ในปี 2023 นักวิทยาศาสตร์ของ NASA ตรวจพบ “ความผิดปกติของแรงโน้มถ่วง” (gravity anomaly) ขนาดมหึมายาวกว่า 7,000 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่มหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งระยะทางนี้เทียบได้กับจากนิวยอร์กถึงกรุงโรม
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ข้อมูลจากดาวเทียม GRACE เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่ต่อเนื่องของสนามแรงโน้มถ่วงโลก ปรากฏการณ์เช่นนี้มักเกิดจากการกระจายมวลไม่สมดุล เช่น ภูเขา ร่องลึก หรือการไหลของเหล็กหลอมเหลวใต้พื้นโลก
แต่ครั้งนี้พิเศษมาก เพราะมันเกิดขึ้นพร้อมกับ “geomagnetic jerk” — การสั่นสะเทือนของสนามแม่เหล็กโลกแบบกะทันหัน เหตุการณ์ลักษณะนี้ถูกบันทึกครั้งแรกในปี 1978 และโดยปกติเกิดขึ้นราวทุก 10 ปี แต่แทบไม่เคยเกิดควบคู่กับความผิดปกติแรงโน้มถ่วงขนาดใหญ่ขนาดนี้
ทำไมถึงสำคัญ?
สนามแม่เหล็กโลกทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์ และเป็นหัวใจหลักของระบบนำทางทั้งดาวเทียมและสมาร์ทโฟน การสั่นสะเทือนกะทันหันอาจรบกวนสัญญาณ GPS เครือข่ายสื่อสาร และดาวเทียมบางส่วน การค้นพบว่ามีความผิดปกติแรงโน้มถ่วงเกิดขึ้นพร้อมกัน บ่งชี้ว่าแกนโลกด้านในอาจเป็นตัวขับเคลื่อนที่ส่งผลทั้งแรงโน้มถ่วงและแม่เหล็กไปพร้อมกัน
เบาะแสจากแกนโลก
นักธรณีฟิสิกส์เชื่อว่า การไหลของเหล็กหลอมเหลวลึกลงไปในแกนโลก คือกุญแจสำคัญที่ก่อให้เกิดทั้งแรงโน้มถ่วงแปรปรวนและความเปลี่ยนแปลงในสนามแม่เหล็ก ปรากฏการณ์ยาวกว่า 7,000 กิโลเมตรครั้งนี้จึงเป็นเหมือน “หน้าต่างหายาก” ที่เปิดโอกาสให้นักวิทยาศาสตร์ได้ส่องดูเครื่องจักรซ่อนเร้นภายในโลกของเรา
รู้หรือไม่?
คำว่า “geomagnetic jerk” ถูกตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1978 ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พบว่ามันเกิดซ้ำทุก ๆ ทศวรรษ และบางครั้งส่งผลกระทบระดับโลก ที่น่าสนใจคือ มันสะท้อนถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างแรงโน้มถ่วงและแม่เหล็กที่เรายังเข้าใจไม่หมด
อ้างอิง :
https://factfun.co/nasa-7000-km-gravity-anomaly-atlantic/
ตอนนี้เว็บ
https://factfun.co มีภาษาไทยแล้วนะ
นาซ่าตรวจพบความผิดปกติแรงโน้มถ่วงยาว 7,000 กิโลเมตร เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก
ข้อมูลจากดาวเทียม GRACE เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแต่ต่อเนื่องของสนามแรงโน้มถ่วงโลก ปรากฏการณ์เช่นนี้มักเกิดจากการกระจายมวลไม่สมดุล เช่น ภูเขา ร่องลึก หรือการไหลของเหล็กหลอมเหลวใต้พื้นโลก
แต่ครั้งนี้พิเศษมาก เพราะมันเกิดขึ้นพร้อมกับ “geomagnetic jerk” — การสั่นสะเทือนของสนามแม่เหล็กโลกแบบกะทันหัน เหตุการณ์ลักษณะนี้ถูกบันทึกครั้งแรกในปี 1978 และโดยปกติเกิดขึ้นราวทุก 10 ปี แต่แทบไม่เคยเกิดควบคู่กับความผิดปกติแรงโน้มถ่วงขนาดใหญ่ขนาดนี้
สนามแม่เหล็กโลกทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์ และเป็นหัวใจหลักของระบบนำทางทั้งดาวเทียมและสมาร์ทโฟน การสั่นสะเทือนกะทันหันอาจรบกวนสัญญาณ GPS เครือข่ายสื่อสาร และดาวเทียมบางส่วน การค้นพบว่ามีความผิดปกติแรงโน้มถ่วงเกิดขึ้นพร้อมกัน บ่งชี้ว่าแกนโลกด้านในอาจเป็นตัวขับเคลื่อนที่ส่งผลทั้งแรงโน้มถ่วงและแม่เหล็กไปพร้อมกัน
เบาะแสจากแกนโลก
นักธรณีฟิสิกส์เชื่อว่า การไหลของเหล็กหลอมเหลวลึกลงไปในแกนโลก คือกุญแจสำคัญที่ก่อให้เกิดทั้งแรงโน้มถ่วงแปรปรวนและความเปลี่ยนแปลงในสนามแม่เหล็ก ปรากฏการณ์ยาวกว่า 7,000 กิโลเมตรครั้งนี้จึงเป็นเหมือน “หน้าต่างหายาก” ที่เปิดโอกาสให้นักวิทยาศาสตร์ได้ส่องดูเครื่องจักรซ่อนเร้นภายในโลกของเรา
รู้หรือไม่?
คำว่า “geomagnetic jerk” ถูกตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1978 ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พบว่ามันเกิดซ้ำทุก ๆ ทศวรรษ และบางครั้งส่งผลกระทบระดับโลก ที่น่าสนใจคือ มันสะท้อนถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างแรงโน้มถ่วงและแม่เหล็กที่เรายังเข้าใจไม่หมด
อ้างอิง : https://factfun.co/nasa-7000-km-gravity-anomaly-atlantic/
ตอนนี้เว็บ https://factfun.co มีภาษาไทยแล้วนะ