กระทู้ยาวค่ะ ถ้าไม่ชอบอ่านอะไรยาว ๆ
หนีไปค่ะ ... ได้โปรด
ดิฉันดูซีรีย์เรื่องดัง Sex and the City ครั้งแรก ฤดูกาลแรก เมื่อตอน 26 ปีก่อนค่ะ
เฮ้อ... พูดมาถึงตอนนี้ ลังเลเลยว่า ควร tag สังคมผู้สูงอายุไหม ?
นึก ๆ แล้วก็ใจหาย ใช่ค่ะ มันนานขนาดนั้นแล้วจริง ๆ จำได้ว่า
อนนั้น จบโทแล้ว โสด ได้งานครั้งแรก เพิ่งอกหัก เพื่อนเริ่มแยกย้ายกันไปเรียน ทำงาน บางคนก็ไปเมืองนอก ดิฉันต้องย้ายจากห้องใหญ่ในอพาร์ทเมนต์ริมถนนเพชรบุรีตัดใหม่ที่เช่ารวมกับเพื่อนผู้หญิงมาเป็นห้องขนาดเล็กลง เพื่อให้อยู่ในงบที่จ่ายได้ เพราะคราวนี้ต้องอยู่คนเดียวแล้ว
ความหรูหราเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอพาร์ทเมนต์นั้นคือ ดู UBC ได้ สมัยนี้เค้าเรียกว่า True Visions แล้วเนอะ
หนึ่งในซีรีย์ที่บังเอิญหมุนไปเจอในทีวีสีเครี่องเก่า ๆ น่าจะสัก 14 หรือ 16 นิ้วไม่แน่ใจ คือ เรื่องนี้แหละค่ะ Sex and the City ของHBO โดยมีนางเอกของเราคือ แครีย์ แบรดชอว์ แสดงโดยซาร่าห์ เจสสิก้า พาร์คเกอร์ เป็นตัวเดินเรื่อง
สมัยนั้น เรื่องนี้ ถือว่าเป็นซีรีย์เปรี้ยวเก๋นะคะ แต่ถ้ามาพูดเรื่องนี้กับน้อง ๆ สมัยนี้ น้อง ๆ คงไม่รู้จัก หรือถ้ารู้จักก็คงยิ้มแบบเอ็นดู แบบเดียวกับที่เวลาเราจะยิ้มเวลาได้ยินคนรุ่นคุณย่าคุณยายพูดถึงหนังเรื่อง “สี่ดรุณี” หรือ Little Women นั่นแหละค่ะ
ถ้าจะมีอะไรที่คล้ายกันบ้างระหว่าง Little Women กับ สี่ดรุณี ก็เห็นจะเป็น ทั้งสองเรื่องเป็น การดำเนินเรื่องผ่านตัวละครหลักผู้หญิง 4 คนที่มีบุคลิกลักษณะนิสัยต่างกัน เพียงแต่นี่เป็นเรื่องของเพื่อน ส่วนสี่ดรุณีเป็นเรื่องของพี่น้อง มันเลยอาจมีความละมุนละไม อบอุ่น ตลก ผูกพันกันคนละแบบ
Sex and the City พูดถึงชีวิตรัก ความสัมพันธ์ของคนเมืองใหญ่ และใช่ค่ะฉากหลักเป็นนิวยอร์ค แต่พอเป็นภาพยนต์ ก็เป็น LA บ้างหรือ เมืองใหญ่ ๆ อย่างดูไบบ้าง
เรื่องนี้เป็นซีรีย์ที่ประสบความสำเร็จมาก มากจนมีหนังออกมา 2 ภาค ซึ่งก็เป็นที่พูดถึงพอสมควร
แต่ที่น่าทึ่งก็คือ แม้ว่าตัวละครหลักบางคนจะถอนตัวออกไป แต่ซีรีย์ก็ยังคงสร้างต่อ และได้รับการตอบรับอย่างค่อนข้างดี อาจไม่ดังเปรี้ยงเหมือนเดิม แต่ก็ดีมากพอที่ภาคต่อจะมีอีกถึงสองสามซีซั่น
ทำไมถึงมาเขียนถึงเรื่องนี้ ?
ทำไมถึงชอบเรื่องนี้ ? หรือทำไมเรื่องนี้ถึงยังขายได้ ?
ต้องบอกว่า แม้ตัวเองจะไม่ได้มีบุคลิก วิถีชีวิต หรืออะไรที่คล้ายกับหนึ่งในสี่ตัวละคนหลักของเรื่องเลย แต่กลับพบว่า ซีรีย์เรื่องนี้ “สื่อสาร” อะไรบางอย่าง หรือมีอะไรบางอย่างที่สั่นพ้องกับคนรอบตัว สังคมหรือคนที่ดิฉันรู้จักอยู่พอสมควร และวิวัฒนาการของหนัง ก็สะท้อนให้เห็นถึงอะไรหลายอย่างที่เราจะรู้สึก “อ๋อ จ้ะ..” ด้วยได้ เลยรู้สึกอยากจะเขียนถึง
จะไม่เล่าย้อนเรื่องทั้งหมดนะคะ เพราะสารภาพว่าบางซีซั่นดิฉันก็ไม่ได้ดู แล้วถ้าจะให้ย้อนกลับไปดูอีก ความรู้สึกมันก็ไม่สดเหมือนเดิมแล้ว
เลยจะขอพูดเรื่องภาคปัจจุบันในซีรีย์ที่ชื่อว่า And Just Like That
ซีรีย์ภาคต่อนี้ ไม่ได้โก้เก๋ หรือฉายให้เห็นภาพที่สดใส เปรี้ยวจี๊ด แบบที่เราเห็นเหมือนในซีรีย์ชุด Sex and the City แล้ว แต่เป็นวิวัฒนาการของสาววัยยี่สิบกว่า ๆ ตอนที่ซีรีย์ดั้งเดิมเริ่มออกฉาย และมาบัดนี้ เธอทั้งหลายก็กลายเป็นน้า เป็นป้าในวัย 50 กว่า ที่เจอความผิดหวัง สมหวัง เบื่อหน่าย พลัดพราก เปลี่ยนเส้นทาง ในความรักและความสัมพันธ์
บางฉาก บางตอน บางบทพูด คือ ฟังแล้วทาบอก ... คิ้วยก ตกกะใจ ... “เฮ้ย... มันดูเหลือเชื่อ แต่ทำไมมันดูคุ้น ๆ deja vu จัง เหมือนเคยได้ยิน ได้เห็นมาก่อน”
สรุปประเด็นที่เจอและอยากพูดถึงได้ดังนี้
1.ความรัก ความหลงที่หนุ่มน้อยมีให้หญิงสูงวัยกว่ามาก มันมีอ่ะ และไม่ได้มาเพื่อเงินด้วยนะ
ความอายุมากกว่า ความเป็นผู้ใหญ่เป็นจุดแข็งของผู้หญิงได้ ?
2.ทุกสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง ไม่เที่ยง เปลี่ยนแปร ไม่คงอยู่ตลอดไป ตัวคุณเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว สิบปีที่แล้ว และปัจจุบัน อาจไม่ใช่คน ๆ เดียวกันแล้วก็ได้ เช่นเดียวกับ ความรัก ความหลง ความคลั่งไคล้ คุณค่าของชีวิตครอบครัวที่ยึดถือ ความไหลลื่นในเพศสภาพ สิ่งที่คุณชอบและรักเกี่ยวกับคนรักของคุณล้วนแปรสภาพได้ และเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น จะรับมือกับมันอย่างไรดี
3.ความรักในสิ่งที่ทำ และความรักในตัวบุคคล อย่างไหนสำคัญกว่า แล้วถ้ามันไปด้วยกันไม่ได้ล่ะ ? ผิดไหมที่จะเลือกอะไรสักอย่าง ?
4.ความเป็นส่วนตัว ความลับส่วนบุคคล ความรัก การนอกใจ -- นอกใจแล้วจะเป็นอย่างไร จะไปต่ออย่างไร อะไรคือขอบเขต และเพราะอะไรมันถึงเกิดขึ้น ?
ซาแมนธา สาวแสบซ่าที่สุดในกลุ่ม ต้องสะบั้นความสัมพันธ์และจากกลุ่มเพื่อนไป เธอไม่ได้อยู่ใน And Just Like That แล้ว
ดิฉันจำได้ว่า เคยอมยิ้มขำซาแมนธาที่มีเสน่ห์และกินเด็กที่อ่อนวัยมากกว่าได้อย่างเหลือเชื่อ
สำหรับตัวดิฉันเองการมีแฟนเด็ก ปิ๊งเด็ก (อย่าว่าแต่เด็กกว่าสอง สาม สี่ ห้า ปี แค่อายุเท่ากัน อิชั้นก็ปวดหมองแล้ว) เป็นเรื่องที่ฟังแล้วเหมือนเทพนิยาย ตลก ไม่มีทางเป็นจริง หรือถ้าจะเป็นจริง มันคงเป็นภัยพิบัติแห่งชีวิตแน่ ๆ (พิสูจน์มาแล้วสำหรับตัวเองว่า ปัง...พิ...นาศ)
แต่ในชีวิตจริง เพื่อนสนิทดิฉันมีเด็กละอ่อน มาชอบ มาจีบ ไม่ใช่จีบเพื่อหวังเกาะด้วย เพราะเด็กรวยกว่ามาก บ้านหลังใหญ่โตริมน้ำขับรถตราดาว คุมกิจการเอง (อ้อ กิจการที่ถูกต้องตามกฏหมายและใช้ความรู้เฉพาะด้านด้วยนะคะ ไม่ใช่เจ้าพ่อ เจ้ามือหวยรวยเงินเถื่อน มือปืนประกบอะไรเทือก ๆ นั้น) และสะสมนาฬิกาหรู
เพื่อนเคยถามอายุ แต่น้องไม่ยอมบอก เพื่อนเคยส่งรูปน้องและคุณแม่น้องให้ดิฉันดู
ดิฉันเผลอออกความเห็นไปว่า “เฮ้ย...แม่เค้ายังดูดีมาก ดูไม่แก่เลย”
เพื่อนบอกว่า “ชั้นเสียวว่า แม่เค้าจะอายุมากกว่าพวกเราไม่กี่ปี”
นี่คือแบบ มือเกร็งเกาะโต๊ะแน่น ไม่รู้จะฮา หรือจะล้มตึงดี

แต่มาคิดดู ... เออ ... มันก็ไม่ควรจะแปลกไหม ?
ผู้ชายที่ชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่ามาก ก็อาจเป็นเพราะความฉลาด ความทันคน ความเป็นที่ปรึกษาได้ ความรอบรู้ ความไม่ต้องพึ่งพิง ความไม่ค่อยแคร์ ความไม่ค่อยสนไม่ตาม ความเป็นที่ปรึกษาได้ ความไม่เต้นไปตามข้อเรียกร้องบ้าบอของผู้ชาย วัยนี้ตกผลึกชัดเจนกับตัวเองแล้วว่า ไม่คือไม่ และที่สำคัญในวัยนี้ ถ้าดูแลตัวเองดี ๆ เสื้อผ้า หน้าผม เป๊ะกว่าสมัยรุ่น ๆ ซะอีก
และอย่างที่บอกค่ะว่า ซาแมนธา ไม่ปรากฎในซีรีย์ภาคต่อนี้แล้ว
ยังคงเหลือ แครี่ย์ นางเอกของเรา ชาร์ล็อต เพื่อนสาวรักศิลปะ ผู้ใฝ่ฝันอยากมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ และมิแรนด้า ทนายสาวที่ดูจะแมนกว่าสามีของเธอ ในวัยห้าสิบกว่า เธอมองหาความท้าทายในชีวิตและลาออกจากบริษัทกฎหมาย เพื่อมาเรียนเพิ่มเติมด้านสิทธิมนุษยชน
ตัวละครที่มีบทบาทมากขึ้นกว่าที่ผ่าน ๆ มาอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ มิแรนด้า เข้าใจว่า ซีรีย์น่าจะต้องการเกาะกระแส woke เลยพยายาม “ฝัง” ธีมนี้ลงไปในฉากและตัวละครต่าง ๆ อย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เช่น ให้ลูกสาวคนเล็กของชาร์ล็อต ซึ่งอายุ 12 ค้นพบว่า ตัวเองไม่ชอบอัตลักษณ์หญิงของตัวเอง และเปลี่ยนชื่อจาก Rose เป็น Rock หรือ ให้ลูกสาวคนโตซึ่งอุปการะมาตั้งแต่ยังเด็ก เพลามือจากเปียโนคลาสสิคมาหลงใหลการแต่งเพลงบนคีย์บอร์ด และเนื้อเพลงที่แต่งก็บรรยายถึงสิทธิพิเศษที่ตัวเองในฐานะชนชั้นกลางระดับสูงได้รับ
ที่โจ่งแจ้งยิ่งกว่านั้น และอาจจะสะท้อนให้เห็นปัญหา “จริง ๆ “ ที่พบได้บ่อยในหลายชีวิตคู่ ก็คือ มิแรนด้า ผู้ซึ่งเบื่อหน่ายกับชีวิตการทำงานของตัวเอง และชีวิตแต่งงาน แถมยังแอบไปมีความสัมพันธ์กับ “เช” ซึ่งเป็นทอม และที่สำคัญมีในครัวบ้านเพื่อนขณะที่ตัวเองกำลังเฝ้าไข้แครีย์ซึ่งเพิ่งฟื้นจากผ่าตัด
หนักไปกว่านั้น คือ เช เข้าใจว่า มิแรนด้า มีความสัมพันธ์แบบเปิดกับสตีฟสามี ซึ่งแปลว่า มีพันธะแต่งงานอย่างเป็นทางการ แต่ในทางปฏิบัติสามารถไปมีความสัมพันธ์กับใครก็ได้ ในขณะที่เมื่อมิแรนด้าทำโทรศัพท์หาย เรียกอูเบอร์ไม่ได้ เช ส่งคนไปรับ ซึ่งก็คือ สามีทางนิตินัยที่เลิกกันไปทางพฤตินัยแล้ว
แม่เจ้า ... งงกันดีแท้
ที่เหมือนจริงมาก ก็เพราะเมื่อเพื่อนอย่างแครีย์ยกเรื่องนี้มาคุยกับมิแรนด้า มิแรนด้า ซึ่งสับสนระหว่างความผิดถูก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจ ตะโกนตอบออกมาว่า “It’s just fingers.”
บอกตามตรงว่า ฟังมาถึงตอนนี้ รู้สึกผิดหวัง
ถ้านั่นไม่นับว่าเป็นเพศสัมพันธ์สำหรับมิแรนด้า แปลได้อย่างเดียวว่า มิแรนด้ากำลังด้อยค่าความสัมพันธ์แบบหญิง-หญิงว่า ไม่อาจนับได้ว่าเสมอกับความสัมพันธ์ระหว่างเพศตรงข้าม มันถึง just fingers
ในฐานะ straight ที่มีเพื่อน LGBTQ ที่ดีมาตลอดชีวิต ฟัง dialogue นี้แล้วขึ้นมาก
หรือตอนที่มิแรนด้า พยายามแก้เกี้ยวด้วยการบอกกับเพื่อนว่า “ปกติก็ไม่ได้ชอบเพศเดียวกันหรอก ถ้าไม่ใช่เช”
เฮ้ยยยย หล่อนพูดอะไรออกมา จะชอบอะไรก็ชอบไป ไม่ผิดหรอก แต่ไม่ต้องมาแก้เกี้ยว
แต่ยังดีที่บทในตอนต่อ ๆ มา คลี่คลายออกอย่างตรงไปตรงมา มิแรนด้า come out ตรง ๆ บอกกับสามีและลูกอย่างตรงไปตรงมา และกล้าจ่ายในสิ่งที่ตัวเองเลือก
พลวัตการเล่าเรื่องตรงนี้น่าสนใจค่ะ
ในซีรีย์ภาคต่อนี้ บิ๊ก สามีของแครีย์ตาย ซึ่งนับว่าเพิ่มความลุ่มลึกและเงาโศกให้กับความกิ๊วก๊าว และความวนเวียนอยู่กับเรื่องกิน เที่ยว รองเท้า เซ็กส์ แลความสัมพันธ์ของสาว ๆ
เรื่องน่าสนใจคือ พินัยกรรมบิ๊ก นักการเงินใหญ่ แบ่งเงินให้กับนาตาชาอดีตภรรยาถึง 1 ล้านเหรียญ ทำให้แครีย์ช็อค
ไม่ได้ช็อคเพราะงกไม่อยากแบ่งเงินให้
แต่ช็อคเพราะ นาตาชาอดีตภรรยา ที่เลิกกันไปนานแล้ว ยังคงอยู่ในใจบิ๊กอีกหรือนี่ ?
และการ "ชดเชยด้วยเงิน" เป็นวิธีคลาสสิคของผู้ชายเย็นชา แข็งทื่อ ที่จะใช้แทนคำว่า "ขอโทษ"
จริง ๆ อยากเขียนต่อ แต่ไม่แน่ใจว่า เพื่อน ๆ ในพันทิป ยังดูซีรีส์เรื่องนี้ต่อพอที่จะอยากแชร์ความเห็นกันหรือไม่ ?
And Just Like That ! Sex and the City ความสัมพันธ์ ความรัก sex สังคมที่เปลี่ยนไป และความลื่นไหลของเพศสภาพ
หนีไปค่ะ ... ได้โปรด
ดิฉันดูซีรีย์เรื่องดัง Sex and the City ครั้งแรก ฤดูกาลแรก เมื่อตอน 26 ปีก่อนค่ะ
เฮ้อ... พูดมาถึงตอนนี้ ลังเลเลยว่า ควร tag สังคมผู้สูงอายุไหม ?
นึก ๆ แล้วก็ใจหาย ใช่ค่ะ มันนานขนาดนั้นแล้วจริง ๆ จำได้ว่า
อนนั้น จบโทแล้ว โสด ได้งานครั้งแรก เพิ่งอกหัก เพื่อนเริ่มแยกย้ายกันไปเรียน ทำงาน บางคนก็ไปเมืองนอก ดิฉันต้องย้ายจากห้องใหญ่ในอพาร์ทเมนต์ริมถนนเพชรบุรีตัดใหม่ที่เช่ารวมกับเพื่อนผู้หญิงมาเป็นห้องขนาดเล็กลง เพื่อให้อยู่ในงบที่จ่ายได้ เพราะคราวนี้ต้องอยู่คนเดียวแล้ว
ความหรูหราเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอพาร์ทเมนต์นั้นคือ ดู UBC ได้ สมัยนี้เค้าเรียกว่า True Visions แล้วเนอะ
หนึ่งในซีรีย์ที่บังเอิญหมุนไปเจอในทีวีสีเครี่องเก่า ๆ น่าจะสัก 14 หรือ 16 นิ้วไม่แน่ใจ คือ เรื่องนี้แหละค่ะ Sex and the City ของHBO โดยมีนางเอกของเราคือ แครีย์ แบรดชอว์ แสดงโดยซาร่าห์ เจสสิก้า พาร์คเกอร์ เป็นตัวเดินเรื่อง
สมัยนั้น เรื่องนี้ ถือว่าเป็นซีรีย์เปรี้ยวเก๋นะคะ แต่ถ้ามาพูดเรื่องนี้กับน้อง ๆ สมัยนี้ น้อง ๆ คงไม่รู้จัก หรือถ้ารู้จักก็คงยิ้มแบบเอ็นดู แบบเดียวกับที่เวลาเราจะยิ้มเวลาได้ยินคนรุ่นคุณย่าคุณยายพูดถึงหนังเรื่อง “สี่ดรุณี” หรือ Little Women นั่นแหละค่ะ
ถ้าจะมีอะไรที่คล้ายกันบ้างระหว่าง Little Women กับ สี่ดรุณี ก็เห็นจะเป็น ทั้งสองเรื่องเป็น การดำเนินเรื่องผ่านตัวละครหลักผู้หญิง 4 คนที่มีบุคลิกลักษณะนิสัยต่างกัน เพียงแต่นี่เป็นเรื่องของเพื่อน ส่วนสี่ดรุณีเป็นเรื่องของพี่น้อง มันเลยอาจมีความละมุนละไม อบอุ่น ตลก ผูกพันกันคนละแบบ
Sex and the City พูดถึงชีวิตรัก ความสัมพันธ์ของคนเมืองใหญ่ และใช่ค่ะฉากหลักเป็นนิวยอร์ค แต่พอเป็นภาพยนต์ ก็เป็น LA บ้างหรือ เมืองใหญ่ ๆ อย่างดูไบบ้าง
เรื่องนี้เป็นซีรีย์ที่ประสบความสำเร็จมาก มากจนมีหนังออกมา 2 ภาค ซึ่งก็เป็นที่พูดถึงพอสมควร
แต่ที่น่าทึ่งก็คือ แม้ว่าตัวละครหลักบางคนจะถอนตัวออกไป แต่ซีรีย์ก็ยังคงสร้างต่อ และได้รับการตอบรับอย่างค่อนข้างดี อาจไม่ดังเปรี้ยงเหมือนเดิม แต่ก็ดีมากพอที่ภาคต่อจะมีอีกถึงสองสามซีซั่น
ทำไมถึงมาเขียนถึงเรื่องนี้ ?
ทำไมถึงชอบเรื่องนี้ ? หรือทำไมเรื่องนี้ถึงยังขายได้ ?
ต้องบอกว่า แม้ตัวเองจะไม่ได้มีบุคลิก วิถีชีวิต หรืออะไรที่คล้ายกับหนึ่งในสี่ตัวละคนหลักของเรื่องเลย แต่กลับพบว่า ซีรีย์เรื่องนี้ “สื่อสาร” อะไรบางอย่าง หรือมีอะไรบางอย่างที่สั่นพ้องกับคนรอบตัว สังคมหรือคนที่ดิฉันรู้จักอยู่พอสมควร และวิวัฒนาการของหนัง ก็สะท้อนให้เห็นถึงอะไรหลายอย่างที่เราจะรู้สึก “อ๋อ จ้ะ..” ด้วยได้ เลยรู้สึกอยากจะเขียนถึง
จะไม่เล่าย้อนเรื่องทั้งหมดนะคะ เพราะสารภาพว่าบางซีซั่นดิฉันก็ไม่ได้ดู แล้วถ้าจะให้ย้อนกลับไปดูอีก ความรู้สึกมันก็ไม่สดเหมือนเดิมแล้ว
เลยจะขอพูดเรื่องภาคปัจจุบันในซีรีย์ที่ชื่อว่า And Just Like That
ซีรีย์ภาคต่อนี้ ไม่ได้โก้เก๋ หรือฉายให้เห็นภาพที่สดใส เปรี้ยวจี๊ด แบบที่เราเห็นเหมือนในซีรีย์ชุด Sex and the City แล้ว แต่เป็นวิวัฒนาการของสาววัยยี่สิบกว่า ๆ ตอนที่ซีรีย์ดั้งเดิมเริ่มออกฉาย และมาบัดนี้ เธอทั้งหลายก็กลายเป็นน้า เป็นป้าในวัย 50 กว่า ที่เจอความผิดหวัง สมหวัง เบื่อหน่าย พลัดพราก เปลี่ยนเส้นทาง ในความรักและความสัมพันธ์
บางฉาก บางตอน บางบทพูด คือ ฟังแล้วทาบอก ... คิ้วยก ตกกะใจ ... “เฮ้ย... มันดูเหลือเชื่อ แต่ทำไมมันดูคุ้น ๆ deja vu จัง เหมือนเคยได้ยิน ได้เห็นมาก่อน”
สรุปประเด็นที่เจอและอยากพูดถึงได้ดังนี้
1.ความรัก ความหลงที่หนุ่มน้อยมีให้หญิงสูงวัยกว่ามาก มันมีอ่ะ และไม่ได้มาเพื่อเงินด้วยนะ
ความอายุมากกว่า ความเป็นผู้ใหญ่เป็นจุดแข็งของผู้หญิงได้ ?
2.ทุกสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง ไม่เที่ยง เปลี่ยนแปร ไม่คงอยู่ตลอดไป ตัวคุณเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว สิบปีที่แล้ว และปัจจุบัน อาจไม่ใช่คน ๆ เดียวกันแล้วก็ได้ เช่นเดียวกับ ความรัก ความหลง ความคลั่งไคล้ คุณค่าของชีวิตครอบครัวที่ยึดถือ ความไหลลื่นในเพศสภาพ สิ่งที่คุณชอบและรักเกี่ยวกับคนรักของคุณล้วนแปรสภาพได้ และเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น จะรับมือกับมันอย่างไรดี
3.ความรักในสิ่งที่ทำ และความรักในตัวบุคคล อย่างไหนสำคัญกว่า แล้วถ้ามันไปด้วยกันไม่ได้ล่ะ ? ผิดไหมที่จะเลือกอะไรสักอย่าง ?
4.ความเป็นส่วนตัว ความลับส่วนบุคคล ความรัก การนอกใจ -- นอกใจแล้วจะเป็นอย่างไร จะไปต่ออย่างไร อะไรคือขอบเขต และเพราะอะไรมันถึงเกิดขึ้น ?
ซาแมนธา สาวแสบซ่าที่สุดในกลุ่ม ต้องสะบั้นความสัมพันธ์และจากกลุ่มเพื่อนไป เธอไม่ได้อยู่ใน And Just Like That แล้ว
ดิฉันจำได้ว่า เคยอมยิ้มขำซาแมนธาที่มีเสน่ห์และกินเด็กที่อ่อนวัยมากกว่าได้อย่างเหลือเชื่อ
สำหรับตัวดิฉันเองการมีแฟนเด็ก ปิ๊งเด็ก (อย่าว่าแต่เด็กกว่าสอง สาม สี่ ห้า ปี แค่อายุเท่ากัน อิชั้นก็ปวดหมองแล้ว) เป็นเรื่องที่ฟังแล้วเหมือนเทพนิยาย ตลก ไม่มีทางเป็นจริง หรือถ้าจะเป็นจริง มันคงเป็นภัยพิบัติแห่งชีวิตแน่ ๆ (พิสูจน์มาแล้วสำหรับตัวเองว่า ปัง...พิ...นาศ)
แต่ในชีวิตจริง เพื่อนสนิทดิฉันมีเด็กละอ่อน มาชอบ มาจีบ ไม่ใช่จีบเพื่อหวังเกาะด้วย เพราะเด็กรวยกว่ามาก บ้านหลังใหญ่โตริมน้ำขับรถตราดาว คุมกิจการเอง (อ้อ กิจการที่ถูกต้องตามกฏหมายและใช้ความรู้เฉพาะด้านด้วยนะคะ ไม่ใช่เจ้าพ่อ เจ้ามือหวยรวยเงินเถื่อน มือปืนประกบอะไรเทือก ๆ นั้น) และสะสมนาฬิกาหรู
เพื่อนเคยถามอายุ แต่น้องไม่ยอมบอก เพื่อนเคยส่งรูปน้องและคุณแม่น้องให้ดิฉันดู
ดิฉันเผลอออกความเห็นไปว่า “เฮ้ย...แม่เค้ายังดูดีมาก ดูไม่แก่เลย”
เพื่อนบอกว่า “ชั้นเสียวว่า แม่เค้าจะอายุมากกว่าพวกเราไม่กี่ปี”
นี่คือแบบ มือเกร็งเกาะโต๊ะแน่น ไม่รู้จะฮา หรือจะล้มตึงดี
แต่มาคิดดู ... เออ ... มันก็ไม่ควรจะแปลกไหม ?
ผู้ชายที่ชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่ามาก ก็อาจเป็นเพราะความฉลาด ความทันคน ความเป็นที่ปรึกษาได้ ความรอบรู้ ความไม่ต้องพึ่งพิง ความไม่ค่อยแคร์ ความไม่ค่อยสนไม่ตาม ความเป็นที่ปรึกษาได้ ความไม่เต้นไปตามข้อเรียกร้องบ้าบอของผู้ชาย วัยนี้ตกผลึกชัดเจนกับตัวเองแล้วว่า ไม่คือไม่ และที่สำคัญในวัยนี้ ถ้าดูแลตัวเองดี ๆ เสื้อผ้า หน้าผม เป๊ะกว่าสมัยรุ่น ๆ ซะอีก
และอย่างที่บอกค่ะว่า ซาแมนธา ไม่ปรากฎในซีรีย์ภาคต่อนี้แล้ว
ยังคงเหลือ แครี่ย์ นางเอกของเรา ชาร์ล็อต เพื่อนสาวรักศิลปะ ผู้ใฝ่ฝันอยากมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ และมิแรนด้า ทนายสาวที่ดูจะแมนกว่าสามีของเธอ ในวัยห้าสิบกว่า เธอมองหาความท้าทายในชีวิตและลาออกจากบริษัทกฎหมาย เพื่อมาเรียนเพิ่มเติมด้านสิทธิมนุษยชน
ตัวละครที่มีบทบาทมากขึ้นกว่าที่ผ่าน ๆ มาอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ มิแรนด้า เข้าใจว่า ซีรีย์น่าจะต้องการเกาะกระแส woke เลยพยายาม “ฝัง” ธีมนี้ลงไปในฉากและตัวละครต่าง ๆ อย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เช่น ให้ลูกสาวคนเล็กของชาร์ล็อต ซึ่งอายุ 12 ค้นพบว่า ตัวเองไม่ชอบอัตลักษณ์หญิงของตัวเอง และเปลี่ยนชื่อจาก Rose เป็น Rock หรือ ให้ลูกสาวคนโตซึ่งอุปการะมาตั้งแต่ยังเด็ก เพลามือจากเปียโนคลาสสิคมาหลงใหลการแต่งเพลงบนคีย์บอร์ด และเนื้อเพลงที่แต่งก็บรรยายถึงสิทธิพิเศษที่ตัวเองในฐานะชนชั้นกลางระดับสูงได้รับ
ที่โจ่งแจ้งยิ่งกว่านั้น และอาจจะสะท้อนให้เห็นปัญหา “จริง ๆ “ ที่พบได้บ่อยในหลายชีวิตคู่ ก็คือ มิแรนด้า ผู้ซึ่งเบื่อหน่ายกับชีวิตการทำงานของตัวเอง และชีวิตแต่งงาน แถมยังแอบไปมีความสัมพันธ์กับ “เช” ซึ่งเป็นทอม และที่สำคัญมีในครัวบ้านเพื่อนขณะที่ตัวเองกำลังเฝ้าไข้แครีย์ซึ่งเพิ่งฟื้นจากผ่าตัด
หนักไปกว่านั้น คือ เช เข้าใจว่า มิแรนด้า มีความสัมพันธ์แบบเปิดกับสตีฟสามี ซึ่งแปลว่า มีพันธะแต่งงานอย่างเป็นทางการ แต่ในทางปฏิบัติสามารถไปมีความสัมพันธ์กับใครก็ได้ ในขณะที่เมื่อมิแรนด้าทำโทรศัพท์หาย เรียกอูเบอร์ไม่ได้ เช ส่งคนไปรับ ซึ่งก็คือ สามีทางนิตินัยที่เลิกกันไปทางพฤตินัยแล้ว
แม่เจ้า ... งงกันดีแท้
ที่เหมือนจริงมาก ก็เพราะเมื่อเพื่อนอย่างแครีย์ยกเรื่องนี้มาคุยกับมิแรนด้า มิแรนด้า ซึ่งสับสนระหว่างความผิดถูก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจ ตะโกนตอบออกมาว่า “It’s just fingers.”
บอกตามตรงว่า ฟังมาถึงตอนนี้ รู้สึกผิดหวัง
ถ้านั่นไม่นับว่าเป็นเพศสัมพันธ์สำหรับมิแรนด้า แปลได้อย่างเดียวว่า มิแรนด้ากำลังด้อยค่าความสัมพันธ์แบบหญิง-หญิงว่า ไม่อาจนับได้ว่าเสมอกับความสัมพันธ์ระหว่างเพศตรงข้าม มันถึง just fingers
ในฐานะ straight ที่มีเพื่อน LGBTQ ที่ดีมาตลอดชีวิต ฟัง dialogue นี้แล้วขึ้นมาก
หรือตอนที่มิแรนด้า พยายามแก้เกี้ยวด้วยการบอกกับเพื่อนว่า “ปกติก็ไม่ได้ชอบเพศเดียวกันหรอก ถ้าไม่ใช่เช”
เฮ้ยยยย หล่อนพูดอะไรออกมา จะชอบอะไรก็ชอบไป ไม่ผิดหรอก แต่ไม่ต้องมาแก้เกี้ยว
แต่ยังดีที่บทในตอนต่อ ๆ มา คลี่คลายออกอย่างตรงไปตรงมา มิแรนด้า come out ตรง ๆ บอกกับสามีและลูกอย่างตรงไปตรงมา และกล้าจ่ายในสิ่งที่ตัวเองเลือก
พลวัตการเล่าเรื่องตรงนี้น่าสนใจค่ะ
ในซีรีย์ภาคต่อนี้ บิ๊ก สามีของแครีย์ตาย ซึ่งนับว่าเพิ่มความลุ่มลึกและเงาโศกให้กับความกิ๊วก๊าว และความวนเวียนอยู่กับเรื่องกิน เที่ยว รองเท้า เซ็กส์ แลความสัมพันธ์ของสาว ๆ
เรื่องน่าสนใจคือ พินัยกรรมบิ๊ก นักการเงินใหญ่ แบ่งเงินให้กับนาตาชาอดีตภรรยาถึง 1 ล้านเหรียญ ทำให้แครีย์ช็อค
ไม่ได้ช็อคเพราะงกไม่อยากแบ่งเงินให้
แต่ช็อคเพราะ นาตาชาอดีตภรรยา ที่เลิกกันไปนานแล้ว ยังคงอยู่ในใจบิ๊กอีกหรือนี่ ?
และการ "ชดเชยด้วยเงิน" เป็นวิธีคลาสสิคของผู้ชายเย็นชา แข็งทื่อ ที่จะใช้แทนคำว่า "ขอโทษ"
จริง ๆ อยากเขียนต่อ แต่ไม่แน่ใจว่า เพื่อน ๆ ในพันทิป ยังดูซีรีส์เรื่องนี้ต่อพอที่จะอยากแชร์ความเห็นกันหรือไม่ ?