ถ้าชาวบ้านไม่ช่วยกันเป็นหู เป็นตา ร้องเรียนก็คงมองไม่เห็นกัน
จับ 2 โรงเรียนเถื่อน สอนเด็กต่างด้าว อึ้งครู 27 คนถือใบอนุญาต ‘กรรมกร’ มีคนไทยเป็นผู้บริหารอ้างเช่าที่เปิดค่ายเยาวชนฯ หลักสูตรไม่ผ่านการอนุญาต

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.เขตรัฐ ชาญศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร, นายบรรพต จันทรวงษ์ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร นายพิรุณโรจน์ นาคดนตรี นายอำเภอกระทุ่มแบน

นายอาคม ศาณศิลปิน ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร นายวุฒิไกร สีสันต์ ป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร นายองอาจ เขียวงามดี รองนายก อบต.ท่าไม้ ผู้แทนกรมการจัดหางาน สำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสมุทรสาคร ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ร่วมกันเข้าตรวจสอบ 2 โรงเรียนเถื่อนในพื้นที่ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งอดีตเคยได้รับอนุญาตให้เปิดเป็นสถานศึกษาของนักเรียนไทย (แต่ปัจจุบันยุติการเรียนการสอนและเพิกถอนใบอนุญาตไปแล้ว
ทั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านผ่านศูนย์ดำรงธรรมฯว่า ภายในบริเวณดังกล่าวเปิดเป็นศูนย์รับเด็กต่างชาติจำนวนมาก เข้ามาทำการเรียนการสอน
จากการเข้าตรวจสอบพบว่า ภายในสถานที่ดังกล่าวมีเด็กต่างด้าวจำนวนมากราวๆ 800-900 คน กระจายตัวอยู่ตามห้องต่างๆ ภายในอาคาร 3 ชั้น และยังพบบุคคลต่างด้าวอีกกว่า 27 คนทั้งชายและหญิง กำลังทำหน้าที่ครูสอนหนังสือให้แก่เด็กๆ เจ้าหน้าที่จึงขอให้บุคคลต่างด้าวทั้งหมดหยุดสอน
จากนั้นจึงให้ทั้งหมดมารวมตัวกัน เพื่อตรวจสอบหลักฐานและข้อมูลบุคคลต่างด้าว โดยมีคนไทยรายหนึ่งรับเป็นผู้บริหารจัดการฯ ซึ่งก็ให้การอ้างว่า เช่าพื้นที่ดังกล่าวจากเจ้าของที่ดิน เพื่อเปิดเป็นค่ายเยาวชนฯ ให้แก่กลุ่มเยาวชนชาติพันธุ์
โดยก่อนที่จะเปิดรับเด็กๆ มาเข้าค่ายนั้น ให้วิศวกรเข้ามาตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารและยื่นเสนอ เพื่อขออนุญาตการใช้อาคารต่อทาง อบต.ท่าไม้แล้ว จากนั้นจึงรับเด็กต่างด้าวมาเข้าค่ายฯ ไม่ใช่นำมาเพื่อเปิดเป็นการเรียนการสอนในรูปแบบโรงเรียน แต่อย่างใดทั้งสิ้น
ร.ต.อ.เขตรัฐ ชาญศิลป์ รองผู้ว่าฯ รรท.ผวจ.สมุทรสาคร กล่าวว่า จากที่ได้รับเรื่องร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ว่าสถานที่แห่งนี้เปิดสอนหนังสือให้แก่ลูกหลานแรงงานข้ามชาตินั้น จึงสั่งการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายสนธิกำลังกันเข้าตรวจสอบ
เบื้องต้นพบว่า สถานที่แห่งนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางศึกษาธิการจังหวัด ให้เปิดสอนหรือรับเด็กแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำการเรียนการสอน หรือจัดกิจกรรมในรูปแบบค่ายฯ แม้อาคารจะผ่านการประเมินความปลอดภัยจากวิศวกร และยื่นขอจากทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎระเบียบแล้ว แต่ก็ต้องยื่นขอใช้อาคารเพื่อเปิดเป็นที่สอนหนังสือหรือเป็นค่ายฯ จากทางศึกษาธิการจังหวัดด้วย ตราบใดที่ยังไม่ได้รับอนุญาตก็จะดำเนินการใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น
ประเด็นต่อมาคือ เรื่องของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนและหลักสูตรที่ยังไม่ผ่านการอนุญาต และที่สำคัญคือบุคลากรผู้สอนหรือผู้ดูแลเด็ก จะต้องได้รับอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องและตรงตามประเภท แต่ทุกคนถือใบอนุญาตทำงานกรรมกร
ดังนั้นจึงเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายฐานทำงานไม่ตรงกับประเภทที่ได้รับอนุญาต ส่วนความผิดฐานอื่นๆ ก็สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไปตรวจสอบเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ร.ต.อ.เขตรัฐ กล่าวด้วยว่า จังหวัดสมุทรสาครมีนโยบายในการรองรับและส่งเสริมการศึกษาให้แก่ลูกหลานแรงงานข้ามชาติ ภายใต้ระบบการศึกษาภาคบังคับที่เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายไทย โดยเด็กต่างด้าวต้องได้รับการศึกษาในโรงเรียนของรัฐบาลเช่นเดียวกับเด็กไทย
ดังนั้นเด็กๆ เหล่านี้ ก็จะต้องกลับเข้าสู่สถานศึกษาของรัฐบาล ตามที่จัดหาไว้ให้แล้ว โดยหลังจากนี้ในส่วนของเด็กทุกคนจะถูกนำเข้าสู่ระบบการศึกษาในโรงเรียนรัฐบาล ส่วนทางด้านของผู้ที่ต้องการจะเปิดเป็นโรงเรียนสอนภาษา หรือจะเป็นค่ายอาสาใดๆ ก็ตาม
จะต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอนและต้องได้รับใบอนุญาตก่อนเท่านั้น จึงจะดำเนินการได้ ห้ามลักลอบกระทำการโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเด็ดขาด หากตรวจพบก็จะมีความผิดทางกฎหมายทั้งผู้บริหาร เจ้าของสถานที่ ผู้สอน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9972686?fbclid=IwVERDUANW729leHRuA2FlbQIxMQABHtwRuumTsb6LAvpURLxswoj0MgcW_rSpTMftZenHcQTZq1RN2yQhMJsBBP1P_aem_Ay66XVdwqD2mZCDU8P2DLQ
บุก จับ 2 โรงเรียนเถื่อน สอนเด็กต่างด้าว 900 คน อึ้งครู 27 คนถือใบอนุญาต 'กรรมกร'
จับ 2 โรงเรียนเถื่อน สอนเด็กต่างด้าว อึ้งครู 27 คนถือใบอนุญาต ‘กรรมกร’ มีคนไทยเป็นผู้บริหารอ้างเช่าที่เปิดค่ายเยาวชนฯ หลักสูตรไม่ผ่านการอนุญาต
เมื่อวันที่ 10 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.เขตรัฐ ชาญศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร, นายบรรพต จันทรวงษ์ ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร นายพิรุณโรจน์ นาคดนตรี นายอำเภอกระทุ่มแบน
นายอาคม ศาณศิลปิน ศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร นายวุฒิไกร สีสันต์ ป้องกันจังหวัดสมุทรสาคร นายองอาจ เขียวงามดี รองนายก อบต.ท่าไม้ ผู้แทนกรมการจัดหางาน สำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสมุทรสาคร ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ร่วมกันเข้าตรวจสอบ 2 โรงเรียนเถื่อนในพื้นที่ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งอดีตเคยได้รับอนุญาตให้เปิดเป็นสถานศึกษาของนักเรียนไทย (แต่ปัจจุบันยุติการเรียนการสอนและเพิกถอนใบอนุญาตไปแล้ว
ทั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านผ่านศูนย์ดำรงธรรมฯว่า ภายในบริเวณดังกล่าวเปิดเป็นศูนย์รับเด็กต่างชาติจำนวนมาก เข้ามาทำการเรียนการสอน
จากการเข้าตรวจสอบพบว่า ภายในสถานที่ดังกล่าวมีเด็กต่างด้าวจำนวนมากราวๆ 800-900 คน กระจายตัวอยู่ตามห้องต่างๆ ภายในอาคาร 3 ชั้น และยังพบบุคคลต่างด้าวอีกกว่า 27 คนทั้งชายและหญิง กำลังทำหน้าที่ครูสอนหนังสือให้แก่เด็กๆ เจ้าหน้าที่จึงขอให้บุคคลต่างด้าวทั้งหมดหยุดสอน
จากนั้นจึงให้ทั้งหมดมารวมตัวกัน เพื่อตรวจสอบหลักฐานและข้อมูลบุคคลต่างด้าว โดยมีคนไทยรายหนึ่งรับเป็นผู้บริหารจัดการฯ ซึ่งก็ให้การอ้างว่า เช่าพื้นที่ดังกล่าวจากเจ้าของที่ดิน เพื่อเปิดเป็นค่ายเยาวชนฯ ให้แก่กลุ่มเยาวชนชาติพันธุ์
โดยก่อนที่จะเปิดรับเด็กๆ มาเข้าค่ายนั้น ให้วิศวกรเข้ามาตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารและยื่นเสนอ เพื่อขออนุญาตการใช้อาคารต่อทาง อบต.ท่าไม้แล้ว จากนั้นจึงรับเด็กต่างด้าวมาเข้าค่ายฯ ไม่ใช่นำมาเพื่อเปิดเป็นการเรียนการสอนในรูปแบบโรงเรียน แต่อย่างใดทั้งสิ้น
ร.ต.อ.เขตรัฐ ชาญศิลป์ รองผู้ว่าฯ รรท.ผวจ.สมุทรสาคร กล่าวว่า จากที่ได้รับเรื่องร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ว่าสถานที่แห่งนี้เปิดสอนหนังสือให้แก่ลูกหลานแรงงานข้ามชาตินั้น จึงสั่งการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายสนธิกำลังกันเข้าตรวจสอบ
เบื้องต้นพบว่า สถานที่แห่งนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางศึกษาธิการจังหวัด ให้เปิดสอนหรือรับเด็กแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำการเรียนการสอน หรือจัดกิจกรรมในรูปแบบค่ายฯ แม้อาคารจะผ่านการประเมินความปลอดภัยจากวิศวกร และยื่นขอจากทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎระเบียบแล้ว แต่ก็ต้องยื่นขอใช้อาคารเพื่อเปิดเป็นที่สอนหนังสือหรือเป็นค่ายฯ จากทางศึกษาธิการจังหวัดด้วย ตราบใดที่ยังไม่ได้รับอนุญาตก็จะดำเนินการใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น
ประเด็นต่อมาคือ เรื่องของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนและหลักสูตรที่ยังไม่ผ่านการอนุญาต และที่สำคัญคือบุคลากรผู้สอนหรือผู้ดูแลเด็ก จะต้องได้รับอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องและตรงตามประเภท แต่ทุกคนถือใบอนุญาตทำงานกรรมกร
ดังนั้นจึงเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายฐานทำงานไม่ตรงกับประเภทที่ได้รับอนุญาต ส่วนความผิดฐานอื่นๆ ก็สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไปตรวจสอบเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ร.ต.อ.เขตรัฐ กล่าวด้วยว่า จังหวัดสมุทรสาครมีนโยบายในการรองรับและส่งเสริมการศึกษาให้แก่ลูกหลานแรงงานข้ามชาติ ภายใต้ระบบการศึกษาภาคบังคับที่เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายไทย โดยเด็กต่างด้าวต้องได้รับการศึกษาในโรงเรียนของรัฐบาลเช่นเดียวกับเด็กไทย
ดังนั้นเด็กๆ เหล่านี้ ก็จะต้องกลับเข้าสู่สถานศึกษาของรัฐบาล ตามที่จัดหาไว้ให้แล้ว โดยหลังจากนี้ในส่วนของเด็กทุกคนจะถูกนำเข้าสู่ระบบการศึกษาในโรงเรียนรัฐบาล ส่วนทางด้านของผู้ที่ต้องการจะเปิดเป็นโรงเรียนสอนภาษา หรือจะเป็นค่ายอาสาใดๆ ก็ตาม
จะต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอนและต้องได้รับใบอนุญาตก่อนเท่านั้น จึงจะดำเนินการได้ ห้ามลักลอบกระทำการโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างเด็ดขาด หากตรวจพบก็จะมีความผิดทางกฎหมายทั้งผู้บริหาร เจ้าของสถานที่ ผู้สอน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9972686?fbclid=IwVERDUANW729leHRuA2FlbQIxMQABHtwRuumTsb6LAvpURLxswoj0MgcW_rSpTMftZenHcQTZq1RN2yQhMJsBBP1P_aem_Ay66XVdwqD2mZCDU8P2DLQ