“บิ๊กเต่า” เผยเตรียมเรียกกองปราบ - ปปป. หารือร่วมติดตามความคืบหน้าคดี “พระคึกฤทธิ์” เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง หลังธนาคารเตรียมส่งข้อมูลเส้นเงินย้อนหลัง 10 ปี ให้สัปดาห์หน้า พร้อมยืนยันจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีตรวจสอบพฤติกรรม พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง ต้องสงสัยทุจริตยักยอกเงินของวัดไปใช้โดยมิชอบ ว่า การสอบปากคำนางกัญญาภัค ชไนเดอร์ หรือสีกายุ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สอง หลังก่อนหน้านี้เคยพูดคุยกันมาแล้วเมื่อตอนที่เจ้าตัวมาแจ้งความร้องทุกข์ ส่วนการพูดคุยวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานต่างๆที่นำมามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า เนื้อหาหลักๆ ในเอกสารจะเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของเงินตั้งแต่มูลนิธิไปจนถึงกองทุน จะพิจารณาเป็นเรื่องๆตั้งแต่ต้นทางเงินออกจากวัดผ่านบัญชีบุคคลจนไปถึงปลายทางที่เป็นกองทุน ว่าส่วนไหนเข้าข่ายความผิดบ้าง เป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ และการทำเช่นนี้ ถือเป็นการนำเงินวัดออกไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ จำเป็นต้องดูให้ละเอียด รวมถึงต้องสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ เพื่อสืบหาพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องมาร่วมพิจารณาข้อเท็จจริง โดยเฉพาะหลักฐานเส้นทางการเงิน ขณะนี้กองปราบประสานไปยังธนาคารต่างๆ เพื่อขอการเดินบัญชีย้อนหลังเกือบ 10 ปี เพื่อมาตรวจสอบอย่างละเอียด คาดว่าน่าจะเริ่มทยอยส่งข้อมูลให้วันจันทร์หน้า
“คดีที่เคยมีการแจ้งความกับตำรวจกองปราบไว้ ขณะนี้ผู้บังคับบัญชา อนุมัติให้โอนสำนวนคดีทั้งหมดมาอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปปป. และในวันอังคารหน้าที่จะถึงนี้ ตำรวจ บก.ปปป. และ ตำรวจกองปราบ จะมีการหารือร่วมกัน เพื่อร่วมกำหนดทิศทางคดี”
เมื่อถามถึงกรณีที่พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โอนเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองที่ดินวัดที่ได้มาจากการบริจาคของญาติโยมไปเป็นชื่อของตัวเอง รวมถึงกรณีข้อสงสัยว่ามีการนำเงินของวัดไปซื้อรถให้กับคนใกล้ชิดนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวตอบว่า ส่วนของเรื่องโอนที่ดิน ทราบว่ามีการฟ้องร้องกันจบไปแล้ว แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า การทำเช่นนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ ตำรวจต้องมาตรวจสอบให้กระจ่างชัด เช่นเดียวกับเรื่องรถยนต์หรู และเรื่องเงินกฐิน ตำรวจจะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดด้วยเช่นกัน
ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา แต่ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน เพราะหลักฐานที่ได้มาตอนนี้ยังเป็นได้เพียงแค่แนวทาง ต้องรอผลการตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมไปถึงสอบปากคำพยานบุคคลจากบริษัทต่างๆให้แน่ชัดก่อน
ส่วนจะมีการเชิญพระอาจารย์คึกฤทธิ์ มาให้ปากคำเร็วๆ นี้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่ายังไม่ใช่ในเร็ววันนี้ เพราะต้องรอดูพยานหลักฐานต่างๆ ให้แน่ชัดก่อน ส่วนเรื่องที่มีคนไปคุกคาม สีกายุ พยานคนสำคัญในคดี ตำรวจรับปากจะช่วยดูให้ ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบถามข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ทั้งรูปถ่าย ทะเบียนรถ เพื่อจะนำมาตรวจสอบว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นใคร เกี่ยวข้องอย่างไร
https://www.thairath.co.th/news/crime/2886823 
ตำรวจขอข้อมูลเส้นเงิน 10 ปีย้อนหลัง บก.ปปป. และ บก.ป. เตรียมถกทิศทางคดี “พระคึกฤทธิ์”
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีตรวจสอบพฤติกรรม พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง ต้องสงสัยทุจริตยักยอกเงินของวัดไปใช้โดยมิชอบ ว่า การสอบปากคำนางกัญญาภัค ชไนเดอร์ หรือสีกายุ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สอง หลังก่อนหน้านี้เคยพูดคุยกันมาแล้วเมื่อตอนที่เจ้าตัวมาแจ้งความร้องทุกข์ ส่วนการพูดคุยวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานต่างๆที่นำมามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า เนื้อหาหลักๆ ในเอกสารจะเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของเงินตั้งแต่มูลนิธิไปจนถึงกองทุน จะพิจารณาเป็นเรื่องๆตั้งแต่ต้นทางเงินออกจากวัดผ่านบัญชีบุคคลจนไปถึงปลายทางที่เป็นกองทุน ว่าส่วนไหนเข้าข่ายความผิดบ้าง เป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีนอกราชอาณาจักรหรือไม่ และการทำเช่นนี้ ถือเป็นการนำเงินวัดออกไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ จำเป็นต้องดูให้ละเอียด รวมถึงต้องสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ เพื่อสืบหาพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องมาร่วมพิจารณาข้อเท็จจริง โดยเฉพาะหลักฐานเส้นทางการเงิน ขณะนี้กองปราบประสานไปยังธนาคารต่างๆ เพื่อขอการเดินบัญชีย้อนหลังเกือบ 10 ปี เพื่อมาตรวจสอบอย่างละเอียด คาดว่าน่าจะเริ่มทยอยส่งข้อมูลให้วันจันทร์หน้า
“คดีที่เคยมีการแจ้งความกับตำรวจกองปราบไว้ ขณะนี้ผู้บังคับบัญชา อนุมัติให้โอนสำนวนคดีทั้งหมดมาอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปปป. และในวันอังคารหน้าที่จะถึงนี้ ตำรวจ บก.ปปป. และ ตำรวจกองปราบ จะมีการหารือร่วมกัน เพื่อร่วมกำหนดทิศทางคดี”
เมื่อถามถึงกรณีที่พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โอนเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองที่ดินวัดที่ได้มาจากการบริจาคของญาติโยมไปเป็นชื่อของตัวเอง รวมถึงกรณีข้อสงสัยว่ามีการนำเงินของวัดไปซื้อรถให้กับคนใกล้ชิดนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวตอบว่า ส่วนของเรื่องโอนที่ดิน ทราบว่ามีการฟ้องร้องกันจบไปแล้ว แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า การทำเช่นนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ ตำรวจต้องมาตรวจสอบให้กระจ่างชัด เช่นเดียวกับเรื่องรถยนต์หรู และเรื่องเงินกฐิน ตำรวจจะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดด้วยเช่นกัน
ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา แต่ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน เพราะหลักฐานที่ได้มาตอนนี้ยังเป็นได้เพียงแค่แนวทาง ต้องรอผลการตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมไปถึงสอบปากคำพยานบุคคลจากบริษัทต่างๆให้แน่ชัดก่อน
ส่วนจะมีการเชิญพระอาจารย์คึกฤทธิ์ มาให้ปากคำเร็วๆ นี้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่ายังไม่ใช่ในเร็ววันนี้ เพราะต้องรอดูพยานหลักฐานต่างๆ ให้แน่ชัดก่อน ส่วนเรื่องที่มีคนไปคุกคาม สีกายุ พยานคนสำคัญในคดี ตำรวจรับปากจะช่วยดูให้ ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบถามข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ทั้งรูปถ่าย ทะเบียนรถ เพื่อจะนำมาตรวจสอบว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นใคร เกี่ยวข้องอย่างไร
https://www.thairath.co.th/news/crime/2886823