบบของชีวิตฝ่ายวิญญาณนี้ แต่ยังไม่สมบูรณ์แบบเท่ากับในชีวิตหน้า (Living Flame of Love, 2.34)

คริสตชนคาทอลิกทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคริสตชนคาทอลิกสายคาริสเมติก คริสตชนคาทอลิกสายดั้งเดิม หรือคริสตชนคาทอลิกสายผสมผสาน ควรเห็นพ้องต้องกันว่า กิจการของพระจิตเจ้าเป็นกระบวนการ ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ในศีลล้างบาป เราตายต่อบาปร่วมกับพระคริสตเจ้า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ในพระจิตเจ้าในฐานะลูกของพระเจ้า ศีลกำลังกำลังเสริมกำลังเราด้วยพระพรของพระจิตเจ้า และเตรียมเราให้พร้อมสำหรับพันธกิจของเราในพระศาสนจักร บางครั้ง เราได้พบกับพระจิตเจ้าอย่างชัดเจน ซึ่งนำเราไปสู่การกลับใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พระจิตเจ้าทรงทำกิจการต่างๆเพื่อเปลี่ยนแปลงเรา “จากระดับความรุ่งโรจน์หนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่ง” (2 โครินธ์ 3:18 ความสำคัญของงานธรรมทูต) จนกระทั่งเราถูกปรับให้เข้ากับพระฉายาของพระเยซู
+ เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมใบหน้า จึงสะท้อนแสงสว่างรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนกระจกเงา เปลี่ยนเป็นภาพลักษณ์เดียวกับพระองค์ ทวีความรุ่งโรจน์ยิ่งๆ ขึ้น เดชะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระจิต - 2 โครินธ์ 3:18 ความสำคัญของงานธรรมทูต
ชีวิตฝ่ายวิญญาณโดยทั่วไปจะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนพื้นฐาน ได้แก่ ขั้นเริ่มต้น (วิถีชำระล้าง) ขั้นเชี่ยวชาญ (วิถีความสว่าง) และขั้นครบครัน (วิถีความเป็นหนึ่งเดียวกัน) ขั้นแรก พระเจ้าทรงชำระเราให้บริสุทธิ์จากบาปและความยึดติดในสิ่งทางโลก (วิถีชำระล้าง) ขั้นต่อมา พระเจ้าทรงเพิ่มพูนคุณธรรมและความสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ (วิถีความสว่าง) ขั้นสุดท้าย พระเจ้าทรงนำเราเข้าสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเปี่ยมด้วยสันติสุขอย่างแท้จริง ความชื่นชมยินดีทางวิญญาณ และความครบครันแห่งกิจเมตตา (วิถีความเป็นหนึ่งเดียวกัน)
กระบวนการจุดไฟช่วยให้เราเข้าใจ 3 ขั้นตอนทางจิตวิญญาณนี้ อย่างที่นักตั้งแคมป์ที่ดีทุกคนรู้ดี คุณไม่สามารถแค่จุดไม้ขีดไฟบนท่อนไม้แล้วคาดหวังว่ามันจะติดไฟได้ คุณต้องมี 3 สิ่งพื้นฐานเพื่อจุดไฟให้ติดไฟได้อย่างแท้จริง : เชื้อเพลิงที่ 1 เช่น ใบไม้แห้งหรือใบสน , เชื้อเพลิงที่ 2 เช่น กิ่งไม้แห้งขนาดเล็ก และเชื้อเพลิงสุดท้าย คือ ท่อนไม้อย่างดี วิธีที่ไฟลุกโชนเต็มที่ก็เหมือนกับวิธีที่พระจิตเจ้าค่อยๆปลุกเร้าจิตวิญญาณของเรา
ขั้นแรก คุณจุดไฟที่ลุกไหม้ได้ง่ายและรวดเร็ว คล้ายกับที่พระจิตเจ้าประทาน “การปลอบประโลมทางประสาทสัมผัส” ซึ่งเป็นประสบการณ์ทางอารมณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เราอุทิศตนอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น พระเจ้ามักทรงใช้สิ่งต่างๆ เช่น สถาปัตยกรรม , พิธีกรรม , ดนตรี หรือธรรมชาติ เพื่อปลุกเร้าจิตใจของเราให้มุ่งสู่สวรรค์ เช่นเดียวกับที่เชื้อเพลิงช่วยจุดไฟ พระจิตเจ้าก็ประทานแรงบันดาลใจให้เราอย่างฉับพลัน เพื่อนำพาเราไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเชื้อเพลิงเล็กๆมอดไหม้ ทำให้เชื้อเพลิงที่ใหญ่กว่าก็ควรจะลุกโชนขึ้น เปรียบเสมือนพระจิตเจ้าที่ประทาน “การปลอบประโลมทางวิญญาณ” แก่เรา การพบปะกับพระเจ้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เรียกเราให้ใกล้ชิดพระองค์มากยิ่งขึ้น คุณอาจสัมผัสได้ถึงความเข้าใจลึกซึ้งจากพระคัมภีร์ การรับรู้อย่างลึกซึ้งถึงการประทับอยู่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า หรือความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำพันธกิจบางอย่างในพระศาสนจักรให้สำเร็จ เช่นเดียวกับที่ไฟไม่อาจคงอยู่ได้ด้วยเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียว หัวใจของเราต้องการมากกว่าประสบการณ์ทางอารมณ์ชั่ววูบ เราต้องการให้พระจิตเจ้าทำงานภายในสติปัญญา ความทรงจำ และเจตจำนงของเรา เพื่อเสริมสร้างศรัทธา ความหวัง และความกิจเมตตามั่นคงของเรา
ไฟจะลุกโชนเต็มที่ก็ต่อเมื่อฟืนทำให้ท่อนไม้ใหญ่ลุกไหม้ ในที่สุดทั้งเชื้อเพลิง 1 และเชื้อเพลิง 2 ก็มอดไหม้ไป เหลือเพียงท่อนไม้ที่ลุกไหม้อยู่ ในทำนองเดียวกัน นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนได้กล่าวถึงการปลอบประโลมทางประสาทสัมผัสและทางวิญญาณที่ผ่านไป แปรเปลี่ยนเป็นการประทับอยู่ของพระเจ้าที่ยั่งยืน ซึ่งหยั่งรากลึกในศรัทธาอันบริสุทธิ์ ความหวัง และความรัก จิตใจของเราถูกเปลวไฟแห่งพระจิตเจ้าครอบคลุม จนเหลือเพียงการกระทำของพระองค์ภายในเราเท่านั้น
หากซิสเตอร์ฟรังซิสกันคนนั้นถามเราวันนี้ว่า เรามีไฟแห่งพระจิตเจ้าหรือไม่ เราคงยกมือขึ้นอย่างมั่นใจยิ่งขึ้น แต่เราต้องยอมรับว่า พระจิตเจ้ายังคงมีกิจการอีกมากที่ต้องทำภายในตัวเรา! ขอให้ไฟแห่งพระจิตเจ้าของพระเจ้าทรงชำระและเปลี่ยนแปลงเราทุกคน “เพื่อพระเจ้าจะได้ทรงเป็นทุกสิ่ง” ในทุกคน (1 โครินธ์ 15:28 ข้อเท็จจริงเรื่องการกลับคืนชีพ)!
+ เมื่อทุกสิ่งถูกปราบอยู่ใต้อำนาจของพระคริสตเจ้าแล้ว พระบุตรก็จะทรงอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้า ผู้ทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์ เพื่อพระเจ้าจะได้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน - 1 โครินธ์ 15:28 ข้อเท็จจริงเรื่องการกลับคืนชีพ
#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ไฟแห่งพระจิตเจ้า #ชีวิตฝ่ายวิญญาณ #ชีวิต #พระจิตเจ้า #พระจิต #พระวิญญาณบริสุทธิ์ #พระวิญญาณ #ไฟพระวิญญาณบริสุทธิ์ #ไฟพระวิญญาณ #ไฟ #พระคัมภีร์ #catholic #TheFireOfTheHolySpirit #FireOfTheHolySpirit #HolySpirit
CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/193mn5ahEK/
ไฟแห่งพระจิตเจ้า (The Fire of the Holy Spirit) : การเดินทางผ่าน 3 ขั้นตอนของชีวิตฝ่ายวิญญาณ