วันนี้มีเรื่องเล่า มาแชร์ครับ ตอน น้อยแต่สม่ำเสมอ

ชายหนุ่มหญิงสาว คู่หนึ่งได้พบกับท่านตาอายุเกือบ 90 ปี ทั้ง 3 พบกันโดยบังเอิญ ที่ถนนด้านหน้ามีไม้ล้มขวางทาง ก็ต้องหยุดมาเจอกันเพราะว่ามีไม้ กีดขวางอยู่ เดินทางกันไม่ได้
*หญิงสาว ก็เอ่ย ถามท่านตาว่าอายุมากแล้วไฉนยังเดินทางเพียงลำพัง
*ชายชรา ก็ตอบด้วยสีหน้าอ่อนโยน ครอบครัวข้าก็จากกันไปละ
*หญิงสาว ก็บอก อ้อก็แน่นอนสิท่านตา 90 ครอบครัวจะมีใครเหลือเล่า
*ชายหนุ่ม ที่มากับหญิงสาวก็ถามว่าท่านจะไปไหนให้ข้าไปส่งดีมั้ย ชายชราก็ส่ายหน้าไม่ต้องหรอกข้าเดินทางไปเรื่อยๆค่ำไหนนอนนั่นไม่มีอะไรต้องห่วงชีวิตข้า ข้าข้ามภูเขา ข้ามทะเล ข้ามฟ้า ข้ามอะไรมาเยอะแยะ ไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว ไม่มีอะไรต้องกังวล แล้วก็เออแต่ว่าแล้วพวกเรามาทำไมกันล่ะ
พวกเราน่ะ
*หญิงสาว ฟังแล้วยังไม่หายสงสัยจะชวนคุยต่อ เพราะท่านตาที่อยู่มา90ปีเนี่ย สิ่งใดที่จะทำให้ท่านตามีความสุขที่สุดในชีวิตเจ้าคะ
*ชายชรา ก็บอกตราบที่ข้ายังมีประโยชน์ไง ถ้ายังมีประโยชน์อยู่ข้าก็มีสุขที่สุดล่ะ หญิงสาวก็แปลกใจในคำตอบ
*หญิงสาว แล้วสิ่งใดที่ทำ ให้ท่านเสียใจที่สุดล่ะคะ
*ชายชรา ก็บอก เอ้าก็ตราบใดที่ข้าไร้ประโยชน์ไง เสียใจที่สุด
*ชายหนุ่ม รีบแย้งเอ้าท่านตาจะแบกโลกเอาไว้ ทั้งใบไม่ได้นะขอรับ สรรพสิ่งมีวิถีตามครรลองรของมันยามนี้ท่านแก่ชราแล้วสมควรหยุดพัก
*ชายชรา หัวเราะ พ่อหนุ่มเอ๊ยยามที่เจ้าชวนข้าคุยก็เท่ากับข้าได้ ทำประโยชน์แล้ว การทำประโยชน์ให้โลกใบนี้ ไม่ใช่แค่การแบกหามหรือไปเที่ยวแบกความรู้สึกของใคร แต่เป็นสิ่งที่เราสมัครใจทำเพื่อให้การดำรงอยู่ของเรานี้มีคุณค่ามากที่สุดต่างหาก แล้วชายชราก็ผายมือให้คนหนุ่มคนสาวได้เห็น เห็นต้นนั่นมั้ย ต้นไม้อยู่กับที่แต่กลับให้คุณมากมาย ให้ร่มเงา ให้อากาศที่บริสุทธิ์ เป็นที่พักพิงแก่เหล่าสัตว์ เป็นอาหารให้ทั้งคนและสัตว์ ขนาดพวกเค้าเคลื่อน ย้ายตัวเองไม่ได้แต่ก็ยังมีประโยชน์มากมายแล้วคนอย่างเราจะไม่ทำประโยชน์ให้ผู้ อื่นเลยเหรอ
*ชายหนุ่ม พยักหน้า ขอถามต่อนะ แล้วในวัยของท่านตาอายุ90เนี่ยนอกจากพูดคุยแล้วท่านทำอะไรได้อีกขอรับ
*ชายชรา หัวเราะ บอกโอยเยอะแยะเลย
-ข้าเคยช่วยนกที่ ตกน้ำ ให้รอดตาย เคยเดินผ่านครอบครัวยากจนหยุดสอนหนังสือเด็กอยู่ 3 เดือน จนเด็กๆนับเลข คิดเลขเป็น
-ข้าเคยกินอะไรแล้วเห็นขอทาน เดินผ่านมาชวนมากินด้วย เออถ้าร้านไม่อนุญาตก็ซื้อไก่ให้ เขากินคนละน่องกัน หมั่นโถคนละลูกสองลูกก็เคยช่วยมาแล้ว
-ข้าเคยช่วยหญิงชราวัยเดียวกันบางทีกลับบ้านแต่ ยังต้องเลี้ยงลูกพิการต้องถือไอ้นู่นไอ้ นี่ข้าก็ เคยแบกหามแทนหญิงชรา
นี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นนะเพราะว่ารู้ไหมว่า สิ่งที่ข้าทำไปเนี่ยครอบครัวนึงไม่สามารถ คิดเลขได้ก็อาจจะคิดเลขไม่เป็นก็ถูกหลอก เวลาไปซื้อของได้ หญิงชราถ้าไม่ได้พักเลย 1 วันเพราะไม่มีคนช่วยแบกของให้มันก็อาจจะไม่ได้ต่อชีวิตหรือทำให้หญิงชรานั้นเหนื่อย ไปอีกวัน
ก็ถือว่าชีวิตคนเรามันก็มีอะไรที่ทำ ประโยชน์ได้ก็ทำทำไป แล้วหญิงสาวกับชายหนุ่มฟัง คุยกันไปยาวๆขึ้นก็รู้สึกประทับใจ ชายชราก็พูดต่อ แหมอยู่บนโลกใบนี้มันไม่จำเป็นต้องบริจาคบริจาคทรัพย์ นับล้านหรือทำไรมากจนเกิดว่าที่ตัวเรา เนี่ยเกินกว่าที่ตัวเราจะทำได้หรอก แต่ว่าทำสิ่งเล็กๆในแต่ละวันเนี่ยทำแล้วเรารู้ สึกดีมีกำลังใจสุขใจแค่นั้นก็มากกพอแล้วนะ
คุยไปคุยมาก็ทางเทศบาลก็มา เลื่อนไม้ออกทางโล่งและเดินทางกันได้ หนุ่มสาวคู่นั้นก็หันมาชวนให้ชายชราเดิน ทางต่อแต่ชายราหายไปแล้ว เออพวกเขาก็งงๆ และออกเดินทางต่อไปผ่านจุดที่ต้นไม้ล้มเกะกะไปไม่กี่ก้าว ก็เห็น รูปปั้นผู้เฒ่าคนนึงยืนยิ้ม ตระหง่าน อยู่ก็ถามคนแถวนั้นว่าชายผู้นี้คือใคร คนแถวนั้นก็บอก อ้อนี่เป็นผู้เฒ่าแซ่หู ท่านเป็นคนทางเหนือมักทำบุญทำทานช่วยเหลือผู้คนไปจนกระทั่งครอบครัวทยอยจากไปเหลือแต่ตัว ผู้เฒ่า ชอบมาท่องเที่ยวและสอนเรื่องดีๆ นี่ท่านก็จากไปได้เป็นสิบสิบปีแล้วล่ะ ท่านก็เป็นที่รักของชาวบ้านแถวนี้มากๆ คนเคารพ ท่านเหมือนเทพประจำหมู่บ้านเรา นั่นแหละครับ ชายหนุ่มหญิงสาวก็ขนลุกซู่เลยก็ยกมือไหว้ ขอบคุณที่ชี้ทางพวกเรา
สรุปนิทานเรื่องนี้ก็สอนให้รู้ว่าการทำ ความดีเพียงเล็กน้อยแต่ทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็พอตัวของเราที่จะทำได้ก็นับว่า วิเศษแล้วก็คุ้มแล้วที่เกิดมาในชีวิตนี้
เรื่องเล่าจาก ถิรชัย
Cr. บิ๊กแป๊ะ ถิรชัย วุฒิธรรม รายการ Morning Talk FM.99
แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้านะครับ
つづく
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ สุขสันต์วัน(สุข)ศุกร์ ขอให้มีความสุขและโชคดีทุกๆท่านครับ
เรื่องเล่า จากผู้ใหญ่ใจดี ตอนที่ 7 ว่ากันด้วย เรื่อง *น้อยแต่สม่ำเสมอ*
ชายหนุ่มหญิงสาว คู่หนึ่งได้พบกับท่านตาอายุเกือบ 90 ปี ทั้ง 3 พบกันโดยบังเอิญ ที่ถนนด้านหน้ามีไม้ล้มขวางทาง ก็ต้องหยุดมาเจอกันเพราะว่ามีไม้ กีดขวางอยู่ เดินทางกันไม่ได้
*หญิงสาว ก็เอ่ย ถามท่านตาว่าอายุมากแล้วไฉนยังเดินทางเพียงลำพัง
*ชายชรา ก็ตอบด้วยสีหน้าอ่อนโยน ครอบครัวข้าก็จากกันไปละ
*หญิงสาว ก็บอก อ้อก็แน่นอนสิท่านตา 90 ครอบครัวจะมีใครเหลือเล่า
*ชายหนุ่ม ที่มากับหญิงสาวก็ถามว่าท่านจะไปไหนให้ข้าไปส่งดีมั้ย ชายชราก็ส่ายหน้าไม่ต้องหรอกข้าเดินทางไปเรื่อยๆค่ำไหนนอนนั่นไม่มีอะไรต้องห่วงชีวิตข้า ข้าข้ามภูเขา ข้ามทะเล ข้ามฟ้า ข้ามอะไรมาเยอะแยะ ไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว ไม่มีอะไรต้องกังวล แล้วก็เออแต่ว่าแล้วพวกเรามาทำไมกันล่ะ
พวกเราน่ะ
*หญิงสาว ฟังแล้วยังไม่หายสงสัยจะชวนคุยต่อ เพราะท่านตาที่อยู่มา90ปีเนี่ย สิ่งใดที่จะทำให้ท่านตามีความสุขที่สุดในชีวิตเจ้าคะ
*ชายชรา ก็บอกตราบที่ข้ายังมีประโยชน์ไง ถ้ายังมีประโยชน์อยู่ข้าก็มีสุขที่สุดล่ะ หญิงสาวก็แปลกใจในคำตอบ
*หญิงสาว แล้วสิ่งใดที่ทำ ให้ท่านเสียใจที่สุดล่ะคะ
*ชายชรา ก็บอก เอ้าก็ตราบใดที่ข้าไร้ประโยชน์ไง เสียใจที่สุด
*ชายหนุ่ม รีบแย้งเอ้าท่านตาจะแบกโลกเอาไว้ ทั้งใบไม่ได้นะขอรับ สรรพสิ่งมีวิถีตามครรลองรของมันยามนี้ท่านแก่ชราแล้วสมควรหยุดพัก
*ชายชรา หัวเราะ พ่อหนุ่มเอ๊ยยามที่เจ้าชวนข้าคุยก็เท่ากับข้าได้ ทำประโยชน์แล้ว การทำประโยชน์ให้โลกใบนี้ ไม่ใช่แค่การแบกหามหรือไปเที่ยวแบกความรู้สึกของใคร แต่เป็นสิ่งที่เราสมัครใจทำเพื่อให้การดำรงอยู่ของเรานี้มีคุณค่ามากที่สุดต่างหาก แล้วชายชราก็ผายมือให้คนหนุ่มคนสาวได้เห็น เห็นต้นนั่นมั้ย ต้นไม้อยู่กับที่แต่กลับให้คุณมากมาย ให้ร่มเงา ให้อากาศที่บริสุทธิ์ เป็นที่พักพิงแก่เหล่าสัตว์ เป็นอาหารให้ทั้งคนและสัตว์ ขนาดพวกเค้าเคลื่อน ย้ายตัวเองไม่ได้แต่ก็ยังมีประโยชน์มากมายแล้วคนอย่างเราจะไม่ทำประโยชน์ให้ผู้ อื่นเลยเหรอ
*ชายหนุ่ม พยักหน้า ขอถามต่อนะ แล้วในวัยของท่านตาอายุ90เนี่ยนอกจากพูดคุยแล้วท่านทำอะไรได้อีกขอรับ
*ชายชรา หัวเราะ บอกโอยเยอะแยะเลย
-ข้าเคยช่วยนกที่ ตกน้ำ ให้รอดตาย เคยเดินผ่านครอบครัวยากจนหยุดสอนหนังสือเด็กอยู่ 3 เดือน จนเด็กๆนับเลข คิดเลขเป็น
-ข้าเคยกินอะไรแล้วเห็นขอทาน เดินผ่านมาชวนมากินด้วย เออถ้าร้านไม่อนุญาตก็ซื้อไก่ให้ เขากินคนละน่องกัน หมั่นโถคนละลูกสองลูกก็เคยช่วยมาแล้ว
-ข้าเคยช่วยหญิงชราวัยเดียวกันบางทีกลับบ้านแต่ ยังต้องเลี้ยงลูกพิการต้องถือไอ้นู่นไอ้ นี่ข้าก็ เคยแบกหามแทนหญิงชรา
นี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นนะเพราะว่ารู้ไหมว่า สิ่งที่ข้าทำไปเนี่ยครอบครัวนึงไม่สามารถ คิดเลขได้ก็อาจจะคิดเลขไม่เป็นก็ถูกหลอก เวลาไปซื้อของได้ หญิงชราถ้าไม่ได้พักเลย 1 วันเพราะไม่มีคนช่วยแบกของให้มันก็อาจจะไม่ได้ต่อชีวิตหรือทำให้หญิงชรานั้นเหนื่อย ไปอีกวัน
ก็ถือว่าชีวิตคนเรามันก็มีอะไรที่ทำ ประโยชน์ได้ก็ทำทำไป แล้วหญิงสาวกับชายหนุ่มฟัง คุยกันไปยาวๆขึ้นก็รู้สึกประทับใจ ชายชราก็พูดต่อ แหมอยู่บนโลกใบนี้มันไม่จำเป็นต้องบริจาคบริจาคทรัพย์ นับล้านหรือทำไรมากจนเกิดว่าที่ตัวเรา เนี่ยเกินกว่าที่ตัวเราจะทำได้หรอก แต่ว่าทำสิ่งเล็กๆในแต่ละวันเนี่ยทำแล้วเรารู้ สึกดีมีกำลังใจสุขใจแค่นั้นก็มากกพอแล้วนะ
คุยไปคุยมาก็ทางเทศบาลก็มา เลื่อนไม้ออกทางโล่งและเดินทางกันได้ หนุ่มสาวคู่นั้นก็หันมาชวนให้ชายชราเดิน ทางต่อแต่ชายราหายไปแล้ว เออพวกเขาก็งงๆ และออกเดินทางต่อไปผ่านจุดที่ต้นไม้ล้มเกะกะไปไม่กี่ก้าว ก็เห็น รูปปั้นผู้เฒ่าคนนึงยืนยิ้ม ตระหง่าน อยู่ก็ถามคนแถวนั้นว่าชายผู้นี้คือใคร คนแถวนั้นก็บอก อ้อนี่เป็นผู้เฒ่าแซ่หู ท่านเป็นคนทางเหนือมักทำบุญทำทานช่วยเหลือผู้คนไปจนกระทั่งครอบครัวทยอยจากไปเหลือแต่ตัว ผู้เฒ่า ชอบมาท่องเที่ยวและสอนเรื่องดีๆ นี่ท่านก็จากไปได้เป็นสิบสิบปีแล้วล่ะ ท่านก็เป็นที่รักของชาวบ้านแถวนี้มากๆ คนเคารพ ท่านเหมือนเทพประจำหมู่บ้านเรา นั่นแหละครับ ชายหนุ่มหญิงสาวก็ขนลุกซู่เลยก็ยกมือไหว้ ขอบคุณที่ชี้ทางพวกเรา
สรุปนิทานเรื่องนี้ก็สอนให้รู้ว่าการทำ ความดีเพียงเล็กน้อยแต่ทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็พอตัวของเราที่จะทำได้ก็นับว่า วิเศษแล้วก็คุ้มแล้วที่เกิดมาในชีวิตนี้
เรื่องเล่าจาก ถิรชัย
Cr. บิ๊กแป๊ะ ถิรชัย วุฒิธรรม รายการ Morning Talk FM.99
แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้านะครับ
つづく
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ สุขสันต์วัน(สุข)ศุกร์ ขอให้มีความสุขและโชคดีทุกๆท่านครับ