สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องราวที่ผมพบเจอมาตอนไปทำงานตอนปิดเทอมใหญ่ครับ ขออนุญาตแทนตัวเองว่าพีนะครับ ผมเป็นเด็กม.ปลายต่างจังหวัดปิดเทอมอยากหาเงินและหาประสบการณ์ชีวิตเลยมาทำงานครับ บริษัทได้จัดหาห้องให้ผมไปพักตลอดเวลาที่ทำงานโดยที่ผมจ่ายแค่ค่าน้ำและค่าไฟ ผมไปกับเพื่อนอีก10คน ไปถึงตอนเช้าๆอยู่หน้าหอครั้งแรกที่ไปยืนอยู่แถวนั้นผมรู้สึกแปลกๆกับที่นี้แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ประมาณ9โมงเช้าผมก็ได้เข้าห้องไปเก็บของพักผ่อน ผมอยู่กับเพื่อนผมอีก2คนและมีพี่อีก2คนที่มาอยู่ก่อนแล้ว ห้องผมอยู่แถวๆบันไดของตึกลักษณะห้องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเปิดประตูเข้าไปมองไปจะมีระเบียงอยู่และจะเห็นหออีกหออยู่ฝั่งตรงข้ามห่างจากระเบียงห้องผมราวๆ3-4เมตร ห้องมีตู้เสื้อผ้า2ตู้ลักษณะตู้ดูเก่าๆเป็นตู้ไม้มีคราบดำเปื้อนๆติดอยู่เหมือนจะล้างไม่ออก ฐานตู้ก็มีคล้ายๆกันแล้วก็ดูเหมือนตู้จะบวมๆบางจุดเพราะความชื้นเหมือนตู้นี้จะสัมผัสกับของเหลวมานานจนบวม ตู้เป็นตู้2บานประตู บานประตูทางขวาเปิดมาจะมีกระจกสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ผมก็ไปยืนส่องกระจก กระจกก็ดูสะอาดเรียบร้อยดีไม่มีอะไรให้สนใจ ในห้องก็จะมีโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ถัดจากตู้เสื้อผ้าและติดกับเตียง ด้วยความที่มีพี่มาอยู่ก่อนแล้วพวกผมก็เกรงใจเลยปูที่นอนนอนพื้นหันหัวไปทางตู้เสื้อผ้า แต่ด้วยความที่ตกเครื่องแป้งหลายคนต้องใช้แล้วผมนอนจะนอนขวางผมก็เลยย้ายมาอยู่ฝั่งที่ทุกคนใช้งานสะดวก คือถ้าผมนอนก็คืออยู่ทางเท้าผม แล้วผมก็ย้ายตู้เสื้อผ้าตู้นึงมาแทนที่ ก็กลายเป็นว่าตัวเสื้อผ้าตู้นี้ก็มาอยู่บนหัวผม ทีนี้ผมจัดเรียงของอะไรเรียบร้อยด้วยความที่นั่งรถนานเหนื่อยผมก็นอนยาวเลย จากนั้นผมตื่นมาช่วงเย็นๆเพราะผมหิวผมเลยจะเดินลงไปข้างล่างไปซื้อของแต่เพื่อนหลับอยู่เลยไม่ปลุกเพราะน่าจะเหนื่อยเหมือนกันผมก็เลยมาคนเดียว ห้องผมอยู่ชั้น7ผมเลยต้องใช้ลิฟท์จะได้ไม่เหนื่อยมาก ลักษณะลิฟท์คือตะอยู่ระหว่างแต่ละชั้นเป็นแบบชั้นครึ่งครับ ถ้าผมอยู่ชั้น7 ลิฟท์จะอยู่ระหว่างทางเดินชั้น7กับชั้น6ก็เป็นแบบนี้ทุกๆชั้น ตอนผมเดินมาจะมารอลิฟท์ผมสังเกตว่าที่นี้มัห้องลงท้ายด้วยเลข13 ซึ่งห้องเลข13ทุกชั้นจะมียันต์ติดอยู่แต่ชั้นผมไม่มี ห้องเลข13จะอยู่ตรงบันไดพอดีถ้าเดินขึ้นมาห้องแรกที่จะเห็นคือห้องลงท้ายด้วยเลข13 ออกจากลิฟท์มาก็จะเจอห้องลงท้ายด้วยเลข13 ผมก็ไม่คิดอะไรเดินไปจะขึ้นลิฟท์ระหว่างรอลิฟท์ผมรู้สึกเย็นๆวูบๆขนลุกแปลกๆเหมือนมีคนมองเราอยู่ พอลิฟท์เปิดผมก็เดินเข้าไปแล้วจะหันมากดลิฟท์จังหวะนั้นสายตาผมเห็นผู้หญิงคนนึงลักษณะเป็นคนที่ดูสมส่วนอายุราวๆ20ต้นๆผมยาวถึงหัวไหล่ ผมเห็นแวบนึงผมตกใจผมรีบกดปิดลิฟท์แต่ลิฟท์ไม่ปิดมันเหมือนมีคนกดลิฟท์จะเข้ามาเหมือนกัน ผมก็เริ่มกลัวๆแล้วแต่ทำใจสู้ๆ ผ่านไปสัก10วิลิฟท์ก็ปิดเองผมก็สบายใจลิฟท์ปิดได้แล้ว ผมก็รีบกดชั้น1เพราะผมหิวมากแล้ว ลิฟท์ก็ลงไปเรื่อยๆจนถึงชั้น4ลิฟท์หยุดผมก็คิดว่ามีคนจะลงไปด้วยหรือป่าว พอลิฟท์เปิดมาไม่มีคนเลยเงียบๆมองไปเห็นแต่ห้อง13ติดยันต์ผมเลยรีบกดปิกแต่ลิฟท์ไม่ปิด มันเปิดข้างแบบนั้นสักพักแล้วถึงปิด ผมก็ไปซื้อข้าวกินข้าวเดินเล่นแล้วก็กลับขึ้นห้อง ผมเจอลิฟท์มีอาการแบบนี้3วันติดแต่ตอนนั้นผมคิดว่าอาจจะเพราะผมไปคนเดียว ครั้งต่อมาผมก็เลยไปกับเพื่อนเผื่อเจอก็เจอด้วยกันเหมือนกันปรากฏว่าทุกอย่างปกติตั้งแต่ชั้น7ลงมาชั้น1ทุกคนเดินออกจากลิฟท์และผมคือคนสุดท้ายที่จะเดินออกแต่อยู่ๆลิฟท์ก็ปิดใส่หน้าผมเลย เพื่อนก็ตกใจผมก็ตกใจผมก็รีบกดให้ลิฟท์เปิดแต่มันไม่เปิดกดยังไงก็ไม่เปิด ผมกดดักรอชั้น2ให้มันหยุดแล้วผมค่อยเดินลงมาแต่มันไม่หยุด มันพาผมไปที่ชั้น4เปิดค้างไว้ขึ้นไปชั้น7เปิดค้างไว้แล้วสุดท้ายก็พาลงมาชั้น1 เพื่อนก็รอผมอยู่แล้วเพื่อนบอกทำไมไม่กดให้ลิฟท์มันเปิด ผมตอบมันไปว่ากดแล้วแต่มันไม่เปิดแล้วมันพาขึ้นไปชั้น4ชั้น7แล้วก็ลงมา ผ่านไปประมาณ2อาทิตย์วันนั้นผมกลับมาจากทำงานผมทำกะดึกนะครับ เข้างาน1ทุ่มเลิกตี4 จะพักช่วง5ทุ่มครึ่ง เพื่อนในห้องผมก็กะเดียวกันยกเว้นพี่สองคนที่เขาทำอีกกะจะเลิกกลับมา9โมงเช้าวันนั้นผมเลิกงานกลับมาเข้าห้องประมาณ6โมงเช้า เพื่อนๆก็นั่งเล่นเกมกันพอถึง9โมงเพื่อนก็หลับแต่ผมไม่หลับ ปกติผมจะห่อข้าวไปกินที่โรงงานทุกวันผมจะตื่นมาหุงข้าวตอน4โมงเย็นเผื่อที่จะไปรอรถก่อน6โมงเย็น วันนั้นผมมีความรู้สึกเหนื่อยเลยอยากจะหุงข้าวไว้เลย ผมก็ไปยืนล้างหม้อข้าวอยู่ริมระเบียงใส่หูฟังฟังเพลงของSaran สักพักนึงผมได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้สะอื้นเหมือนเด็กร้องไห้แล้วหายใจไม่ทันอ่ะครับ แล้วเขาก็พูดว่า พี่ช่วยหนูด้วย พี่ช่วยหนูด้วย เป็นน้ำเสียงที่เย็นๆและดูหวาดกลัวมากครับ แต่ตอนนั้นผมคิดว่าเป็นเด็กน้อยหอตรงข้ามนะครับเพราะผมจำได้ว่าเด็กน้อยหอตรงข้ามเนี่ยชอบร้องไห้บ่อยๆแต่ทีนี้ผมมองไปเด็กน้อยก็นั่งดูทีวีปกติแต่เสียงร้องไห้ของผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ ผมเลยคิดในใจด้วยความที่เหนื่อยจากทำงานและช่วงมาแรกๆเด็กก็ชอบร้องไห้จนผมนอนไม่ค่อยหลับ ผมก็เลยคิดในใจว่า


ใครมาแหกปากโวยวายอะไรเสียงดังวะคนจะพักผ่อน ผมคิดในใจแบบนี้แต่ผมก็สงสัยและมองหาต้นตอของเสียงแต่ผมก็ไม่เจอ แต่เสียงมันเหมือนอยู่ใกล้ผมมากๆมันชัดอยู่ในหูของผมเลยครับ แต่ผมก็ไม่สนใจเพราะว่าดังชัดขนาดนี้คนอื่นก็ต้องได้ยินแล้วถ้ามีเหตุฉุกเฉินจริงๆรถตำรวจรถโรงพยาบาลต้องมา ลงไปข้างล่างต้องได้ยินไทยมุงคุยกันแน่นอน แต่ถ้าแกล้งกันยังไงนิติก็ต้องลงมาตรวจและมีการตักเตือนและแจ้งในกลุ่มเพราะว่ารบกวนคนอื่นๆ สักพักเสียงนั้นก็หายไปพี่หอตรงข้ามเห็นผมมองหาอะไรบางอย่างอยู่ริมระเบียงเขาเลยถามว่าทำของตกหรอ คือถ้าของตกอ่ะครับมันจะไปอยู่ในรั้วของหอพี่เขาผมข้ามไปไม่ได้แต่ถ้าของตกพี่เขาจะลงไปเก็บให้ครับ แต่ผมบอกพี่เขาว่าไม่นะครับไม่ได้มีอะไรตก ผมแค่ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้บอกให้ช่วยครับเลยมองหาว่าต้นตอเสียงอยู่ตรงไหน พี่เขาก็บอกว่าใช่หรอพี่ไม่ได้ยินอะไรเลยนะหูฝาดป่าว ผมก็บอกว่าเสียงมันชัดมากนะพี่พี่ไม่ได้ยินจริงๆหรอ เขาก็บอกว่าไม่ได้ยินเลยหูฝาดแล้วเองอ่ะ ผมก็เออออตามเขาไป ผมสงสัยเลยลงมาข้างล่างเผื่อได้ยินไทยมุงหรือว่าลงมาถึงชั้นไหนแล้วเห็นข่าวหรือเห็นคน ปรากฏว่าไม่มีอะไรเลยถึงคนเงียบปกติไม่รู้ไม่ได่ยินอะไรทั้งนั้น ผ่านมาไม่นานผมก็เริ่มไม่สบายผมเลยลาอยู่ห้องคนเดียว ด้วยความที่ผมทำงานกะดึกกลางคืนผมก็ไม่นอนแต่คนอื่นในหอเขานอน หอมันก็เงียบสงบไม่มีอะไรผมก็ปิดไฟอยู่ในห้องคนเดียวแต่ผมรู้สึกผมไม่ได้อยู่คนเดียว เหมือนมีใครสักคนอยู่ในห้องกับผมแล้วมองผมอยู่ ผมเริ่มกลัวๆเลยนั่งฟังเพลงดูบอลให้ตัวเองไม่กลัว มันเป็นแบบนี้ตลอดทุกครั้งที่ผมลาอยู่ห้องคนเดียว ผมก็เอาไปเล่าให้คนที่ทำงานฟังคนที่ทำงานเขาก็บอกว่าเออเนี่ยมีคนก็เจอนะแต่แบบมานั่งทับบ้างมานอนกอดบ้าง ผมได้ยินแบบนั้นผมขนลุกเลย ผ่านมา1สัปดาห์ก่อนผมจะกลับผมเลิกงานก็มานอนพักอยู่ในห้องนอนเล่นไปเรื่อยคิดไปเรื่อยเพื่อนผมก็นอนหลับกันหมดแล้ว ผมนอนๆมองเพดานอยู่คือผมนอนมันจะไม่มีที่เหลือบนหัวผมเลยบนหัวก็เป็นตู้เสื้อผ้าที่บอกไปตอนต้นแล้วครับ ผมนอนอยู่สักพักมองเดพานไปมาๆ ผมเห็นใบหน้าผู้หญิงเขาชะโงกหน้ามามองผมคือผมมองเพดาน หน้าเขาก็ก้มมามองผมแล้วจ้องผมเหมือนกันผมตกใจรีบลุกขึ้นเลย ตอนนั้นไม่ได้หลับนะครับนอนเล่นเฉยๆ ทีเนี่ยผมรู้สึกไม่โอเคหละผมก็มองดูว่าผมห้อยอะไรไว้แล้วมันปลิวผ่านหน้าแล้วทำให้เห็นผมหลอนไหม คือใบหน้าผู้หญิงคนนั้นน่ะครับเป็นลักษณะของผู้หญิงที่สมส่วนหุ่นดีผมยาว คล้ายกับผู้หญิงที่ผมเจอช่วงแรกที่ผมมาที่นี้แล้วเจอบริเวณทางเดินในหอแต่ตอนนี้ผมเห็นโผล่หน้ามาในห้องผมเลย แล้วผมก็คิดใครมันแกล้งว่ะแต่ผมลืมนึกไปว่าผมนอนน่ะมันชิดตู้แล้วนะไม่มีใครมาอยู่บนหัวเราได้ ถ้าคนจะแกล้งต้องไปอยู่ในตู้แล้วเปิดประตูตู้ออกมา แต่ตอนนั้นผมไม่เห็นว่าประตูตู้มันจะเปิดเลยแต่มันมีหน้าผู้หญิงโผล่มา ผมกลัวแต่ผมก็ต้องทำใจนอนไป วันถัดมาเลิกงานกลับมาผมมานอนเหมือนเดิมที่เดินนอนมองเพดานเหมือนเดิม แต่รอบนี้เพื่อนผมก็ยังไม่นอนมันนั่งเล่นเกมกันอยู่วันนี้เพื่อนๆในแผนกก็มาเล่นด้วยเพราะใกล้จะถึงวันกลับแล้ว ผมนอนฟังเพลงอยู่มองเพดานคิดไปเรื่อยเหมือนเดิมแบบเมื่อวาน แต่ครั้งนี้ผมเห็นว่าตู้เสื้อผ้าประตูมันเปิดอยู่ ประตูบานฝั่งขวาซึ่งข้างในมีกระจกสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งผมเล่าไปตอนต้นว่าผมส่องกระจกนี้ตั้งแต่วันแรกที่มาและกระจกสะอาดเรียบร้อยไม่มีอะไรสะดุดตาผม และผมสูง180กว่าๆผมก็เห็นหมดถึงด้านบนกระจกได้ง่ายๆ แต่วันนี้ผมนอนอยู่ผมมองไปขึ้นไปบนเพดานและหันมามองกระจกเพราะผมสงสัยว่าใครเปิด แต่ผมมองไปผมเห็นว่ามีรูปใบนึงเป็นรูปเก่ามากๆแล้วเก่าจนแบบสีขาวเป็นสีเหลืองหม่นๆเลยครับ เป็นรูปประมาณ1.5นิ้วรูปหน้าตรงที่เราถ่ายสมัครงานสมัครเรียนกัน ตอนนั้นผมยังเห็นไม่ชัดว่ารูปใครยังไงแล้วผมลองมองดูมันคือรูปผู้หญิงครับ ผมเห็นแบบนั้นผมลุกขึ้นพูดลั่นห้องเลยครับเพื่อนก็ตกใจ ผมพูดว่า

ใครเอารูปนี้มาวะ ทำไมกูอยู่มาตั้งนานจนจะกลับแล้วทำไมถึงพึ่งมาเห็น ไปยืนมองกระจกตั้งหลายรอบก็ไม่เคยเห็น ผมก็ถามเพื่อนพวกเคยเห็นไหมมีใครเอาเข้ามาไหม คือตอนนั้นผมคิดนะครับว่าอันนี้เนี่ยคือสาเหตุที่ทำให้ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นโผล่มาในห้อง เพราะในรูปคือผู้หญิงใบหน้าสมส่วนผมยาวถึงไหล่ แบบเดียวกับที่ผมเห็นมาตลอดและแบบเดียวกับที่โผล่หน้ามาเมื่อวานเลยครับ แต่รูปมันเห็นหน้าไม่ชัดนะครับเหมือนใครเอาน้ำมาลูบให้หน้าลอกออกแล้วดูไม่ออกว่าหน้าของใคร แต่ผมใบหน้าก็ยังมองออกอยู่ คือกฏของหอคือห้ามติดอะไรลงในเฟอร์นิเจอร์ในห้องหรือว่าผนังห้อง แล้วผมก็คิดว่าทำไมรูปเล็กๆแค่เนี่ยเขาไม่เอาออก เขามองไม่เห็นหรือว่าเขามีเหตุผลที่ไม่เอาออก ทีเนี่นผมถามเพื่อนผมเพื่อนก็บอกไม่เคยเห็นไม่ได้เอาเข้ามา ผมเลยรอถามรุ่นพี่ที่มาอยู่ก่อนแกเลิกงานมาถึงห้อง10โมงเช้า ผมก็ถามว่าพี่เคยเห็นรูปนี้ไหมหรือว่าใครเอามา พี่เขาบอกว่าไม่เคยเห็นไม่ได้เอามาติดด้วย ผมก็คิดว่าใครแกล้งเอามาติดหรือป่าว แต่ดูจากลักษณะแล้วฝุ่นติดขอบรูปกาวเนี่ยดำเลยขอบๆแบบฝุ่นเข้าไปคือรูปติดไว้นานแล้วแน่นอน ผมเห็นแบบนี้ก็รู้แล้วว่าเรื่องไม่ดีแน่นอนแต่ผมก็ต้องทำใจข่มตาหลับเพราะต้องตื่นไปทำงาน ทั้งชีวิตผมเกิดมาไม่เคยนอนละเมอเลย วันนั้นหลังจากเห็นรูปนี้ผมฝัน ฝันว่าวิ่งเล่นอยู่สักที่แล้วสักพักผมได้ยินเสียงผู้หญิงคนนึงฟังดูคล้ายกับคนที่เคยร้องให้ช่วยตอนที่ผมยืนล้างหม้อข้าวอยู่แต่ครั้งนี้น้ำเสียงเขาไม่ได้หน้ากลัว ผมได้ยินไม่แน่ใจว่าในฝันหรือพูดข้างหูจริงๆแต่เสียงชัดมากพูดว่า ตื่นตื่นสายแล้วตื่นไปทำงานได้แล้วเดี๋ยวไม่ทันรถนะ ผมได้ยินแบบนั้นตัวผมก็เด้งลุกขึ้นมานั่งเลยแล้วผมก็ดูนาฬิกา ผมเห็นว่าตอนนั้นมัน17นาฬิกาหรือว่า5โมงเย็น แล้วตัวผมเองเนี่ยต้องไปรอรถ6โมงเย็น เห็นแบบนั้นผมก็ปลุกเพื่อนผมให้มันลุกเพราะจะไม่ทันรถแล้วผมก็พับที่นอนให้เรียบร้อย สะพายกระเป๋ายืนอยู่หน้ากระจก คือตัวผมมันทำทุกอย่างเองโดยที่ผมยังไม่ได้มีสติขนาดนั้น คือผมสะพายกระเป๋ายืนอยู่หน้ากระจกน้ำไม่อาบจะออกไปเลย ทั้งที่ปกติผมชอบอาบน้ำและต้องอาบก่อนให้ตัวเองสดชื่น เพื่อนผมตื่นมาเห็นผมยืนหน้ากระจก มันก็ถาม พีจะไปไหน ผมตอบมันไป ไปรอรถไงไปทำงานมัน5โมงเย็นแล้วดูนาฬิกาดิ แล้วมันก็บอกผมมันเที่ยงจะรีบไปไหน ผมก็เถียงกลับมันคือเหมือนผมจะออกไปให้ได้ มันพูดยังไงผมก็ไม่เชื่อมันเลยบอกว่าไม่เชื่อก็ถามพี่เขาดูดิ คือพี่เขายังไม่นอนนั่งเล่นกันอยู่ ผมก็ถามพี่แกก็บอกเออก็เที่ยงนะแล้วเองจะรีบไปไหนอ่ะ พอผาได้ยินแบบนั้ยสติผมกลัยมาเลย ผมควบคุมตัวเองได้คือผมงงว่ามายืนตรงนี้ได้ไงแล้วยืนสะพายกระเป๋าตอนแรกนอนอยู่ไม่ใช่หรอ แล้วตัวผมก็หนักๆแล้วผมก็รู้สึกว่าจะร่วงอ่ะครับเลยรีบปูที่นอนเตรียมนอน แล้วก็ร่วงหัวถึงหมอนหลับลึกไปเลย พอไปที่ทำงานเพื่อนคนนึงมันทักไอคนนี้บ้านมันเป็นหมอธรรม มันทักว่าผมดูเหนื่อยๆนะดูไม่สบายไปโดนอะไรมาหรือป่าว ผมก็เล่าๆให้มันฟังมันก็ถามเออไปทำไรให้เขาโกรธหรือป่าว เนี่ยถ้าเป็นแบบนี้นานๆไปจะไม่สบายหนักกว่าเดิมนะ เรื่องนี้ผมก็ยังไม่เล่าให้ที่บ้านฟังนะครับแต่วันเดียวกันกับเพื่อนทักเนี่ย พอพักตอน5ทุ่มครึ่ง ผมดูไลน์แม่ผมทักมาบอกว่าให้ผมไปนอนที่วัดกับหลวงลุง1คืนก่อนกลับบ้าน แล้วผมก็คิดเออแม่มีใครทักหรือรู้อะไร
ประสบการณ์หลอนหอพักย่านรังสิตตอนไปทำงานปิดเทอมใหญ่