หมอหมู วีระศักดิ์ - นิติเวชบอกได้ อย่าประมาทคำว่า “อาหารจากคนใกล้ตัว” เพราะบางครั้ง มันอาจเป็นมื้อสุดท้ายในชีวิต...

หมอหมู วีระศักดิ์ 

ครอบครัวไทยในบ้านชนบทแห่งหนึ่ง ดูเผิน ๆ ทุกอย่างเหมือนปกติ ลูกสะใภ้เป็นคนทำกับข้าวทุกมื้อ ดูแลแม่สามีที่ป่วยและอายุมากแล้ว …แต่ใครจะคิดว่า หม้อแกงที่ต้มด้วยน้ำมือคนใกล้ชิด จะกลายเป็นหม้อพิษที่คร่าชีวิต

วันเกิดเหตุ…หลังอาหารเย็นไม่นาน แม่สามีเริ่มบ่นคลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง ปวดท้องอย่างหนัก ก่อนล้มลงหมดสติ ญาตินำส่งโรงพยาบาลแต่ไม่ทัน เธอเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ท่ามกลางความงงงันและเสียงร้องไห้ของคนในบ้าน

ผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุ
1. ตำรวจและทีมแพทย์นิติเวชลงพื้นที่ พบหม้อแกงที่เหลืออยู่ กลิ่นเหมือนอาหารทั่วไป แต่สีของน้ำแกงขุ่นผิดปกติ
2. มีช้อนและถ้วยอาหารที่ผู้ตายใช้วางอยู่ครบถ้วน
3. น่าสงสัยคือ ลูกสะใภ้กินแค่เล็กน้อย แล้วบอกว่า “อิ่มแล้ว” ขณะที่แม่สามีเป็นคนตักซ้ำ

ผลการผ่าชันสูตรศพ
1. กระเพาะอาหารมีเศษอาหารลักษณะเดียวกับน้ำแกง
2. เยื่อบุทางเดินอาหารอักเสบอย่างรุนแรง
3. มีเลือดออกเล็กน้อยตามอวัยวะภายใน ตับและไตเริ่มเสียหาย
4. ลักษณะทางพยาธิวิทยาเข้ากันได้กับพิษโลหะหนัก

ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
1. ตรวจพบ สารหนู (Arsenic) ในกระเพาะอาหาร เลือด และตับ ในระดับสูงผิดปกติ
2. น้ำแกงในหม้อที่เหลืออยู่ตรวจพบสารหนูเช่นกัน

ยืนยันชัดเจนว่าเป็นการถูกวางยาด้วยสารหนู

เรื่องสะเทือนใจที่ตามมา
เมื่อสอบสวนเชิงลึก พบแรงจูงใจที่เจ็บปวด – ความขัดแย้งสะสมระหว่างแม่ผัว-ลูกสะใภ้ ที่บ้านไหน ๆ ก็มี แต่ครั้งนี้ไม่ได้จบแค่การบ่นหรือทะเลาะกัน กลับจบด้วยความตายที่โหดร้าย

ข้อคิดจากศพ
1. คนที่ไว้ใจที่สุด อาจเป็นคนที่ลงมือกับเรา
2. สารพิษบางชนิด โดยเฉพาะ สารหนู ไม่มีรสชัด กินแล้วเหมือนอาหารปกติ → ทำให้การวางยาในอาหารเกิดขึ้นง่ายและยากต่อการสงสัย
3. นิติเวชช่วยเปิดโปงความจริงที่ “ซ่อนอยู่ในหม้อแกง” ออกมาได้ ด้วยการตรวจศพและตรวจพิษในห้องแล็บ

อย่าประมาทคำว่า “อาหารจากคนใกล้ตัว” เพราะบางครั้ง มันอาจเป็นมื้อสุดท้ายในชีวิต…

https://www.facebook.com/groups/moo.werasak.charaschaisri/permalink/3992772504315283
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่