พระธรรมวชิรญาณโกศล นามเดิม เยื้อน หฤทัยถาวร ฉายา ขนฺติพโล เป็นเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธรรมยุต) วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร บ้านจรัส ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์
ชาติภูมิ
พระธรรมวชิรญาณโกศล เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2495 ที่บ้านระไซร์ ต.นาดี อ.เมือง จ. สุรินทร์
เดิมชื่อ นายเยื้อน หฤทัยถาวร บิดาชื่อ นายมอญ หฤทัยถาวร มารดาชื่อ นางหิต หฤทัยถาวร มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน ท่านเป็นบุตรคนแรก
อุปสมบท
พระธรรมวชิรญาณโกศล อุปสมบทเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2515 ณ วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ (ธรรมยุต)
โดยมีพระรัตนากรวิสุทธิ์ (ดูลย์ อตุโล) เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูสถิตยสารคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูวิมลสีลคุณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
จบประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านระไซร์ ต.นาดี อ.เมือง จ.สุรินทร์
ตำแหน่งงานทางคณะสงฆ์
พ.ศ. 2530 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าอตุโลบุญญลักษม์ ( 2530-2543)
พ.ศ. 2535 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลสนม (2535-2545)
พ.ศ. 2539 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ. 2544 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร (2544-ปัจจุบัน)
พ.ศ. 2545 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลระแงง (ธรรมยุต)
พ.ศ. 2553 ไดรับแต่งตั้งดำเรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอศีขรภูมิ (ธรรมยุต) (2553-2555)
พ.ศ. 2554 ดำรงตำแหน่งกรรมการธรรมสนามหลวง
พ.ศ. 2555 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นรักษาการเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธรรมยุต)
พ.ศ. 2555 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธรรมยุต)
พ.ศ. 2555 รักษาการเจ้าอาวาสวัดสุทธิธรรมาราม อำเภอเมืองสุรินทร์
เกียรติประวัติ
พ.ศ. 2526 เผยแผ่พุทธศาสนา และการปฏิบัติธรรม ณ กรุงบอน ประเทศเยอรมัน
พ.ศ. 2527 ธุดงค์เผยแผ่พระพุทธศาสนา ปฏิบัติธรรมพร้อมคณะพระสังฆราช ณ ประเทศเนปาล
พ.ศ. 2536 ได้รับประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติแก่บุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมพื้นฐานอีสาน
จากสถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
พ.ศ. 2538 ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติในด้านส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากสมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
พ.ศ. 2545 ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2545
เพื่อแสดงว่าวัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร เป็นวัดที่อนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรป่าไม้เขต ดีเด่น ประจำปี 2544
พ.ศ. 2547 สภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ได้ถวายปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต กิตติมศักดิ์
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2550 เป็น 1 ใน 5 ของผู้ได้รับรางวัล ผู้บำเพ็ญประโยชน์ในการพัฒนาจิตประจำปี 2550 ของสภาชาวพุทธและมูลนิธิโลกทิพย์
พ.ศ. 2550 ได้รับรางวัลเสาเสมาธรรมจักร จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในฐานะผู้อนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2554 ได้รับรางวัลเสาเสมาธรรมจักร สาขาผู้บำเพ็ญประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนา จากกรมการศาสนา
พ.ศ. 2555 สภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ได้ถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค
พ.ศ. 2560 รายการคนค้นคนได้ถวายรางวัล “คนไทยหัวใจสีเขียว” เพื่อเป็นบุคคลต้นแบบด้านการอนุรักษ์ป่าไม้
พ.ศ. 2561 ได้รับ ประกาศเกียรติคุณ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ กรมป่าไม้ ประจำปี พ.ศ. 2561 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2561
พ.ศ. 2563 ได้รับ รางวัลเสาอโศก ผู้นำศีลธรรม ประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563
จากสมาคมผู้ทำคุณประโยชน์เพื่อพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
สมณศักดิ์
พ.ศ. 2523 ได้รับแต่งตั้งจากพระราชวุฒาจารย์ (ดูลย์ อตุโล) ให้ดำรงตำแหน่งฐานานุกรมที่ พระครูใบฏีกา[1]
พ.ศ. 2531 ได้รับพระราชทานโปรดตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท (วิปัสสนาธุระ) ที่ พระครูภาวนาวิทยาคม (วิ)
พ.ศ. 2536 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. 2543 ได้รับพระราชทานเลื่อนชั้นสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. 2549 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญยกที่ พระพิศาลศาสนกิจ[2]
พ.ศ. 2557 ได้รับพระราชทานโปรดเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
ที่ พระราชวิสุทธิมุนี ศรีศาสนกิจจาทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[3]
พ.ศ. 2564 ได้รับพระราชทานโปรดเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
ที่ พระเทพวชิรญาณโสภณ โกศลศาสนกิจบริหาร ภาวนาวิธานธุราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[4]
ผลงานและเกียรติประวัติ
พ.ศ. 2536 พระธรรมวชิรญาณโกศล วิ. (เยื้อน ขนฺติพโล) ร่วมกับพลเอกเชษฐา ฐานะจาโร
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.กกล.สุรนารี (ในขณะนั้น) เป็นผู้ริเริ่ม ผลักดัน และส่งเสริม
ให้มีการอนุรักษ์และปกป้องผืนป่าผืนใหญ่ดังกล่าว เป็นเหตุให้คณะรัฐมนตรีในขณะนั้น
มีมติให้ กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในสมัยนั้น (ปัจจุบัน กรมป่าไม้ อยู่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
ประกาศให้บริเวณพื้นที่ป่าเป็นเขตพุทธอุทยาน วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร
ที่มีมีเนื้อที่ครอบคลุม ประมาณ 10,865 ไร่ เป็นเขตพุทธอุทยาน
ให้ดำเนินโครงการส่งเสริมพระพุทธศาสนา เพื่ออนุรักษ์ป่าไม้และพัฒนาสิ่งแวดล้อม
โดยมีเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) (สมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้น)
ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์ ผืนป่าดังกล่าวสืบต่อมา
พ.ศ. 2562 พระธรรมวชิรญาณโกศล วิ. (เยื้อน ขนฺติพโล) ได้รับเกียรติจากคณะสงฆ์
เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมพระสังฆาธิการและตรวจธรรมสนามหลวงชั้นตรี ประจำปี 2562
คณะสงฆ์ธรรมยุต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาค 8-9-10-11 (ธ)
เมื่อวันที่ 16-17-18 ธันวาคม 2562 ณ วัดสุทธิธรรมาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์
พุทธอุทยานเขาศาลา วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร
พุทธอุทยาน วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์
ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีป่าและภูเขาล้อมรอบ มีเนื้อที่ครอบคลุม ประมาณ 10,865 ไร่
ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้ และสมุนไพรหายาก รวมทั้งสัตว์ป่านานาชนิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธาร มีทัศนียภาพที่งดงาม สภาพแวดล้อมเงียบสงบร่มเย็น
เหมาะกับการศึกษาปฏิบัติธรรม และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สำคัญยิ่ง ผืนป่าบางส่วนติดชายแดนไทย-กัมพูชา
ถึงแม้ว่าจะมีร่องรอยการตัดไม้ทำลายป่าให้เห็นอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม
ป่าทั้งผืนแห่งนี้ จัดได้ว่าอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในอิสานใต้ของประเทศไทย
ในปี พ.ศ. 2536 กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในสมัยนั้น
(ปัจจุบัน กรมป่าไม้ อยู่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
ได้ประกาศบริเวณพื้นที่ป่าเป็นเขตพุทธอุทยาน ให้ดำเนินโครงการส่งเสริมพระพุทธศาสนา
เพื่ออนุรักษ์ป่าไม้และพัฒนาสิ่งแวดล้อม ตามความคิดริเริ่มของพลเอกเชษฐา ฐานะจาโร
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.กกล.สุรนารี โดยมี เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช
ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
ในปี พ.ศ. 2539 คณะกรรมการวัดได้มีมติในการจัดสร้างพระอุโบสถเพื่อเป็นอนุสรณ์เนื่องในมหามงคลวโรกาสครั้งนั้น
ลักษณะพระอุโบสถเป็นทรงไทยประยุกต์ ขนาดกว้าง 30 เมตร ยาว 60 เมตร ผลจากพลังศรัทธาสามัคคี
และความมานะพยายามของพระราชวิสุทธิมุนี วิ. (เยื้อน ขนฺติพโล) เจ้าอาวาส ตลอดจนคณะสงฆ์ ศิษยานุศิษย์
และ พุทธศาสนิกชนทั่วไป ที่ได้ร่วมเสียสละกำลังกาย และทุนทรัพย์ อุปถัมภ์การก่อสร้างจนแล้วเสร็จ
โดยไม่ใช้งบทางราชการแต่อย่างใด
และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2541
เพื่อให้เป็นการสมบูรณ์ตามแบบพระธรรมวินัย และทางวัดได้ทำพิธีผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต
ในวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2547 โดยมี พลเอกเชษฐา ฐานะจาโร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นมาเป็นประธานในพิธี
ที่มา
https://www.facebook.com/share/1H74LR2X9T/
เพจวัดเขาศาลาเผยแพร่ประวัติพระอรหันต์เยื้อนขันติพโล
ชาติภูมิ
พระธรรมวชิรญาณโกศล เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2495 ที่บ้านระไซร์ ต.นาดี อ.เมือง จ. สุรินทร์
เดิมชื่อ นายเยื้อน หฤทัยถาวร บิดาชื่อ นายมอญ หฤทัยถาวร มารดาชื่อ นางหิต หฤทัยถาวร มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน ท่านเป็นบุตรคนแรก
อุปสมบท
พระธรรมวชิรญาณโกศล อุปสมบทเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2515 ณ วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ (ธรรมยุต)
โดยมีพระรัตนากรวิสุทธิ์ (ดูลย์ อตุโล) เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูสถิตยสารคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูวิมลสีลคุณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
จบประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านระไซร์ ต.นาดี อ.เมือง จ.สุรินทร์
ตำแหน่งงานทางคณะสงฆ์
พ.ศ. 2530 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าอตุโลบุญญลักษม์ ( 2530-2543)
พ.ศ. 2535 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลสนม (2535-2545)
พ.ศ. 2539 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ. 2544 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร (2544-ปัจจุบัน)
พ.ศ. 2545 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลระแงง (ธรรมยุต)
พ.ศ. 2553 ไดรับแต่งตั้งดำเรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอศีขรภูมิ (ธรรมยุต) (2553-2555)
พ.ศ. 2554 ดำรงตำแหน่งกรรมการธรรมสนามหลวง
พ.ศ. 2555 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นรักษาการเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธรรมยุต)
พ.ศ. 2555 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธรรมยุต)
พ.ศ. 2555 รักษาการเจ้าอาวาสวัดสุทธิธรรมาราม อำเภอเมืองสุรินทร์
เกียรติประวัติ
พ.ศ. 2526 เผยแผ่พุทธศาสนา และการปฏิบัติธรรม ณ กรุงบอน ประเทศเยอรมัน
พ.ศ. 2527 ธุดงค์เผยแผ่พระพุทธศาสนา ปฏิบัติธรรมพร้อมคณะพระสังฆราช ณ ประเทศเนปาล
พ.ศ. 2536 ได้รับประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติแก่บุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมพื้นฐานอีสาน
จากสถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
พ.ศ. 2538 ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติในด้านส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากสมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
พ.ศ. 2545 ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2545
เพื่อแสดงว่าวัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร เป็นวัดที่อนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรป่าไม้เขต ดีเด่น ประจำปี 2544
พ.ศ. 2547 สภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ได้ถวายปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต กิตติมศักดิ์
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ โปรแกรมวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2550 เป็น 1 ใน 5 ของผู้ได้รับรางวัล ผู้บำเพ็ญประโยชน์ในการพัฒนาจิตประจำปี 2550 ของสภาชาวพุทธและมูลนิธิโลกทิพย์
พ.ศ. 2550 ได้รับรางวัลเสาเสมาธรรมจักร จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในฐานะผู้อนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2554 ได้รับรางวัลเสาเสมาธรรมจักร สาขาผู้บำเพ็ญประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนา จากกรมการศาสนา
พ.ศ. 2555 สภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ได้ถวายปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค
พ.ศ. 2560 รายการคนค้นคนได้ถวายรางวัล “คนไทยหัวใจสีเขียว” เพื่อเป็นบุคคลต้นแบบด้านการอนุรักษ์ป่าไม้
พ.ศ. 2561 ได้รับ ประกาศเกียรติคุณ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ กรมป่าไม้ ประจำปี พ.ศ. 2561 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2561
พ.ศ. 2563 ได้รับ รางวัลเสาอโศก ผู้นำศีลธรรม ประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563
จากสมาคมผู้ทำคุณประโยชน์เพื่อพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
สมณศักดิ์
พ.ศ. 2523 ได้รับแต่งตั้งจากพระราชวุฒาจารย์ (ดูลย์ อตุโล) ให้ดำรงตำแหน่งฐานานุกรมที่ พระครูใบฏีกา[1]
พ.ศ. 2531 ได้รับพระราชทานโปรดตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท (วิปัสสนาธุระ) ที่ พระครูภาวนาวิทยาคม (วิ)
พ.ศ. 2536 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. 2543 ได้รับพระราชทานเลื่อนชั้นสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. 2549 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญยกที่ พระพิศาลศาสนกิจ[2]
พ.ศ. 2557 ได้รับพระราชทานโปรดเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
ที่ พระราชวิสุทธิมุนี ศรีศาสนกิจจาทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[3]
พ.ศ. 2564 ได้รับพระราชทานโปรดเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
ที่ พระเทพวชิรญาณโสภณ โกศลศาสนกิจบริหาร ภาวนาวิธานธุราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[4]
ผลงานและเกียรติประวัติ
พ.ศ. 2536 พระธรรมวชิรญาณโกศล วิ. (เยื้อน ขนฺติพโล) ร่วมกับพลเอกเชษฐา ฐานะจาโร
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.กกล.สุรนารี (ในขณะนั้น) เป็นผู้ริเริ่ม ผลักดัน และส่งเสริม
ให้มีการอนุรักษ์และปกป้องผืนป่าผืนใหญ่ดังกล่าว เป็นเหตุให้คณะรัฐมนตรีในขณะนั้น
มีมติให้ กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในสมัยนั้น (ปัจจุบัน กรมป่าไม้ อยู่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
ประกาศให้บริเวณพื้นที่ป่าเป็นเขตพุทธอุทยาน วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร
ที่มีมีเนื้อที่ครอบคลุม ประมาณ 10,865 ไร่ เป็นเขตพุทธอุทยาน
ให้ดำเนินโครงการส่งเสริมพระพุทธศาสนา เพื่ออนุรักษ์ป่าไม้และพัฒนาสิ่งแวดล้อม
โดยมีเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) (สมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้น)
ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์ ผืนป่าดังกล่าวสืบต่อมา
พ.ศ. 2562 พระธรรมวชิรญาณโกศล วิ. (เยื้อน ขนฺติพโล) ได้รับเกียรติจากคณะสงฆ์
เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมพระสังฆาธิการและตรวจธรรมสนามหลวงชั้นตรี ประจำปี 2562
คณะสงฆ์ธรรมยุต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาค 8-9-10-11 (ธ)
เมื่อวันที่ 16-17-18 ธันวาคม 2562 ณ วัดสุทธิธรรมาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์
พุทธอุทยานเขาศาลา วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร
พุทธอุทยาน วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์
ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีป่าและภูเขาล้อมรอบ มีเนื้อที่ครอบคลุม ประมาณ 10,865 ไร่
ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้ และสมุนไพรหายาก รวมทั้งสัตว์ป่านานาชนิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธาร มีทัศนียภาพที่งดงาม สภาพแวดล้อมเงียบสงบร่มเย็น
เหมาะกับการศึกษาปฏิบัติธรรม และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สำคัญยิ่ง ผืนป่าบางส่วนติดชายแดนไทย-กัมพูชา
ถึงแม้ว่าจะมีร่องรอยการตัดไม้ทำลายป่าให้เห็นอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม
ป่าทั้งผืนแห่งนี้ จัดได้ว่าอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในอิสานใต้ของประเทศไทย
ในปี พ.ศ. 2536 กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในสมัยนั้น
(ปัจจุบัน กรมป่าไม้ อยู่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
ได้ประกาศบริเวณพื้นที่ป่าเป็นเขตพุทธอุทยาน ให้ดำเนินโครงการส่งเสริมพระพุทธศาสนา
เพื่ออนุรักษ์ป่าไม้และพัฒนาสิ่งแวดล้อม ตามความคิดริเริ่มของพลเอกเชษฐา ฐานะจาโร
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.กกล.สุรนารี โดยมี เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช
ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
ในปี พ.ศ. 2539 คณะกรรมการวัดได้มีมติในการจัดสร้างพระอุโบสถเพื่อเป็นอนุสรณ์เนื่องในมหามงคลวโรกาสครั้งนั้น
ลักษณะพระอุโบสถเป็นทรงไทยประยุกต์ ขนาดกว้าง 30 เมตร ยาว 60 เมตร ผลจากพลังศรัทธาสามัคคี
และความมานะพยายามของพระราชวิสุทธิมุนี วิ. (เยื้อน ขนฺติพโล) เจ้าอาวาส ตลอดจนคณะสงฆ์ ศิษยานุศิษย์
และ พุทธศาสนิกชนทั่วไป ที่ได้ร่วมเสียสละกำลังกาย และทุนทรัพย์ อุปถัมภ์การก่อสร้างจนแล้วเสร็จ
โดยไม่ใช้งบทางราชการแต่อย่างใด
และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2541
เพื่อให้เป็นการสมบูรณ์ตามแบบพระธรรมวินัย และทางวัดได้ทำพิธีผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต
ในวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2547 โดยมี พลเอกเชษฐา ฐานะจาโร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นมาเป็นประธานในพิธี
ที่มา
https://www.facebook.com/share/1H74LR2X9T/