สมมติดเรื่องราว ครอบครัวหนึ่งเจ้าของบ้านคือเถ้าแก่ แกทำ ธุรกิจค้าไม้ มี ลูกชาย3คน นาย เอ เป็นพี่ชายคนโต นายบี และนายซี ตามลำดับ
นายเอทำธุรกิจตัวเองขายครีมแตงโม🍉 เถ้าแก่อนุญาตให้ ใช้ โกดังของที่บ้านเป็นที่เก็บของ เพราะเห็นเป็นลูกอยากช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
วันหนึ่งนายเอเจอสาวถูกใจ สาวเจ้าขายสบู่เห็ด🍄 นายเออวดว่าที่บ้านมีโกดัง เอาของมาเก็บได้เล้ย
จากนั้นสาว ก็เอาสบู่เห็ดมาวางเต็มโกดัง เถ้าแก่ไม่อนุญาติ ให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาวาง แต่นายเอยืนยันว่าเป็นของนายเอหุ้นกันทำ สบู่เห็ด กับสาว ก็ขอวางพร้อมกับครีมแตงโมด้วยแล้วกัน
ตกกลางคืนสาวก็พาเพื่อนมานั่ง ล้อมวงดื่มเหล้าในโกดังบ้านเถ้าแก่ [โกดังและบ้านอยู่ในพื้นที่เดียวกัน] เปิดเพลงเสียงดังไม่เกรงใจ พอเถ้าแก่มาไล่ ก็ไม่สนใจ
ตลอด 1 ปีสาวเจ้าก็มาที่บ้านอีกเรื่อยๆ มาดึกๆดื่นๆ รบกวนคนในบ้าน และมาใช้อุปกรณ์ต่างๆในโรงงานเถ้าแก่โดยไม่เคยขออนุญาติ คนที่บ้านพูดไล่มาตลอด ส่วนนายเอ ก็บอกว่าตนเองเป็นลูกชายคนโต มีสิทธิ์เหมือนกัน แล้วเป็นคน อนุญาตให้สาวเจ้าเข้ามาเอง เถ้าแก่เก็บความอึดอัดไว้ไม่กล้าทำอะไรเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โต และไว้หน้าลูกชาย
สาวเจ้าไม่หยุดแค่นั้น เดินถ่ายรูปรอบบ้าน พร้อมประกาศลงโซเชียลว่าฉันจะมาเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่บ้านนี้แล้วหนายินดีกับฉันด้วย แฮร่
นายบี ซี ทนไม่ไหวจึงไปโพสต์ลงโซเชียล ด้วยคำหยาบคาย เล่าถึงพฤติกรรม ของสาวสบู่เห็ด และยังพาดพิงบุพการีนาง
ไม่นานสาว ค่อยๆขนสบู่เห็ดออกจาก โกดังของเถ้าแก่ ครอบครัวเถ้าแก่กลับมามีความสงบสุขอีกครั้ง แต่ทว่า ความสงบสุขนั้นอยู่ได้ไม่นาน
ลูกชายทั้งสองของเถ้าแก่ นายบี นายซีได้รับหมายเรียก เข้าทราบข้อกล่าวหา หมิ่นประมาท
สาวเจ้าจ้างทนาย ยื่นข้อไกล่กลี่ย 3 อย่าง
1 โพสต์ขอโทษ
2 ขอเข้ามาเป็นเถ้าแก่เนี๊ย
3 ค่าทำขวัญเป็นทอง10 บาท
นายซี ขอร้องให้พี่ชายเอ ช่วยคุยกับสาว สำหรับข้อ 1 สามารถทำให้ได้แต่ข้อ 2 เป็นต้นเหตุของปัญหาจึงไม่สามารถให้ได้ ส่วนข้อ 3 เกินเหตุไปมาก
ในกรณีที่เป็นทนายของซี นอกจากยอมตามข้อไกล่เกลี่ย(ซึ่งเป็นไปไม่ได้) มีทางแก้อื่นที่จะจบโดยไม่โดนแจ้งข้อหารึเปล่า
คำถามคดี กรณีศึกษา
นายเอทำธุรกิจตัวเองขายครีมแตงโม🍉 เถ้าแก่อนุญาตให้ ใช้ โกดังของที่บ้านเป็นที่เก็บของ เพราะเห็นเป็นลูกอยากช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
วันหนึ่งนายเอเจอสาวถูกใจ สาวเจ้าขายสบู่เห็ด🍄 นายเออวดว่าที่บ้านมีโกดัง เอาของมาเก็บได้เล้ย
จากนั้นสาว ก็เอาสบู่เห็ดมาวางเต็มโกดัง เถ้าแก่ไม่อนุญาติ ให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาวาง แต่นายเอยืนยันว่าเป็นของนายเอหุ้นกันทำ สบู่เห็ด กับสาว ก็ขอวางพร้อมกับครีมแตงโมด้วยแล้วกัน
ตกกลางคืนสาวก็พาเพื่อนมานั่ง ล้อมวงดื่มเหล้าในโกดังบ้านเถ้าแก่ [โกดังและบ้านอยู่ในพื้นที่เดียวกัน] เปิดเพลงเสียงดังไม่เกรงใจ พอเถ้าแก่มาไล่ ก็ไม่สนใจ
ตลอด 1 ปีสาวเจ้าก็มาที่บ้านอีกเรื่อยๆ มาดึกๆดื่นๆ รบกวนคนในบ้าน และมาใช้อุปกรณ์ต่างๆในโรงงานเถ้าแก่โดยไม่เคยขออนุญาติ คนที่บ้านพูดไล่มาตลอด ส่วนนายเอ ก็บอกว่าตนเองเป็นลูกชายคนโต มีสิทธิ์เหมือนกัน แล้วเป็นคน อนุญาตให้สาวเจ้าเข้ามาเอง เถ้าแก่เก็บความอึดอัดไว้ไม่กล้าทำอะไรเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โต และไว้หน้าลูกชาย
สาวเจ้าไม่หยุดแค่นั้น เดินถ่ายรูปรอบบ้าน พร้อมประกาศลงโซเชียลว่าฉันจะมาเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่บ้านนี้แล้วหนายินดีกับฉันด้วย แฮร่
นายบี ซี ทนไม่ไหวจึงไปโพสต์ลงโซเชียล ด้วยคำหยาบคาย เล่าถึงพฤติกรรม ของสาวสบู่เห็ด และยังพาดพิงบุพการีนาง
ไม่นานสาว ค่อยๆขนสบู่เห็ดออกจาก โกดังของเถ้าแก่ ครอบครัวเถ้าแก่กลับมามีความสงบสุขอีกครั้ง แต่ทว่า ความสงบสุขนั้นอยู่ได้ไม่นาน
ลูกชายทั้งสองของเถ้าแก่ นายบี นายซีได้รับหมายเรียก เข้าทราบข้อกล่าวหา หมิ่นประมาท
สาวเจ้าจ้างทนาย ยื่นข้อไกล่กลี่ย 3 อย่าง
1 โพสต์ขอโทษ
2 ขอเข้ามาเป็นเถ้าแก่เนี๊ย
3 ค่าทำขวัญเป็นทอง10 บาท
นายซี ขอร้องให้พี่ชายเอ ช่วยคุยกับสาว สำหรับข้อ 1 สามารถทำให้ได้แต่ข้อ 2 เป็นต้นเหตุของปัญหาจึงไม่สามารถให้ได้ ส่วนข้อ 3 เกินเหตุไปมาก
ในกรณีที่เป็นทนายของซี นอกจากยอมตามข้อไกล่เกลี่ย(ซึ่งเป็นไปไม่ได้) มีทางแก้อื่นที่จะจบโดยไม่โดนแจ้งข้อหารึเปล่า