NuNa Silpa-archa กาญจนา ศิลปอาชา
วันนี้เป็นวันที่ต้องมาเยี่ยมเด็กๆที่บึงฉวากประจำเดือน.
แน่นอนต้องแวะหาน้องข้าวต้มก่อนค่ะ…
ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจพูดคุยกับคุณหมอ…ได้ข้อมูลมาเล่าให้เอฟซีน้องข้าวต้มทราบดังนี้…
1. น้องข้าวต้มจะมีพี่เลี้ยง 7 คนตลอดเวลา เพราะน้องพร้อมที่จะยืนเสมอ จึงต้องมีคนคอยช่วยพยุง และน้องตัวใหญ่ขึ้น น้ำหนักเพิ่มขึ้น…
และจะมีสำรองอีก 4 ไว้คอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน…
2. ปัจจุบันน้องกินนมวันละ 5 กระป๋อง..( มาครั้งที่แล้วยังกินวันละ 2 กระป๋องอยู่เลย)
คุณหมอบอกว่าถ้าแม่ๆอยากสนับสนุน ก็ส่งนมมาให้น้องได้นะคะ
นม Enfalac A+ ค่ะ
ที่อยู่เดี๋ยวจะเขียนในเม้นนะคะ…
การได้กินนมเยอะก็จะช่วยรักษาค่าน้ำตาลไม่ให้ตกด้วยค่ะ..
เรื่องค่าน้ำตาล เป็นอะไรที่ต้องคอยตรวจดูตลอดเวลาเพราะยังมีความเสี่ยงอยู่..
3. ความที่น้องตัวโตขึ้น จึงเริ่มมีแผลกดทับที่สะโพกและน้องเริ่มรู้สึกเจ็บ
สิ่งที่คุณหมอทำก็คือให้พลิกตัวน้อง (ซึ่งความที่น้องตัวโตขึ้น น้องก็จะค่อนข้างเจ็บ)และจะเปลี่ยนที่นอนเป็นยางพาราซึ่งได้สั่งไปแล้ว
4. เห็นแผลน้องที่ผิว ตรงเข่า
ข้อขา น่าสงสารมาก เพราะผิวหนังภายนอกหลุดออก..
แผลเหล่านี้เกิดตอนที่แม่และพี่เลี้ยงพยายามลากพาน้องเดินไปช่วงแรก…
5. ค่าตับ ค่าไตน้องยังสูง รวมทั้งค่าที่บ่งชี้ความสลายของกล้ามเนื้อด้วย..
แต่ดีขึ้นกว่าตอนที่มาใหม่ๆ
เช่นค่าที่บ่งชี้ความสายของกล้ามเนื้อ ตอนแรกมาอยู่ที่ 9000 ตอนนี้ 500 แต่มาตรฐานไม่ควรเกิน 200
เพราะก็จะส่งผลต่อค่าไตเช่นกัน…
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำอยู่ตลอด ก็เป็นการช่วยขับของเสีย และช่วยค่าไตให้ดีขึ้น
7. น้องกินน้ำโดยใส่ขวดนม เป็นน้ำต้มสุก
8. หนองที่เล็บ หมอได้เจาะไปแล้วหนึ่งเล็บ และคาดว่าจะมีแนวโน้มเป็นอีกสามเล็บ…เกิดจากช่วงแรกตอนที่อยู่น้องอยู่กับแม่..
9. อุปกรณ์รอกที่จะใช้พยุงน้อง..
หลวงพ่อสาครท่านส่งมาให้แล้วนะคะ
รวมทั้งที่หมอปาล์มสั่งเป็นนั่งร้านมา..
ซึ่งพรุ่งนี้ทางหมอแอ้มและทีมกำแพงแสน จะมาปรับแต่งเพื่อดูว่าจะใช้กับน้องอย่างไร..
( ตอนนี้นั่งร้านของหมอปาล์ม ถูกใช้ในหน้าที่อื่นก่อน..ดูได้ในภาพค่ะ)…
10. ดิฉันพยายามไม่ถูกตัวน้อง.. พยายามไม่ผิดสัญญา…แต่หนูข้าวต้มเอามางวงมาจับแขนป้าเองนะ…
สรุป… ข้าวต้มน้อยน่ารักมาก ขนอ่อนๆเต็มตัว…
อุปนิสัยร่าเริง ขี้อ้อน อยากคุยทักทายกับคนทั่วไปหมด…
จบรายงานข่าวภาคแรก…
ขอไปเดินเยี่ยมสัตว์อื่นๆ
ของบึงฉวากก่อน..
เพื่อโปรดทราบ
- วันที่ 28 ก.ย. 2568 เวลา 06.00 - 18.00 น.ทีมสัตวแพทย์ขอรายงานติดตามอาการลูกช้างป่าพลัดหลง (ข้าวต้ม) รายละเอียด ดังนี้
1. ลูกช้างป่าข้าวต้ม กินนมได้ กินน้ำได้ ขับถ่ายได้ อุจจาระมีลักษณะเนื้อครีมเหลวเล็กน้อย
(สีเขียวขี้ม้าอ่อน) ปัสสาวะสีใส บริเวณสะดือยังพบหนอง และเล็บมีหนอง ต้องทำความสะอาดแผลทุกวัน
2. ลูกช้างป่ามีกำลังในการถีบตัวเองเพื่อให้ตัวเองยืนขึ้นบ่อยครั้งขึ้น โดยมีสัตวแพทย์และคณะเจ้าหน้าที่ช่วยพยุงตัว จับเท้ายืดเหยียด ขณะเดิน
3. ผลการตรวจเลือด พบว่า ค่าไต ค่าตับ ลดลง
ค่าการสลายของกล้ามเนื้อลดลง
4. สัตวแพทย์ทำการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ อย่างต่อเนื่อง
5. สัตวแพทย์ตรวจวัดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดเวลา 14.00 น. ระดับน้ำตาล
ในกระแสเลือดปกติ
6. สัตวแพทย์ทำการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดโดยใช้เครื่องอัลตราซาวด์ ทำหัตถการยืดเหยียดข้อต่อ และใช้แสงเลเซอร์รักษา
7. จากการตรวจอาการพบว่า ขาหน้า เริ่มคลายตัวเล็กน้อย จากการที่ได้ทำกายภาพบำบัดรักษา และมีการจิกเท้าก้าวเดินได้มากขึ้น
- ทั้งนี้สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ยังคงต้องดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด เพราะลูกสัตว์ที่อ่อนแอสามารถมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆที่ส่งผลต่อสุขภาพได้
สพ.ญ.ณฐนน ปานเพ็ชร
นายสัตวแพทย์ชำนาญการ
หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก
และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก
น.สพ. นภัส เสวกวรรณ
นายสัตวแพทย์
กลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า
รายงาน
NuNa Silpa-archa : update เด็กหญิงข้าวต้ม ช ช้างน่ารักที่ถูกแม่จำเป็นต้องปล่อยให้คนดูแล