เคยไหมคะ การที่คุณชอบ คุณรักหรือผูกพันกับใครมาก ๆ ไม่ใช่เพราะคน ๆ นั้นช่วยอะไรคุณ แต่เป็นเพราะคุณได้ช่วยคน ๆ นั้นต่างหาก มันเลยทำให้คุณรักหรือผูกพันกับคน ๆ นั้น
ดิฉันไม่แน่ใจว่า สิ่งนี้เรียกว่าอะไร เป็นจิตวิทยากลับด้านรึเปล่า ?
เรามักจะคิดว่า เรารักใคร ผูกพันกับใคร เพราะเค้าช่วยเรา
อืม... ก็มีส่วนถูก
แต่เราจะรักเค้ามากกว่า ผูกพันกับเค้ามากกว่า เพราะเราได้ช่วย หรือทำอะไรให้กับคน ๆ นั้น
ลองอ่านที่มาของทฤษฎีนี้ยาว ๆ จากลิงค์พวกนี้ดูนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เล่าเรื่องยาวให้สั้นคือ
เบนจามิน แฟรงคลิน รัฐบุรุษชาวอเมริกัน เคยโดนเหม็นขี้หน้าโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติท่านหนึ่ง ท่านแฟรงคลิน ก็เลยแก้เกมส์ด้วยการไปขอความช่วยเหลือจากสุภาพบุรุษท่านนั้น โดยไปขอยืมหนังสือ แล้วสุภาพบุรุษท่านนั้นก็ให้ยืม จากนั้น ท่านแฟรงคลินก็ส่งจดหมายขอบคุณอย่างดีไปให้ ตั้งแต่นั้นมา ทั้งสองมีมิตรภาพที่ดีจากกันจนวันตาย
https://www.forbes.com/sites/sap/2011/11/16/do-me-a-favor-so-youll-like-me-the-reverse-psychology-of-likeability/
https://www.businessinsider.com/ben-franklin-effect-2016-12#:~:text=The%20%22Ben%20Franklin%20effect%22%20is,over%20someone%20who%20disliked%20him.
ดิฉันเห็นตัวอย่างมาหลายเรื่องแล้ว เลยขอยกตัวอย่างมาเล่าให้ฟัง
อาม่าดิฉันรักน้าชายคนหนึ่ง (เป็นลูกของพี่ชายอาม่า) มาก มากถึงมากที่สุด ทั้งที่น้าชายคนนี้ทำอะไรหลายอย่างที่คนรอบข้างต้องร้อง “อ.ห.” ที่ไม่ได้มาจากคำว่า โอ้โห ... ใบ้ซะขนาดนี้ ด่าออกมาตรง ๆ ดีกว่า ธาราสินธุ์
เอาเป็นว่า สารทจีนดิฉันต้องทำบุญให้แกมาหลายปีติดต่อกัน เพราะคิดว่า สิ่งที่แกทำตอนมีชีวิตอยู่ไม่น่าจะทำให้ญาติพี่น้องคนไหน กระทั่งลูก และอดีตน้าสะใภ้ดิฉันทำบุญให้แน่ ๆ
แล้วถ้าดิฉันไม่ทำ ก็ไม่น่าจะมีคนทำ และที่ทำเพราะดิฉันรักอาม่ามาก อะไรที่ทำให้อาม่าสบายใจ แม้อาม่าจะจากไปแล้ว ดิฉันก็ทำเสมอ แม้ไม่มีใครรู้ (เฮ้ออออ แต่หล่อนก็มาบอกเล่าในพันทิปจนคนเค้ารู้กันหมด)
ดิฉันเคยถามหม่าม้าว่า “อาม่ารักอะไรกันนักกันหนากับอากู่ (น้าชาย) คนนี้” ทั้งที่แกก็ไม่ได้ดีกับอาม่าด้วยนะ และจะให้พูดตามตรงดิฉันไม่เห็นแกจะดีกับใคร
หม่าม้าบอกว่า ตอนอากู่คนนี้เด็ก ๆ เคยป่วยปางตาย
ตอนนั้น คนที่คอยดูแลประคบประหงมทำทุกอย่างจนอากู่ฟื้นจากความตายมาได้ กลายเป็นคนสุขภาพแข็งแรง เรียนเก่ง ก็เพราะอาม่านี่แหละที่เฝ้าหายาป้อน ประคองดูแลทุกอย่าง
ตอนจบของเรื่องนิทานคุณธรรมคงจะลงท้ายว่า
น้าชายคนนี้กลับมาดูแล กตัญญู อาม่า
แต่ในความเป็นจริงคือ
อาม่ากลับรัก เอ็นดู ผูกพัน ไม่ถือสา น้าชายคนนี้มากที่สุด ไม่ว่าแกจะทำอะไรมา (ติดพนัน หอบลูกหนีเมียมา แต่ตัวเองก็ไม่ได้เลี้ยง เอาลูกมาทิ้งให้อาม่าดิฉันเลี้ยงต่อ และ ฯลฯ เล่าแล้วยาว)
อันนี้ เรื่องแรก
เรื่องที่ดิฉันเจอกับตัวเอง แล้วพอเล่าได้ ... (มีหลายเรื่อง ที่เล่าไม่ได้คือ ดิฉันเอ็นดูปรานี ผูกพัน ปรารถนาดีกับคนที่ดิฉันเคยช่วยเหลือ เพื่อพบว่า เค้าเหล่านั้นเสร็จธุระแล้วสามารถ ghost ไปเฉย ๆ ได้ สะดวกดีแท้แม่คุณ พ่อคุณ)
ปลายปีที่แล้ว ราว ๆ เดือนพฤศจิกายน ตอนที่ดิฉันไปต่างจังหวัด ก็ได้รับโทรศัพท์ตอนเช้าจากลูกสาวคนกลาง
เธอแจ้งว่า ไปวิ่งตอนเช้ากับเพื่อนที่สวนลุมฯ เจอแมวจรตัวนึง ท่าทางน่าจะโดนรถทับ หน้าเละไปข้างนึง ลูกกับเพื่อนอยากช่วยแมว
คุณลุง รปภ. แถวนั้น เอาถุงพลาสติกสวมมือแล้วช่วยจับน้องใส่ลังกระดาษให้
ลูกกับเพื่อนพาไปโรงพยาบาลสัตว์ในโรงเรียนแพทย์แถวนั้น พบว่า เคสนี้ไม่ใช่เคสฉุกเฉิน เพราะไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ ที่เห็นหน้าเละมาจากแบคทีเรียกินเนื้อ เลยรับไว้เป็นเคสฉุกเฉินไม่ได้ จะต่อแถวเข้าเคสปกติ ก็เต็มแล้ว
ที่โทร.มาหาดิฉันแต่เช้า เพื่อขออนุญาตเอาแมวไปรักษา
แปลไทยเป็นไทยคือ ขอให้แม่สปอนฯ ค่ารักษา ถ้ามันเลยเถิดไปจนเกินค่าขนมนิสิตปี 3
ดิฉันก็รับปากไปค่ะ คิดว่า คงไม่เท่าไร
ลูกกับเพื่อนก็ไปเยี่ยมน้องกันอยู่เรื่อย ๆ
หมอถามว่าน้องชื่ออะไร ทีแรก เพื่อนลูกตั้งชื่อว่า “โอรีโอ” ลูกรีบห้ามไว้ บอกว่า แม่เราจริงจังเรื่องตั้งชื่อแมวมาก ไม่มีการซี้ซั้วเด็ดขาด
ลูกพูดถูกค่ะ ดิฉันจริงจังเรื่องตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงมาก ชื่อทุกตัวต้องมีความหมาย มีที่มา ดิฉันเลยขออนุญาตโมฯ ชื่อจาก โอรีโอ เป็น โอลิเวอร์ เพราะนึกถึงตัวละครเด็กที่ขาดความรักในละครเพลงเรื่อง Oliver นี้
น้อง admit ยาวนานในโรงพยาบาลสัตว์แถว ๆ ซอยอารี
ลูกดิฉันก็ไปเยี่ยมสม่ำเสมอ เบิกจากดิฉันบ้าง ออกเองร่วมกันพี่สาวเธอบ้าง เอาบัตรเครดิตดิฉันไปบ้างคอยเคลียร์ค่าใช้จ่าย
โอลิเวอร์แรก ๆ ผอมและโทรมมาก เนื้อตัวดูแหว่งวิ่นไปหมดทั้งจากโรคแบคทีเรียกินเนื้อ และรอยโดนกัดจากการต่อสู้ชีวิตริมถนน แต่น้องก็สู้เหลือเกิน
เวลาลูกไปเยี่ยม โอลิเวอร์ ก็จะมีการตอบสนองด้วยการพยายามกินอาหารโชว์ ทำให้ลูกเอ็นดูมาก
หมอบอกว่า โอลิเวอร์ ชอบฟังเพลงแจ๊ส เวลาเอาออกจากกรงมาให้ยา ป้อนยา รักษา ถ้าเปิดเพลงคลาสสิคน้องจะไม่ชอบ น้องชอบแจ๊ส
สามีดิฉันได้แต่กลอกตามองบนแล้วกลั้นยิ้มเวลาลูกเล่ามาถึงตอนนี้
จากพฤศจิกาปีที่แล้ว มาถึงกันยาปีนี้
ในที่สุด โอลิเวอร์ ก็หายสนิทและฉีดวัคซีนทุกอย่างครบพร้อม (คอร์สวัคซีนทำได้ช้ามาก เพราะสุขภาพเดิมโทรมจัด ต้องค่อย ๆ ฉีด และเฝ้าดูอาการไปทีละอย่าง สองอย่าง)
โอลิเวอร์ก็ได้เป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้มีสมาชิกอยู่แล้วสองตัวคือ ลูก้ากับชีต้าห์
ดิฉันบอกลูกว่า แม่ตั้งนามสกุลใหม่ให้โอลิเวอร์แล้วนะ ทีแรกว่าจะให้ใช้นามสกุลแม่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ตั้งใหม่ให้สมมง สมฐาดีกว่า
ลูกถามว่า นามสกุลอะไร
ดิฉันยิ้ม ๆ และตอบว่า
Oliver BIRKIN โอลิเวอร์ เบอร์กิ้น
พ่อยังไม่เข้าใจว่า ที่มาของนามสกุลมาจากไหน
มีแต่ลูกที่ดูแลโอลิเวอร์มาตั้งแต่ต้นเข้าใจได้ในทันที และหัวเราะพร้อมค้อนดิฉันเบา ๆ
จากสามกิโลกว่า ตอนนี้ห้ากิโลกว่าแล้วค่ะ อ้วนจนต้องสั่งปลอกคอพิเศษให้ เพราะใส่ไซส์ธรรมดาเล็ก ๆ ไม่ได้
คุณ ๆ ล่ะคะ ? เคยช่วยใคร จนผูกพันแบบถอนตัวไม่ขึ้นแบบนี้บ้างรึเปล่า ?
Oliver Birkin...แมวจร...และจิตวิทยากลับด้าน
ดิฉันไม่แน่ใจว่า สิ่งนี้เรียกว่าอะไร เป็นจิตวิทยากลับด้านรึเปล่า ?
เรามักจะคิดว่า เรารักใคร ผูกพันกับใคร เพราะเค้าช่วยเรา
อืม... ก็มีส่วนถูก
แต่เราจะรักเค้ามากกว่า ผูกพันกับเค้ามากกว่า เพราะเราได้ช่วย หรือทำอะไรให้กับคน ๆ นั้น
ลองอ่านที่มาของทฤษฎีนี้ยาว ๆ จากลิงค์พวกนี้ดูนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดิฉันเห็นตัวอย่างมาหลายเรื่องแล้ว เลยขอยกตัวอย่างมาเล่าให้ฟัง
อาม่าดิฉันรักน้าชายคนหนึ่ง (เป็นลูกของพี่ชายอาม่า) มาก มากถึงมากที่สุด ทั้งที่น้าชายคนนี้ทำอะไรหลายอย่างที่คนรอบข้างต้องร้อง “อ.ห.” ที่ไม่ได้มาจากคำว่า โอ้โห ... ใบ้ซะขนาดนี้ ด่าออกมาตรง ๆ ดีกว่า ธาราสินธุ์
เอาเป็นว่า สารทจีนดิฉันต้องทำบุญให้แกมาหลายปีติดต่อกัน เพราะคิดว่า สิ่งที่แกทำตอนมีชีวิตอยู่ไม่น่าจะทำให้ญาติพี่น้องคนไหน กระทั่งลูก และอดีตน้าสะใภ้ดิฉันทำบุญให้แน่ ๆ
แล้วถ้าดิฉันไม่ทำ ก็ไม่น่าจะมีคนทำ และที่ทำเพราะดิฉันรักอาม่ามาก อะไรที่ทำให้อาม่าสบายใจ แม้อาม่าจะจากไปแล้ว ดิฉันก็ทำเสมอ แม้ไม่มีใครรู้ (เฮ้ออออ แต่หล่อนก็มาบอกเล่าในพันทิปจนคนเค้ารู้กันหมด)
ดิฉันเคยถามหม่าม้าว่า “อาม่ารักอะไรกันนักกันหนากับอากู่ (น้าชาย) คนนี้” ทั้งที่แกก็ไม่ได้ดีกับอาม่าด้วยนะ และจะให้พูดตามตรงดิฉันไม่เห็นแกจะดีกับใคร
หม่าม้าบอกว่า ตอนอากู่คนนี้เด็ก ๆ เคยป่วยปางตาย
ตอนนั้น คนที่คอยดูแลประคบประหงมทำทุกอย่างจนอากู่ฟื้นจากความตายมาได้ กลายเป็นคนสุขภาพแข็งแรง เรียนเก่ง ก็เพราะอาม่านี่แหละที่เฝ้าหายาป้อน ประคองดูแลทุกอย่าง
ตอนจบของเรื่องนิทานคุณธรรมคงจะลงท้ายว่า
น้าชายคนนี้กลับมาดูแล กตัญญู อาม่า
แต่ในความเป็นจริงคือ
อาม่ากลับรัก เอ็นดู ผูกพัน ไม่ถือสา น้าชายคนนี้มากที่สุด ไม่ว่าแกจะทำอะไรมา (ติดพนัน หอบลูกหนีเมียมา แต่ตัวเองก็ไม่ได้เลี้ยง เอาลูกมาทิ้งให้อาม่าดิฉันเลี้ยงต่อ และ ฯลฯ เล่าแล้วยาว)
อันนี้ เรื่องแรก
เรื่องที่ดิฉันเจอกับตัวเอง แล้วพอเล่าได้ ... (มีหลายเรื่อง ที่เล่าไม่ได้คือ ดิฉันเอ็นดูปรานี ผูกพัน ปรารถนาดีกับคนที่ดิฉันเคยช่วยเหลือ เพื่อพบว่า เค้าเหล่านั้นเสร็จธุระแล้วสามารถ ghost ไปเฉย ๆ ได้ สะดวกดีแท้แม่คุณ พ่อคุณ)
ปลายปีที่แล้ว ราว ๆ เดือนพฤศจิกายน ตอนที่ดิฉันไปต่างจังหวัด ก็ได้รับโทรศัพท์ตอนเช้าจากลูกสาวคนกลาง
เธอแจ้งว่า ไปวิ่งตอนเช้ากับเพื่อนที่สวนลุมฯ เจอแมวจรตัวนึง ท่าทางน่าจะโดนรถทับ หน้าเละไปข้างนึง ลูกกับเพื่อนอยากช่วยแมว
คุณลุง รปภ. แถวนั้น เอาถุงพลาสติกสวมมือแล้วช่วยจับน้องใส่ลังกระดาษให้
ลูกกับเพื่อนพาไปโรงพยาบาลสัตว์ในโรงเรียนแพทย์แถวนั้น พบว่า เคสนี้ไม่ใช่เคสฉุกเฉิน เพราะไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ ที่เห็นหน้าเละมาจากแบคทีเรียกินเนื้อ เลยรับไว้เป็นเคสฉุกเฉินไม่ได้ จะต่อแถวเข้าเคสปกติ ก็เต็มแล้ว
ที่โทร.มาหาดิฉันแต่เช้า เพื่อขออนุญาตเอาแมวไปรักษา
แปลไทยเป็นไทยคือ ขอให้แม่สปอนฯ ค่ารักษา ถ้ามันเลยเถิดไปจนเกินค่าขนมนิสิตปี 3
ดิฉันก็รับปากไปค่ะ คิดว่า คงไม่เท่าไร
ลูกกับเพื่อนก็ไปเยี่ยมน้องกันอยู่เรื่อย ๆ
หมอถามว่าน้องชื่ออะไร ทีแรก เพื่อนลูกตั้งชื่อว่า “โอรีโอ” ลูกรีบห้ามไว้ บอกว่า แม่เราจริงจังเรื่องตั้งชื่อแมวมาก ไม่มีการซี้ซั้วเด็ดขาด
ลูกพูดถูกค่ะ ดิฉันจริงจังเรื่องตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงมาก ชื่อทุกตัวต้องมีความหมาย มีที่มา ดิฉันเลยขออนุญาตโมฯ ชื่อจาก โอรีโอ เป็น โอลิเวอร์ เพราะนึกถึงตัวละครเด็กที่ขาดความรักในละครเพลงเรื่อง Oliver นี้
น้อง admit ยาวนานในโรงพยาบาลสัตว์แถว ๆ ซอยอารี
ลูกดิฉันก็ไปเยี่ยมสม่ำเสมอ เบิกจากดิฉันบ้าง ออกเองร่วมกันพี่สาวเธอบ้าง เอาบัตรเครดิตดิฉันไปบ้างคอยเคลียร์ค่าใช้จ่าย
โอลิเวอร์แรก ๆ ผอมและโทรมมาก เนื้อตัวดูแหว่งวิ่นไปหมดทั้งจากโรคแบคทีเรียกินเนื้อ และรอยโดนกัดจากการต่อสู้ชีวิตริมถนน แต่น้องก็สู้เหลือเกิน
เวลาลูกไปเยี่ยม โอลิเวอร์ ก็จะมีการตอบสนองด้วยการพยายามกินอาหารโชว์ ทำให้ลูกเอ็นดูมาก
หมอบอกว่า โอลิเวอร์ ชอบฟังเพลงแจ๊ส เวลาเอาออกจากกรงมาให้ยา ป้อนยา รักษา ถ้าเปิดเพลงคลาสสิคน้องจะไม่ชอบ น้องชอบแจ๊ส
สามีดิฉันได้แต่กลอกตามองบนแล้วกลั้นยิ้มเวลาลูกเล่ามาถึงตอนนี้
จากพฤศจิกาปีที่แล้ว มาถึงกันยาปีนี้
ในที่สุด โอลิเวอร์ ก็หายสนิทและฉีดวัคซีนทุกอย่างครบพร้อม (คอร์สวัคซีนทำได้ช้ามาก เพราะสุขภาพเดิมโทรมจัด ต้องค่อย ๆ ฉีด และเฝ้าดูอาการไปทีละอย่าง สองอย่าง)
โอลิเวอร์ก็ได้เป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้มีสมาชิกอยู่แล้วสองตัวคือ ลูก้ากับชีต้าห์
ดิฉันบอกลูกว่า แม่ตั้งนามสกุลใหม่ให้โอลิเวอร์แล้วนะ ทีแรกว่าจะให้ใช้นามสกุลแม่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ตั้งใหม่ให้สมมง สมฐาดีกว่า
ลูกถามว่า นามสกุลอะไร
ดิฉันยิ้ม ๆ และตอบว่า
Oliver BIRKIN โอลิเวอร์ เบอร์กิ้น
พ่อยังไม่เข้าใจว่า ที่มาของนามสกุลมาจากไหน
มีแต่ลูกที่ดูแลโอลิเวอร์มาตั้งแต่ต้นเข้าใจได้ในทันที และหัวเราะพร้อมค้อนดิฉันเบา ๆ
จากสามกิโลกว่า ตอนนี้ห้ากิโลกว่าแล้วค่ะ อ้วนจนต้องสั่งปลอกคอพิเศษให้ เพราะใส่ไซส์ธรรมดาเล็ก ๆ ไม่ได้
คุณ ๆ ล่ะคะ ? เคยช่วยใคร จนผูกพันแบบถอนตัวไม่ขึ้นแบบนี้บ้างรึเปล่า ?