.
.
นกที่เพิ่งถูกค้นพบนี้ (ตรงกลาง)
เป็นลูกผสมของนกบลูเจย์ (ซ้าย)
กับ นกกรีนเจย์ (ขวา)
โดยมีลักษณะเด่นของทั้งสองสายพันธุ์
© Brian Stokes (กลาง)
© Travis Maher/Cornell Lab of Ornithology/Macaulay Library (ซ้าย)
และ © Dan O’Brien/Cornell Lab of Ornithology/Macaulay Library (ขวา)
.
.
นักวิจัยกล่าวว่า นกไฮบริดตัวนี้เป็นผลผลิต
จากนกสองสปีชีส์ที่มีถิ่นที่อยู่เริ่มทับซ้อนกัน
เมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นผลมาจาก
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตเห็น
ลูกผสมของนกบลูเจย์ กับ นกกรีนเจย์
ที่ผสมพันธุ์กันในป่า พบระหว่างการศึกษา
ใกล้เมืองซานอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส
นกไฮบริดตัวนี้
เป็นผลผลิตของนกสองสปีชีส์
ที่มีถิ่นที่อยู่เริ่มทับซ้อนกัน
เมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา
ตามรายงานการศึกษาที่ตีพิมพ์
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025
ในวารสาร
Ecology and Evolution
.
.
.
.

.
.
“ เราคิดว่ามันเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังตัวแรก
ที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์
ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นกทั้งสองชนิด
ต่างก็ขยายถิ่นที่อยู่ของพวกมัน
ซึ่งอย่างน้อยส่วนหนึ่งก็มาจากภาวะโลกร้อน ”
Brian Stokes
ผู้ร่วมวิจัยและนักนิเวศวิทยา
University of Texas at Austin (UT Austin)
ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้
.
นกบลูเจย์
Cyanocitta cristata และ
นกกรีนเจย์
Cyanocorax yncas
ต่างก็เป็นนกในตระกูล
Corvids
ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับ
อีกาและนกเรเวน
แม้จะมีชื่อที่คล้ายกัน
อีกา และนกเรเวน ใน
กา กา กา
แต่นกบลูเจย์และนกกรีนเจย์
ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด
พวกมันไม่ได้อยู่ในสกุลเดียวกัน
และสายพันธุ์ของพวกมัน
ได้แยกจากกันเมื่อ
ประมาณ 7 ล้านปีก่อน
.
.
ในอดีต นกกรีนเจย์เคยอาศัยอยู่
ในพื้นที่อบอุ่นและเขตร้อนของเม็กซิโก
อเมริกากลาง และทางตอนใต้ของเท็กซัส
ในขณะที่นกบลูเจย์สามารถพบได้
ทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐอเมริกาตะวันออก
ไปจนถึงทางตะวันตกสุดที่เมืองฮูสตัน
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
อุณหภูมิที่อุ่นขึ้นได้ทำให้นกกรีนเจย์
สามารถขยายถิ่นที่อยู่ไปทางเหนือได้ไกลขึ้น
ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการพัฒนาของึนเราได้ผลักดัน
ให้นกบลูเจย์ไปทางตะวันตกมากขึ้น
ตอนนี้ทั้งสองสปีชีส์จึงอยู่ร่วมกัน
ในส่วนหนึ่งของเท็กซัสใกล้เมืองซานอันโตนิโอ
ในปี 2023
Brian Stokes ซึ่งศึกษา
เรื่องนกกรีนเจย์ที่ UT Austin
พบลูกผสมตัวนี้ผ่านโซเชียลมีเดีย
นักดูนกจากพื้นที่ซานอันโตนิโอ
ได้โพสต์ภาพนกที่มีลักษณะผิดปกติ
จากสวนหลังบ้านของเธอ
และเธอก็ได้เชิญ
Brian Stokes มาที่บ้านของเธอ
เพื่อสังเกตนกอย่างใกล้ชิดเป็นเวลาสองวัน
และสามารถจับนกเจย์ได้ด้วย
ตาข่ายหมอก (mist net)
ซึ่งเป็นตาข่ายบาง ๆ
ที่ขึงอยู่ระหว่างเสาสองต้น
ซึ่งนกมองเห็นแยกแยะออกได้ยาก
“ วันแรกเราพยายามจับมัน
แต่มันไม่ให้ความร่วมมือเลย
แต่วันที่สองเราโชคดี (จับได้) ”
Brian Stokes กล่าว
.
.
.
An Installation Guide To - Mist Net Kit
.
.
นกตัวนี้มีขนสีน้ำเงิน
แต่มีรอยที่ใบหน้า
คล้ายกับนกกรีนเจย์
และสามารถส่งเสียงร้อง
ของนกทั้งสองสปีชีส์ได้
Brian Stokes ได้เก็บตัวอย่างเลือดจากนก
และใส่ห่วงระบุตัวตนไว้ที่ขาของมัน
เพื่อช่วยในการระบุในอนาคต
จากนั้นจึงปล่อยมันกลับคืนสู่ป่า
การวิเคราะห์ทางพันธุกรรม
ของตัวอย่างเลือดแสดงให้เห็นว่า
นกตัวนี้อาจเป็นลูกผสมของ
นกกรีนเจย์ตัวเมีย กับ นกบลูเจย์ตัวผู้
นกไฮบริดตัวนี้เป็นการผสม
ข้ามสายพันธุ์ในป่าครั้งแรก
ที่เป็นที่รู้จักของนกทั้งสองชนิดนี้
แม้ว่าในช่วงทศวรรษที่ 1970
นักวิทยาศาสตร์เคยเพาะพันธุ์
นกกรีนเจย์ กับ นกบลูเจย์
ในกรงเลี้ยงนกมาก่อนแล้ว
รูปลักษณ์ของนกไฮบริดในป่าตัวนี้
คล้ายกับนกในกรงเลี้ยงที่ถูกสตัฟฟ์ไว้
ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของงานสะสม
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
และประวัติศาสตร์ฟอร์ตเวิร์ธ
Fort Worth Museum of Science
and History's collections
แม้ว่าจะเป็นการรายงานการพบ
ลูกผสมของนกทั้งสองชนิดนี้เป็นครั้งแรก
แต่นกตัวนี้มีอายุอย่างน้อยหนึ่งปีแล้ว
เมื่อ Brian Stokes ทำการติดแท็ก Tag มัน
ในช่วงสองปีต่อมา
ไม่มีใครรายงานการพบนกตัวนี้เลย
แต่ในเดือนมิถุนายน 2025
มันก็กลับมาที่สวนหลังบ้านเดิม
ในพื้นที่ซานอันโตนิโอ
หากมีนกไฮบริดตัวอื่นอีก
ก็ค่อนข้างยากที่จะตรวจพบได้
เพราะนอกเมืองซานอันโตนิโอ
มีคนอาศัยอยู่กันน้อยมาก
ในพื้นที่นกทั้งสองสปีชีส์นี้อยู่ทับซ้อนกัน
ดังนั้นโอกาสที่ใครบางคน
จะพบนกไฮบริดจึงมีน้อยมาก
“ การผสมข้ามสายพันธุ์
อาจเป็นเรื่องปกติในโลกธรรมชาติ
มากกว่าที่นักวิจัยรู้ เพราะการมีโอกาส
จะได้พบเห็นและรายงาน
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก ”
Brian Stokes กล่าวสรุป
.
เรียบเรียง/ที่มา
Livescience
.
.
หมายเหตุ
สัตว์ไฮบริด/ลูกผสม ที่คนเรารู้จักกันมาก คือ
ล่อ หรือ ฬ่อ ในภาษาไทย
เป็นชื่อที่ใช้เรียกสัตว์ผสมระหว่างม้ากับลา
แต่ว่าการเรียกชื่อจะแตกต่างกันไป
ตามเพศของพ่อและแม่
ชื่อวิทยาศาสตร์และการผสมพันธุ์
ม้าและลาเป็นสัตว์ที่อยู่ในวงศ์ (family) เดียวกันคือ Equidae แต่คนละสกุล (Genus)
ม้า (Horse)
Equus caballus
ลา (Donkey)
Equus asinus
ทั้งม้าและลาอยู่ในสกุล Equus เหมือนกัน
ทำให้สามารถผสมพันธุ์กันได้ตามธรรมชาติ
ล่อ (Mule)
เกิดจากแม่ม้า
Equus caballus
ผสมกับพ่อลา
Equus asinus
ฬ่อ (Hinny)
เกิดจากแม่ลา
Equus asinus
ผสมกับพ่อม้า
Equus caballus
ความห่างของสกุล
ม้าและลาอยู่ในสกุล Equus
ซึ่งถือว่ามีความใกล้ชิดทางพันธุกรรมมากพอ
ที่จะทำให้สามารถผสมพันธุ์กันได้
ดังนั้นจึงไม่ได้มีสกุลที่ห่างกันมาก
ลูกเป็นหมันทุกตัวหรือไม่
ล่อและฬ่อส่วนใหญ่จะเป็นหมันเกือบทั้งหมด
เพราะจำนวนโครโมโซมที่แตกต่างกัน
ระหว่างม้าและลา
ม้า มีโครโมโซม 64 แท่ง (32 คู่)
ลา มีโครโมโซม 62 แท่ง (31 คู่)
เมื่อผสมกันแล้ว
ลูกล่อหรือฬ่อจะมีโครโมโซม 63 แท่ง
ซึ่งเป็นจำนวนคี่ ทำให้กระบวนการ
แบ่งเซลล์สืบพันธุ์ (meiosis) ผิดปกติ
ไม่สามารถสร้างเซลล์สืบพันธุ์ที่สมบูรณ์ได้
จึงเป็นเหตุผลว่า ลูกผสมเหล่านี้จึงเป็นหมัน
มีรายงานที่หายากมากว่า
มีล่อตัวเมียที่สามารถให้กำเนิดลูกได้
เป็นข้อยกเว้นที่พบได้น้อยมากในธรรมชาติ
จขกท. เคยอ่านเจอว่าที่จีน
ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม
นักศึกษากับชาวบ้าน
เคยพบล่อตัวเมียทึ่ออกลูกได้
แต่การอพยพย้ายถิ่น/การเดินทางไปทำงาน
ทำให้ล่อตัวเมียนั้นหายไปกับฝูงล่อ
ไปในทุ่งหญ้าดินแดนทุรกันดารแถบซินเกียง
.
.
ล่อ (Mule)
ลูกผสมที่เกิดจาก พ่อเป็นลา กับ แม่เป็นม้า
ความทนทาน
ล่อได้รับความแข็งแกร่ง ความอดทน
และความทนต่อโรคจากพ่อที่เป็นลา
ทำให้พวกมันสามารถทำงานหนัก
ในสภาพอากาศที่ร้อน
หรือแห้งแล้งได้ดีกว่าม้า
ความทนถึก
ล่อมีกำลังและขนาดตัวที่ใหญ่กว่าลา
แต่มีความถึกและทนทานกว่าม้า
พวกมันสามารถบรรทุกของหนักได้
ในระยะทางไกลๆ และเดินบนพื้นที่ขรุขระ
หรือภูเขาได้อย่างมั่นคง
ความเชื่อฟัง
ล่อมีความฉลาดและระมัดระวัง
พวกมันจะประเมินสถานการณ์ก่อน
ที่จะทำตามคำสั่ง
ทำให้บางครั้งอาจดูเหมือนดื้อรั้น
แต่จริงๆ แล้วเป็นการใช้สัญชาตญาณ
เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายมากกว่า
.
ฬ่อ (Hinny)
ลูกผสมที่เกิดจาก พ่อเป็นม้า กับ แม่เป็นลา
ความทนทาน
ฬ่อมีขนาดตัวเล็กกว่าล่อเล็กน้อย
มักจะได้รับลักษณะทางกายภาพ
จากแม่ที่เป็นลามากกว่า
ความทนถึก
ฬ่ออาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าล่อ
แต่ก็ยังคงมีความทนทานสูงกว่าม้าทั่วไป
ความเชื่อฟัง
ฬ่อมีนิสัยที่คล้ายกับม้ามากกว่าล่อ
ทำให้พวกมันอาจจะเชื่อฟัง
และไวต่อคำสั่งมากกว่า
แต่คนเดินทาง/พ่อค้าเร่ นิยมล่อมากกว่าฬ่อ
.
นกเจย์ลูกผสมสีฟ้า-เขียว หายากจากสายพันธุ์ที่แยกจากกันนานถึง 7 ล้านปี
.
นกที่เพิ่งถูกค้นพบนี้ (ตรงกลาง)
เป็นลูกผสมของนกบลูเจย์ (ซ้าย)
กับ นกกรีนเจย์ (ขวา)
โดยมีลักษณะเด่นของทั้งสองสายพันธุ์
© Brian Stokes (กลาง)
© Travis Maher/Cornell Lab of Ornithology/Macaulay Library (ซ้าย)
และ © Dan O’Brien/Cornell Lab of Ornithology/Macaulay Library (ขวา)
.
นักวิจัยกล่าวว่า นกไฮบริดตัวนี้เป็นผลผลิต
จากนกสองสปีชีส์ที่มีถิ่นที่อยู่เริ่มทับซ้อนกัน
เมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นผลมาจาก
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ได้สังเกตเห็น
ลูกผสมของนกบลูเจย์ กับ นกกรีนเจย์
ที่ผสมพันธุ์กันในป่า พบระหว่างการศึกษา
ใกล้เมืองซานอันโตนิโอ รัฐเท็กซัส
นกไฮบริดตัวนี้
เป็นผลผลิตของนกสองสปีชีส์
ที่มีถิ่นที่อยู่เริ่มทับซ้อนกัน
เมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา
ตามรายงานการศึกษาที่ตีพิมพ์
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025
ในวารสาร Ecology and Evolution
.
.
.
.
“ เราคิดว่ามันเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังตัวแรก
ที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์
ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นกทั้งสองชนิด
ต่างก็ขยายถิ่นที่อยู่ของพวกมัน
ซึ่งอย่างน้อยส่วนหนึ่งก็มาจากภาวะโลกร้อน ”
Brian Stokes
ผู้ร่วมวิจัยและนักนิเวศวิทยา
University of Texas at Austin (UT Austin)
ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้
.
.
.
.
https://www.pnas.org/doi/10.1073/pnas.091093398
.
.
นกบลูเจย์ Cyanocitta cristata และ
นกกรีนเจย์ Cyanocorax yncas
ต่างก็เป็นนกในตระกูล Corvids
ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับ อีกาและนกเรเวน
แม้จะมีชื่อที่คล้ายกัน
อีกา และนกเรเวน ใน กา กา กา
แต่นกบลูเจย์และนกกรีนเจย์
ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด
พวกมันไม่ได้อยู่ในสกุลเดียวกัน
และสายพันธุ์ของพวกมัน
ได้แยกจากกันเมื่อ ประมาณ 7 ล้านปีก่อน
.
.
.
.
ในอดีต นกกรีนเจย์เคยอาศัยอยู่
ในพื้นที่อบอุ่นและเขตร้อนของเม็กซิโก
อเมริกากลาง และทางตอนใต้ของเท็กซัส
ในขณะที่นกบลูเจย์สามารถพบได้
ทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐอเมริกาตะวันออก
ไปจนถึงทางตะวันตกสุดที่เมืองฮูสตัน
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
อุณหภูมิที่อุ่นขึ้นได้ทำให้นกกรีนเจย์
สามารถขยายถิ่นที่อยู่ไปทางเหนือได้ไกลขึ้น
ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการพัฒนาของึนเราได้ผลักดัน
ให้นกบลูเจย์ไปทางตะวันตกมากขึ้น
ตอนนี้ทั้งสองสปีชีส์จึงอยู่ร่วมกัน
ในส่วนหนึ่งของเท็กซัสใกล้เมืองซานอันโตนิโอ
ในปี 2023
Brian Stokes ซึ่งศึกษา
เรื่องนกกรีนเจย์ที่ UT Austin
พบลูกผสมตัวนี้ผ่านโซเชียลมีเดีย
นักดูนกจากพื้นที่ซานอันโตนิโอ
ได้โพสต์ภาพนกที่มีลักษณะผิดปกติ
จากสวนหลังบ้านของเธอ
และเธอก็ได้เชิญ
Brian Stokes มาที่บ้านของเธอ
เพื่อสังเกตนกอย่างใกล้ชิดเป็นเวลาสองวัน
และสามารถจับนกเจย์ได้ด้วย
ตาข่ายหมอก (mist net)
ซึ่งเป็นตาข่ายบาง ๆ
ที่ขึงอยู่ระหว่างเสาสองต้น
ซึ่งนกมองเห็นแยกแยะออกได้ยาก
“ วันแรกเราพยายามจับมัน
แต่มันไม่ให้ความร่วมมือเลย
แต่วันที่สองเราโชคดี (จับได้) ”
Brian Stokes กล่าว
.
.
An Installation Guide To - Mist Net Kit
.
.
นกตัวนี้มีขนสีน้ำเงิน
แต่มีรอยที่ใบหน้า
คล้ายกับนกกรีนเจย์
และสามารถส่งเสียงร้อง
ของนกทั้งสองสปีชีส์ได้
Brian Stokes ได้เก็บตัวอย่างเลือดจากนก
และใส่ห่วงระบุตัวตนไว้ที่ขาของมัน
เพื่อช่วยในการระบุในอนาคต
จากนั้นจึงปล่อยมันกลับคืนสู่ป่า
การวิเคราะห์ทางพันธุกรรม
ของตัวอย่างเลือดแสดงให้เห็นว่า
นกตัวนี้อาจเป็นลูกผสมของ
นกกรีนเจย์ตัวเมีย กับ นกบลูเจย์ตัวผู้
นกไฮบริดตัวนี้เป็นการผสม
ข้ามสายพันธุ์ในป่าครั้งแรก
ที่เป็นที่รู้จักของนกทั้งสองชนิดนี้
แม้ว่าในช่วงทศวรรษที่ 1970
นักวิทยาศาสตร์เคยเพาะพันธุ์
นกกรีนเจย์ กับ นกบลูเจย์
ในกรงเลี้ยงนกมาก่อนแล้ว
รูปลักษณ์ของนกไฮบริดในป่าตัวนี้
คล้ายกับนกในกรงเลี้ยงที่ถูกสตัฟฟ์ไว้
ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของงานสะสม
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
และประวัติศาสตร์ฟอร์ตเวิร์ธ
Fort Worth Museum of Science
and History's collections
แม้ว่าจะเป็นการรายงานการพบ
ลูกผสมของนกทั้งสองชนิดนี้เป็นครั้งแรก
แต่นกตัวนี้มีอายุอย่างน้อยหนึ่งปีแล้ว
เมื่อ Brian Stokes ทำการติดแท็ก Tag มัน
ในช่วงสองปีต่อมา
ไม่มีใครรายงานการพบนกตัวนี้เลย
แต่ในเดือนมิถุนายน 2025
มันก็กลับมาที่สวนหลังบ้านเดิม
ในพื้นที่ซานอันโตนิโอ
หากมีนกไฮบริดตัวอื่นอีก
ก็ค่อนข้างยากที่จะตรวจพบได้
เพราะนอกเมืองซานอันโตนิโอ
มีคนอาศัยอยู่กันน้อยมาก
ในพื้นที่นกทั้งสองสปีชีส์นี้อยู่ทับซ้อนกัน
ดังนั้นโอกาสที่ใครบางคน
จะพบนกไฮบริดจึงมีน้อยมาก
“ การผสมข้ามสายพันธุ์
อาจเป็นเรื่องปกติในโลกธรรมชาติ
มากกว่าที่นักวิจัยรู้ เพราะการมีโอกาส
จะได้พบเห็นและรายงาน
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก ”
Brian Stokes กล่าวสรุป
.
เรียบเรียง/ที่มา
Livescience
.
.
หมายเหตุ
สัตว์ไฮบริด/ลูกผสม ที่คนเรารู้จักกันมาก คือ
ล่อ หรือ ฬ่อ ในภาษาไทย
เป็นชื่อที่ใช้เรียกสัตว์ผสมระหว่างม้ากับลา
แต่ว่าการเรียกชื่อจะแตกต่างกันไป
ตามเพศของพ่อและแม่
ชื่อวิทยาศาสตร์และการผสมพันธุ์
ม้าและลาเป็นสัตว์ที่อยู่ในวงศ์ (family) เดียวกันคือ Equidae แต่คนละสกุล (Genus)
ม้า (Horse) Equus caballus
ลา (Donkey) Equus asinus
ทั้งม้าและลาอยู่ในสกุล Equus เหมือนกัน
ทำให้สามารถผสมพันธุ์กันได้ตามธรรมชาติ
ล่อ (Mule)
เกิดจากแม่ม้า Equus caballus
ผสมกับพ่อลา Equus asinus
ฬ่อ (Hinny)
เกิดจากแม่ลา Equus asinus
ผสมกับพ่อม้า Equus caballus
ความห่างของสกุล
ม้าและลาอยู่ในสกุล Equus
ซึ่งถือว่ามีความใกล้ชิดทางพันธุกรรมมากพอ
ที่จะทำให้สามารถผสมพันธุ์กันได้
ดังนั้นจึงไม่ได้มีสกุลที่ห่างกันมาก
ลูกเป็นหมันทุกตัวหรือไม่
ล่อและฬ่อส่วนใหญ่จะเป็นหมันเกือบทั้งหมด
เพราะจำนวนโครโมโซมที่แตกต่างกัน
ระหว่างม้าและลา
ม้า มีโครโมโซม 64 แท่ง (32 คู่)
ลา มีโครโมโซม 62 แท่ง (31 คู่)
เมื่อผสมกันแล้ว
ลูกล่อหรือฬ่อจะมีโครโมโซม 63 แท่ง
ซึ่งเป็นจำนวนคี่ ทำให้กระบวนการ
แบ่งเซลล์สืบพันธุ์ (meiosis) ผิดปกติ
ไม่สามารถสร้างเซลล์สืบพันธุ์ที่สมบูรณ์ได้
จึงเป็นเหตุผลว่า ลูกผสมเหล่านี้จึงเป็นหมัน
มีรายงานที่หายากมากว่า
มีล่อตัวเมียที่สามารถให้กำเนิดลูกได้
เป็นข้อยกเว้นที่พบได้น้อยมากในธรรมชาติ
จขกท. เคยอ่านเจอว่าที่จีน
ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม
นักศึกษากับชาวบ้าน
เคยพบล่อตัวเมียทึ่ออกลูกได้
แต่การอพยพย้ายถิ่น/การเดินทางไปทำงาน
ทำให้ล่อตัวเมียนั้นหายไปกับฝูงล่อ
ไปในทุ่งหญ้าดินแดนทุรกันดารแถบซินเกียง
.
.
ล่อ (Mule)
ลูกผสมที่เกิดจาก พ่อเป็นลา กับ แม่เป็นม้า
ความทนทาน
ล่อได้รับความแข็งแกร่ง ความอดทน
และความทนต่อโรคจากพ่อที่เป็นลา
ทำให้พวกมันสามารถทำงานหนัก
ในสภาพอากาศที่ร้อน
หรือแห้งแล้งได้ดีกว่าม้า
ความทนถึก
ล่อมีกำลังและขนาดตัวที่ใหญ่กว่าลา
แต่มีความถึกและทนทานกว่าม้า
พวกมันสามารถบรรทุกของหนักได้
ในระยะทางไกลๆ และเดินบนพื้นที่ขรุขระ
หรือภูเขาได้อย่างมั่นคง
ความเชื่อฟัง
ล่อมีความฉลาดและระมัดระวัง
พวกมันจะประเมินสถานการณ์ก่อน
ที่จะทำตามคำสั่ง
ทำให้บางครั้งอาจดูเหมือนดื้อรั้น
แต่จริงๆ แล้วเป็นการใช้สัญชาตญาณ
เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายมากกว่า
.
ฬ่อ (Hinny)
ลูกผสมที่เกิดจาก พ่อเป็นม้า กับ แม่เป็นลา
ความทนทาน
ฬ่อมีขนาดตัวเล็กกว่าล่อเล็กน้อย
มักจะได้รับลักษณะทางกายภาพ
จากแม่ที่เป็นลามากกว่า
ความทนถึก
ฬ่ออาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าล่อ
แต่ก็ยังคงมีความทนทานสูงกว่าม้าทั่วไป
ความเชื่อฟัง
ฬ่อมีนิสัยที่คล้ายกับม้ามากกว่าล่อ
ทำให้พวกมันอาจจะเชื่อฟัง
และไวต่อคำสั่งมากกว่า
แต่คนเดินทาง/พ่อค้าเร่ นิยมล่อมากกว่าฬ่อ
.
.
เรื่องเดิม
.
เกี่ยวกับนก 38 เรื่อง ตาม Link
.