สรุปรายละเอียด 'คนละครึ่งพลัส' วัยรุ่นอายุ 16 ปี-SMEs นิติบุคคลใช้สิทธิ์ได้

KEY POINTS
ขยายคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการให้ครอบคลุมเยาวชนอายุ 16 ปีขึ้นไป และผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล (Micro SMEs)

เพิ่มวงเงินที่รัฐช่วยจ่ายเป็นวันละ 200 บาท และให้วงเงินสิทธิ์รวมสูงสุด 2,400 บาทสำหรับผู้ที่อยู่ในระบบภาษี และ 2,000 บาทสำหรับประชาชนทั่วไป

มีการเพิ่มทักษะ (Upskill/Reskill) ให้แก่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อนำเทคโนโลยีและ AI มาช่วยพัฒนาการขาย

เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนวันที่ 20-26 ต.ค. 68 และเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. 68 จนถึงสิ้นสุดโครงการ 31 ธ.ค. 68

วันที่ 7 ตุลาคม 2568 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้นำแถลงรายละเอียดอย่างเป็นทางการภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ได้มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัส

นายเอกนิติ ระบุว่า โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งใน "โครงการเรือธง" ที่สำคัญของรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้แถลงเมื่อวันที่ 29 กันยายน เพื่อแก้ไขปัญหาและต่อสู้กับ "ภัยเศรษฐกิจ" โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้กับประชาชน เพื่อให้พวกเขามีกำลังและพลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

รัฐบาลมุ่งเน้นว่าโครงการคนละครึ่งพลัสจะทำหน้าที่เป็น "เครื่องจักร" ตัวหนึ่งที่จะช่วยประคับประคองไม่ให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง หรือ "ติดหล่ม" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งมีแนวโน้มการขยายตัวที่อาจจะชะลอลง

งบประมาณและผลกระทบทางเศรษฐกิจ
นายเอกนิติ ระบุว่า กระทรวงการคลังได้เสนอของบประมาณดำเนินการสำหรับโครงการคนละครึ่งพลัสในวงเงินรวม 44,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนประมาณ 20 ล้านสิทธิ์

แหล่งเงินงบประมาณที่นำมาใช้เป็นไปตามแนวคิด Quick Big Win โดยใช้แหล่งเงินงบประมาณเดิมที่รัฐบาลอนุมัติไว้แล้ว ซึ่งประกอบด้วยงบกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2569 จำนวน 25,000 ล้านบาท และงบกลาง งบประมาณส่วนนี้จะเป็นเงินสมทบจากรัฐบาล และเมื่อรวมกับเงินที่ประชาชนใช้จ่ายสมทบอีกครึ่งหนึ่ง จะก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนรวมถึง 88,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ หากรวมกับการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอีก 23,000 ล้านบาท จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจรวมกันประมาณแสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มการเติบโตของเศรษฐกิจได้ประมาณ 0.3-0.4%

5 จุดพลัส (Plus) ที่แตกต่างจากเดิม
นายเอกนิติ ได้เน้นย้ำว่า โครงการคนละครึ่งพลัสมีความแตกต่างและ "พลัส" เพิ่มขึ้นจากโครงการคนละครึ่งเดิมถึง 5 ประเด็นสำคัญ:

พลัสที่ 1: คุณสมบัติประชาชนที่เข้าร่วม (อายุ 16 ปีขึ้นไป)
เดิมกำหนดที่อายุ 18 ปีบริบูรณ์ แต่โครงการใหม่ขยายให้ ประชาชนอายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่มีบัตรประชาชนสามารถเข้าร่วมโครงการได้
เหตุผลคือรัฐบาลเห็นว่าเยาวชนรุ่นใหม่ในปัจจุบันมีกำลังซื้อและสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการค้าขายออนไลน์ได้มากขึ้น

พลัสที่ 2: เพิ่มวงเงินสมทบต่อวัน (เป็น 200 บาท)
รัฐจะเพิ่มวงเงินสมทบต่อวัน จากเดิม 150 บาทต่อวัน เป็น 200 บาทต่อวัน เพื่อเพิ่มกำลังซื้อและสร้างผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมในระยะสั้น

พลัสที่ 3: เพิ่มวงเงินสิทธิรวม (ตามสถานะภาษี)
ผู้ที่ อยู่ในระบบภาษี จะได้รับวงเงินสิทธิรวม 2,400 บาท ตลอดโครงการ
ผู้ที่ ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี (ประชาชนทั่วไป) จะได้รับวงเงินสิทธิรวม 2,000 บาท
วงเงินสิทธิ 2,000 บาทนี้ จะเท่ากับวงเงินที่เติมให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

พลัสที่ 4: เพิ่มผู้ประกอบการ (Micro SMEs นิติบุคคล)
เป็นครั้งแรกที่ขยายฐานผู้ประกอบการให้ครอบคลุมถึง นิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบการรายย่อย (Micro SMEs) ซึ่งมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 8 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังรวมถึง วิสาหกิจชุมชน ด้วย นอกเหนือจากผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา

พลัสที่ 5: การเพิ่มทักษะ (Upskill/Reskill)
โครงการจะมีการเพิ่มทักษะความรู้ (Upskill หรือ Reskill) ให้แก่ร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อย
ร้านค้าจะได้เรียนรู้ทักษะใหม่ เช่น การใช้ เทคโนโลยีและ AI มาพัฒนาการขายให้ขายเก่งขึ้น ลดต้นทุนได้มากขึ้น และขยายธุรกิจได้ การเพิ่มทักษะนี้จะช่วยสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งจากฐานรากขึ้นสู่ด้านบน

กำหนดการและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการ (Quick Win)
โครงการคนละครึ่งพลัสได้กำหนดไทม์ไลน์ที่รวดเร็ว โดยจะใช้แอปพลิเคชันที่มีอยู่แล้วและเป็นที่คุ้นเคย คือ "เป๋าตังค์" สำหรับประชาชน และ "ถุงเงิน" สำหรับร้านค้า
วันที่ 15 ตุลาคม 2568
เปิดให้ร้านค้า (รวมถึงร้านค้าใหม่และ Micro SMEs นิติบุคคล) ลงทะเบียน เข้าร่วมโครงการ ร้านค้าใหม่สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้จากเป๋าตังและนำมายื่นตามศูนย์บริการที่จัดเตรียมไว้

วันที่ 20-26 ตุลาคม 2568
เปิดให้ประชาชนลงทะเบียน เข้าโครงการผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ประชาชนสามารถศึกษาเงื่อนไขได้จากเว็บไซต์ เป๋าตัง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

วันที่ 29 ตุลาคม 2568
เริ่มใช้จ่าย ผ่านโครงการได้เป็นวันแรก โดยประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ต้องเริ่มใช้จ่ายครั้งแรก ภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 เพื่อไม่ให้ถูกตัดสิทธิ์ตามเงื่อนไข

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568
เริ่มใช้จ่ายผ่านการเชื่อมต่อกับ แพลตฟอร์ม Food Delivery เพื่อเพิ่มช่องทางรับออเดอร์ออนไลน์ให้ร้านค้า

วันที่ 31 ธันวาคม 2568
สิ้นสุดโครงการ

ประชาชนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเป๋าตังค์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ซึ่งแอปฯ ได้รับการยก ระดับความปลอดภัยเพื่อให้เท่าทันภัยไซเบอร์เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ผู้ที่ยังไม่เคยยืนยันตัวตนสามารถเปิด G-Wallet ในแอปพลิเคชันได้

"โครงการคนละครึ่งพลัส ภายใต้การนำของรัฐบาลนี้ จะช่วยสร้างความคึกคักให้กับเศรษฐกิจไทย เพิ่มกำลังการจับจ่ายใช้สอยและลดรายจ่ายให้ประชาชน เพิ่มรายได้ให้พ่อค้าแม่ค้า, และเพิ่มทักษะความสามารถในการใช้เทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568" นายเอกนิติแสดงความมั่นใจ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่