https://www.wsj.com/politics/national-security/pentagon-pushes-to-double-missile-production-for-potential-china-conflict-ee153ad3
หัวข้อ: เพนตากอนเร่งเพิ่มการผลิตขีปนาวุธเป็นสองเท่า เพื่อรับมือความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับจีน
บทความของ The Wall Street Journal (WSJ) รายงานว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) กำลังผลักดันอย่างเร่งด่วนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตขีปนาวุธและอาวุธสำคัญต่างๆ ขึ้นเป็นสองเท่า โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศจีนในอนาคต ซึ่งสหรัฐฯ มองว่าเป็นภัยคุกคามทางยุทธศาสตร์ในระยะยาว
ประเด็นสำคัญจากบทความมีดังนี้:
* แรงผลักดันจากความขัดแย้งในยูเครนและจีน: สงครามในยูเครนได้แสดงให้เห็นถึงอัตราการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่สูงมากในสงครามสมัยใหม่ ทำให้สหรัฐฯ ตระหนักว่าคลังอาวุธที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอสำหรับความขัดแย้งขนาดใหญ่ ขณะเดียวกัน การเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหารอย่างรวดเร็วของจีน โดยเฉพาะในบริเวณช่องแคบไต้หวัน ทำให้เพนตากอนต้องเร่งเสริมคลังอาวุธเพื่อ "ป้องปราม" จีน
* ขีปนาวุธที่อยู่ในเป้าหมาย: สหรัฐฯ มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มการผลิตอาวุธโจมตีระยะไกลที่มีความสำคัญต่อการสู้รบในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เช่น:
* LRASM (Long-Range Anti-Ship Missile): ขีปนาวุธต่อต้านเรือรบพิสัยไกล
* JASSM (Joint Air-to-Surface Standoff Missile): ขีปนาวุธร่อนโจมตีจากอากาศสู่พื้นพิสัยไกล
* SM-6 (Standard Missile-6): ขีปนาวุธอเนกประสงค์ของกองทัพเรือที่สามารถต่อต้านได้ทั้งอากาศยานและขีปนาวุธอื่น
* ความท้าทายในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ: การเพิ่มกำลังการผลิตอย่างรวดเร็วต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ:
* ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain): การขาดแคลนชิ้นส่วนสำคัญ เช่น มอเตอร์จรวด, ไมโครชิป และวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งห่วงโซ่อุปทานเหล่านี้ฝ่อตัวลงหลังสิ้นสุดสงครามเย็น
* การขาดแคลนแรงงาน: ต้องการแรงงานที่มีทักษะเฉพาะทางเพิ่มขึ้น
* ความล่าช้าของงบประมาณ: กระบวนการจัดสรรงบประมาณจากรัฐสภาอาจไม่สอดคล้องกับความจำเป็นเร่งด่วน
* ต้องใช้เวลา: การขยายสายการผลิตและโรงงานต้องใช้เวลาหลายปีจึงจะเห็นผลอย่างเต็มที่
โดยสรุป บทความชี้ให้เห็นว่าเพนตากอนกำลังเปลี่ยนผ่านยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ โดยพยายามฟื้นฟูและขยายฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตนเอง เพื่อเปลี่ยนจากการรับมือกลุ่มก่อการร้ายมาเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันและเผชิญหน้ากับมหาอำนาจอย่างจีน ซึ่งต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยและปริมาณมหาศาล.
https://pantip.com/topic/43522492
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จากการตรวจสอบข้อมูลขีดความสามารถทางทหารล่าสุดของประเทศสมาชิกอาเซียน (ข้อมูล ณ วันที่ 29 กันยายน 2025) ประเทศที่มีระบบขีปนาวุธหรือจรวดหลายลำกล้องที่มีพิสัยทำการไกลเกิน 200 กิโลเมตรในประจำการ มีดังนี้ครับ
🇻🇳 เวียดนาม (Vietnam)
เวียดนามเป็นประเทศที่มีขีดความสามารถด้านขีปนาวุธทางยุทธวิธี (Ballistic Missile) ที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาค
* Scud-B/C (Hwasong-6): เวียดนามครอบครองขีปนาวุธตระกูล Scud ที่จัดหามาจากโซเวียตและเชื่อว่ามีรุ่น Hwasong-6 จากเกาหลีเหนือด้วย โดยรุ่น Scud-C มีพิสัยยิงไกลประมาณ 500 กิโลเมตร
🇲🇲 พม่า (Myanmar)
พม่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ลงทุนกับขีปนาวุธทางยุทธวิธีอย่างต่อเนื่อง
* Hwasong-6 (Scud-C): จัดหามาจากเกาหลีเหนือ มีพิสัยยิงไกลประมาณ 500 กิโลเมตร
* SY-400: ระบบขีปนาวุธพิสัยใกล้ที่ทันสมัยจากจีน สามารถยิงได้ไกลถึงประมาณ 400 กิโลเมตร และมีความแม่นยำสูง
🇮🇩 อินโดนีเซีย (Indonesia)
อินโดนีเซียได้กลายเป็นผู้เล่นสำคัญล่าสุดในภูมิภาค หลังจากจัดหาระบบขีปนาวุธที่ทันสมัยเข้าประจำการ
* KHAN: ขีปนาวุธทางยุทธวิธีพิสัยใกล้ที่จัดหามาจากประเทศตุรกี (ตุรเคีย) เพิ่งมีการส่งมอบและติดตั้งในช่วงปี 2025 นี้ มีพิสัยยิงไกล 280 กิโลเมตร นับเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่เปิดเผยการมีระบบขีปนาวุธสมัยใหม่เข้าประจำการ
🇲🇾 มาเลเซีย (Malaysia)
มาเลเซียไม่มีขีปนาวุธทางยุทธวิธี แต่มีความสามารถในการโจมตีระยะไกลด้วยขีปนาวุธร่อน (Cruise Missile)
* AV-TM 300: เป็นขีปนาวุธร่อนที่ยิงจากระบบจรวดหลายลำกล้อง ASTROS II (จัดหาจากบราซิล) มีพิสัยยิงไกลถึง 300 กิโลเมตร
🇵🇭 ฟิลิปปินส์ (Philippines)
ฟิลิปปินส์กำลังเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องปรามทางทะเลอย่างมีนัยสำคัญ
* BrahMos: ขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง (Supersonic Cruise Missile) ที่จัดหามาจากอินเดียสำหรับป้องกันชายฝั่ง ในรุ่นส่งออกจะมีพิสัยยิงอยู่ที่ 290 กิโลเมตร
ประเทศอื่นๆ ในอาเซียน
* 🇸🇬 สิงคโปร์: แม้จะมีกองทัพที่ทันสมัยมาก แต่ระบบอาวุธปล่อยที่มีข้อมูลเปิดเผย เช่น จรวดหลายลำกล้อง HIMARS ยังมีพิสัยไม่ถึง 200 กม. (ยกเว้นใช้กระสุนจรวดรุ่นพิเศษในอนาคต) และอาวุธส่วนใหญ่เน้นการป้องกันทางอากาศและทางเรือที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะที่ไม่เกิน 200 กม.
* 🇹🇭 ไทย: ระบบจรวดหลายลำกล้องที่พัฒนาเองอย่าง DTI-1G มีพิสัยทำการอยู่ที่ 150 กิโลเมตร ซึ่งยังไม่ถึงเกณฑ์ 200 กิโลเมตร
* 🇰🇭 กัมพูชา (เขมร): ระบบจรวดหลายลำกล้องที่พิสัยไกลที่สุดคือ PHL-03 จากจีน มีพิสัยยิงไกลสุดประมาณ 130 กิโลเมตร
* 🇱🇦 ลาว และ 🇧🇳 บรูไน: ไม่มีระบบอาวุธปล่อยที่มีพิสัยทำการในระดับนี้
สรุป: ประเทศในอาเซียนที่มีขีปนาวุธ/จรวดพิสัยไกลเกิน 200 กม. ในประจำการ คือ เวียดนาม, พม่า, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, และฟิลิปปินส์
ได้ครับ สรุปย่อที่สุดดังนี้:
ประเทศอาเซียนที่มีอาวุธยิงไกลเกิน 200 กม. ได้แก่:
* เวียดนาม: Scud-C (พิสัย ~500 กม.)
* พม่า: Hwasong-6 (~500 กม.) และ SY-400 (~400 กม.)
* มาเลเซีย: ขีปนาวุธร่อน AV-TM 300 (~300 กม.)
* ฟิลิปปินส์: ขีปนาวุธร่อน BrahMos (~290 กม.)
* อินโดนีเซีย: ขีปนาวุธ KHAN (~280 กม.)
(ส่วนไทย, กัมพูชา, ลาว, สิงคโปร์ และบรูไน ยังไม่มีระบบอาวุธใดที่มีพิสัยทำการถึง 200 กม. จากข้อมูลที่เปิดเผย)
กระทั่งเมกัน มี F22 B2 ยังเน้นลูกยาว
https://www.wsj.com/politics/national-security/pentagon-pushes-to-double-missile-production-for-potential-china-conflict-ee153ad3
หัวข้อ: เพนตากอนเร่งเพิ่มการผลิตขีปนาวุธเป็นสองเท่า เพื่อรับมือความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับจีน
บทความของ The Wall Street Journal (WSJ) รายงานว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) กำลังผลักดันอย่างเร่งด่วนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตขีปนาวุธและอาวุธสำคัญต่างๆ ขึ้นเป็นสองเท่า โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศจีนในอนาคต ซึ่งสหรัฐฯ มองว่าเป็นภัยคุกคามทางยุทธศาสตร์ในระยะยาว
ประเด็นสำคัญจากบทความมีดังนี้:
* แรงผลักดันจากความขัดแย้งในยูเครนและจีน: สงครามในยูเครนได้แสดงให้เห็นถึงอัตราการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่สูงมากในสงครามสมัยใหม่ ทำให้สหรัฐฯ ตระหนักว่าคลังอาวุธที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอสำหรับความขัดแย้งขนาดใหญ่ ขณะเดียวกัน การเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหารอย่างรวดเร็วของจีน โดยเฉพาะในบริเวณช่องแคบไต้หวัน ทำให้เพนตากอนต้องเร่งเสริมคลังอาวุธเพื่อ "ป้องปราม" จีน
* ขีปนาวุธที่อยู่ในเป้าหมาย: สหรัฐฯ มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มการผลิตอาวุธโจมตีระยะไกลที่มีความสำคัญต่อการสู้รบในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เช่น:
* LRASM (Long-Range Anti-Ship Missile): ขีปนาวุธต่อต้านเรือรบพิสัยไกล
* JASSM (Joint Air-to-Surface Standoff Missile): ขีปนาวุธร่อนโจมตีจากอากาศสู่พื้นพิสัยไกล
* SM-6 (Standard Missile-6): ขีปนาวุธอเนกประสงค์ของกองทัพเรือที่สามารถต่อต้านได้ทั้งอากาศยานและขีปนาวุธอื่น
* ความท้าทายในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ: การเพิ่มกำลังการผลิตอย่างรวดเร็วต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ:
* ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain): การขาดแคลนชิ้นส่วนสำคัญ เช่น มอเตอร์จรวด, ไมโครชิป และวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งห่วงโซ่อุปทานเหล่านี้ฝ่อตัวลงหลังสิ้นสุดสงครามเย็น
* การขาดแคลนแรงงาน: ต้องการแรงงานที่มีทักษะเฉพาะทางเพิ่มขึ้น
* ความล่าช้าของงบประมาณ: กระบวนการจัดสรรงบประมาณจากรัฐสภาอาจไม่สอดคล้องกับความจำเป็นเร่งด่วน
* ต้องใช้เวลา: การขยายสายการผลิตและโรงงานต้องใช้เวลาหลายปีจึงจะเห็นผลอย่างเต็มที่
โดยสรุป บทความชี้ให้เห็นว่าเพนตากอนกำลังเปลี่ยนผ่านยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ โดยพยายามฟื้นฟูและขยายฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตนเอง เพื่อเปลี่ยนจากการรับมือกลุ่มก่อการร้ายมาเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันและเผชิญหน้ากับมหาอำนาจอย่างจีน ซึ่งต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยและปริมาณมหาศาล.
https://pantip.com/topic/43522492
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ได้ครับ สรุปย่อที่สุดดังนี้:
ประเทศอาเซียนที่มีอาวุธยิงไกลเกิน 200 กม. ได้แก่:
* เวียดนาม: Scud-C (พิสัย ~500 กม.)
* พม่า: Hwasong-6 (~500 กม.) และ SY-400 (~400 กม.)
* มาเลเซีย: ขีปนาวุธร่อน AV-TM 300 (~300 กม.)
* ฟิลิปปินส์: ขีปนาวุธร่อน BrahMos (~290 กม.)
* อินโดนีเซีย: ขีปนาวุธ KHAN (~280 กม.)
(ส่วนไทย, กัมพูชา, ลาว, สิงคโปร์ และบรูไน ยังไม่มีระบบอาวุธใดที่มีพิสัยทำการถึง 200 กม. จากข้อมูลที่เปิดเผย)