จากปลาเค็มบ้าน ๆ สู่แบรนด์ระดับโลก (ที่ผมเคยหัวเราะใส่มันเอง)
ผมมีเพื่อนคนนึง...ชื่ออ๊อด
เมื่อก่อนมันขาย “ปลาเค็ม” อยู่หลังบ้าน
วันหนึ่งมันมาบอกว่า “กูจะทำแบรนด์ปลาเค็มของตัวเอง”
ผมนี่ถึงกับหลุดขำออกมาว่า
“ปลาเค็มเนี่ยนะจะมีแบรนด์?! จะให้คนจำยังไงวะ ระหว่างกลิ่นกับชื่อ?”
ผ่านไปหลายปี...
ไอ้คนที่ผมหัวเราะวันนั้น ตอนนี้ไปโผล่ในโมเดิร์นเทรดเรียบร้อย
มีโลโก้เท่ ๆ ชื่อว่า
Aodd Greenfish – ปลาเค็มอบโอโซน
ชื่อฟังดูเหมือนคาเฟ่แนวรักษ์โลก
แต่ขายปลาเค็มที่
ไม่มีกลิ่น! ไม่มีคาว!
แถมอบด้วยโอโซนอีกต่างหาก เหมือนสปาปลาเค็มยังไงไม่รู้
ตอนนั้นผมยืนมองชั้นวางสินค้า แล้วได้แต่คิดในใจว่า...
“เห้ย กูเคยหัวเราะมันไปได้ยังไงวะ!”
คนเรา

ตลกตรงนี้แหละ
เวลาคนอื่นเปลี่ยน เรามักจะขำ แต่เวลามันสำเร็จ เรากลับอึ้ง
ผมเลยตั้งคำถามกับตัวเองว่า
ของที่เราทำอยู่ทุกวันนี้...มันยังเวิร์กจริงไหม หรือแค่เคยเวิร์กในอดีต?
บางทีเราก็เหมือนร้านล้างรูปที่ยังพูดว่า “ฟิล์มมันคลาสสิก”
ทั้งที่ลูกค้าทั้งเมืองถ่ายด้วยมือถือหมดแล้ว
ผมไม่ได้จะบอกว่า “ต้องเปลี่ยนทุกอย่าง”
แต่จะบอกว่า “ต้องรู้ว่าอะไรควรเปลี่ยน”
เพราะสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่โลกหมุนเร็ว…
แต่คือเรา ที่ยืนนิ่งเหมือนตุ๊กตาในร้านโชว์พระ
จากวันนั้น ผมเริ่มมองเห็นว่า “แบรนด์ที่รอด”
ไม่ใช่แบรนด์ที่เสียงดังที่สุด แต่คือแบรนด์ที่ “กล้าปรับ”
อย่างเพื่อนผม — มันไม่ได้เปลี่ยนจากปลาเค็มเป็นซูชิ
แต่มันเปลี่ยน “วิธีเล่าเรื่องปลาเค็ม” ให้คนรุ่นใหม่อยากลอง
เพราะบางที เราไม่ต้องเปลี่ยนของ
แค่เปลี่ยนมุมมองของคนที่มองของเรา ก็พอแล้วครับ
ทุกวันนี้เวลาผมเห็นมันเดินผ่านชั้นสินค้าในห้าง
ผมจะตะโกนเรียกมันว่า
“ไอ้อ๊อดดดด! ปลาเค็มไปไกลกว่าฝันกูอีก!”
แล้วคุณล่ะครับ
มี “ปลาเค็ม” อะไรในชีวิตที่คนเคยหัวเราะใส่คุณไหม?
ของบ้าน ๆ ที่คุณเชื่อว่ามันดี แต่ยังไม่มีใครเห็น?
เล่าให้ผมฟังหน่อยสิครับในคอมเมนต์
เพราะบางที...แรงบันดาลใจของคุณ อาจอบโอโซนอยู่ก็ได้
Beyond Influence – จากไวรัลชั่วคืน สู่แบรนด์ชั่วชีวิต
ผมมีเพื่อนคนนึง...ชื่ออ๊อด
เมื่อก่อนมันขาย “ปลาเค็ม” อยู่หลังบ้าน
วันหนึ่งมันมาบอกว่า “กูจะทำแบรนด์ปลาเค็มของตัวเอง”
ผมนี่ถึงกับหลุดขำออกมาว่า
“ปลาเค็มเนี่ยนะจะมีแบรนด์?! จะให้คนจำยังไงวะ ระหว่างกลิ่นกับชื่อ?”
ผ่านไปหลายปี...
ไอ้คนที่ผมหัวเราะวันนั้น ตอนนี้ไปโผล่ในโมเดิร์นเทรดเรียบร้อย
มีโลโก้เท่ ๆ ชื่อว่า Aodd Greenfish – ปลาเค็มอบโอโซน
ชื่อฟังดูเหมือนคาเฟ่แนวรักษ์โลก
แต่ขายปลาเค็มที่ ไม่มีกลิ่น! ไม่มีคาว!
แถมอบด้วยโอโซนอีกต่างหาก เหมือนสปาปลาเค็มยังไงไม่รู้
ตอนนั้นผมยืนมองชั้นวางสินค้า แล้วได้แต่คิดในใจว่า...
“เห้ย กูเคยหัวเราะมันไปได้ยังไงวะ!”
คนเรา
เวลาคนอื่นเปลี่ยน เรามักจะขำ แต่เวลามันสำเร็จ เรากลับอึ้ง
ผมเลยตั้งคำถามกับตัวเองว่า
ของที่เราทำอยู่ทุกวันนี้...มันยังเวิร์กจริงไหม หรือแค่เคยเวิร์กในอดีต?
บางทีเราก็เหมือนร้านล้างรูปที่ยังพูดว่า “ฟิล์มมันคลาสสิก”
ทั้งที่ลูกค้าทั้งเมืองถ่ายด้วยมือถือหมดแล้ว
ผมไม่ได้จะบอกว่า “ต้องเปลี่ยนทุกอย่าง”
แต่จะบอกว่า “ต้องรู้ว่าอะไรควรเปลี่ยน”
เพราะสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่โลกหมุนเร็ว…
แต่คือเรา ที่ยืนนิ่งเหมือนตุ๊กตาในร้านโชว์พระ
จากวันนั้น ผมเริ่มมองเห็นว่า “แบรนด์ที่รอด”
ไม่ใช่แบรนด์ที่เสียงดังที่สุด แต่คือแบรนด์ที่ “กล้าปรับ”
อย่างเพื่อนผม — มันไม่ได้เปลี่ยนจากปลาเค็มเป็นซูชิ
แต่มันเปลี่ยน “วิธีเล่าเรื่องปลาเค็ม” ให้คนรุ่นใหม่อยากลอง
เพราะบางที เราไม่ต้องเปลี่ยนของ
แค่เปลี่ยนมุมมองของคนที่มองของเรา ก็พอแล้วครับ
ทุกวันนี้เวลาผมเห็นมันเดินผ่านชั้นสินค้าในห้าง
ผมจะตะโกนเรียกมันว่า
“ไอ้อ๊อดดดด! ปลาเค็มไปไกลกว่าฝันกูอีก!”
แล้วคุณล่ะครับ
มี “ปลาเค็ม” อะไรในชีวิตที่คนเคยหัวเราะใส่คุณไหม?
ของบ้าน ๆ ที่คุณเชื่อว่ามันดี แต่ยังไม่มีใครเห็น?
เล่าให้ผมฟังหน่อยสิครับในคอมเมนต์
เพราะบางที...แรงบันดาลใจของคุณ อาจอบโอโซนอยู่ก็ได้