มีเหตุผลหลากหลายที่เราควรเชื่อว่ามีอำนาจเหนือธรรมชาติเพียงหนึ่งเดียว ( اَللَّٰهُ أَكْبَرُ พระองค์ผู้ทรงมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่)?
เพราะว่าอำนาจนั้นมีอยู่จริง จากการวิจัยและจากการสังเกตุ เป็นข้อมูลโดยตรงตามสภาพความเป็นจริง จัดเป็นข้อมูลแบบปฐมภูมิที่มีความน่าเชื่อถือมากแสดงให้เห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่ทั่วโลกเชื่อในพระเจ้า/อำนาจเหนือธรรมชาติ
ศาสนาอิสลามเชื่อว่าก่อนที่มนุษย์ทุกๆคนบนโลกนี้จะมาเกิดในครรภ์มารดา ได้ทำสัญญาไว้กับ พระเจ้า/ผู้สร้าง ว่าได้รับรู้ในความมีอยู่จริงของอำนาจอันสูงสุดหนึ่งเดียวซึ่งมนุษย์เรียกว่าพระเจ้า/ผู้สร้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้وَإِذْ أَخَذَ رَبُّكَ مِنْ بَنِي آدَمَ مِنْ ظُهُورِهِمْ ذُرِّيَّتَهُمْ وَأَشْهَدَهُمْ عَلَىٰ أَنْفُسِهِمْ أَلَسْتُ بِرَبِّكُمْ ۖ قَالُوا بَلَىٰ ۛ شَهِدْنَا ۛ أَنْ تَقُولُوا يَوْمَ الْقِيَامَةِ إِنَّا كُنَّا عَنْ هَٰذَا غَافِلِينَ {172}
{7:172} และ(จงรำลึก)ขณะที่พระเจ้าของเธอได้เอาวงศ์วานของอาดัมออกมาจากหลังของบุตรหลานอาดัม และให้พวกเขายืนยันแก่ตัวของพวกเขาเอง (โดยตอบคําถามที่ว่า) "ฉันไม่ใช่พระเจ้าของพวกเธอดอกหรือ?" พวกเขากล่าวว่า "ใช่ขอรับ พวกข้าฯขอยืนยัน" ทั้งนี้เพื่อพวกเธอไม่กล่าวในวันฟื้นคืนชีพว่า "พวกข้าฯไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้"
ในปัจจุบันถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์ในทุกๆด้านก้าวหน้าไปอย่างมากมาย แต่ประชากรของโลกส่วนมากก็ยังเชื่อว่ายังมีอำนาจอย่างอื่นที่อยู่เหนือธรรมชาติของสิ่งทั้งปวงพยายามชี้ทางให้ชีวิตของเขาเดินไปตามทางที่ถูกต้องในสังคมมนุษย์ ซึ่งเขาไม่อาจจะขัดขืนได้ แม้แต่ผู้ที่ไม่เชื่อในเรื่องเหล่านี้บางครั้งเมื่อเขาอยู่ เพียงผู้เดียวหรือในยามขับขัน เขาเหล่านั้นก็อดที่จะคิดถึงอำนาจดังกล่าวไม่ได้
แม้แต่พุทธศานิกสายเถรวาทอย่างแท้จริงยังเชื่อว่า ผู้ปฏิบัติธรรมที่ทำบุญอย่างต่อเนื่องด้วยเจตนากุศลจะได้รับการคุ้มครองจากเทพเทวดา ท้งนี้เพราะว่ามีความเชื่อว่าอำนาจเหนือธรรมชาตินี้มีอยู่จริงและมีอำนาจในการคุ้มกันภัยจากการกระทำของตัวแห่งความชั่ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เทวดามีบทบาทสำคัญในพุทธศาสนาเถรวาท พาท่านสู่ความเข้าใจในบทบาทของเทพเทวดาที่มีต่อพระพุทธศาสนา ผ่านเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าจนถึงบรรดาผู้มีความศรัทธาในการทำบุญ กุศลที่ท่านสะสมจะเป็นสิ่งที่เทพเทวดาเกรงใจและคอยปกปักรักษาเราเสมอไป
ผู้ปฏิบัติธรรมที่ทำบุญอย่างต่อเนื่องด้วยเจตนากุศลจะได้รับการคุ้มครองจากเทพเทวดา โดยเฉพาะท้าวสักกะเทวราช ซึ่งจะคอยปกปักรักษาผู้ที่บำรุงพระศาสนาและทำทานบารมี ทั้งในช่วงเวลาทุกข์ยากหรือในยามวิกฤติ
ใครได้ศึกษาพุทธประวัติจากพุทธศาสนาในสายเถรวาท จะเห็นได้ว่ามีเรื่องของเทวนิยมเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่พระราชมารดา คือ พระนางสิริมหามายา ทรงพระสุบินตั้งแต่เริ่มตั้งพระครรภ์ตลอดกระทั่งประสูติเจ้าชายสิทธัตถะก็มีเทพเทวดาลงมาอภิบาลมากมาย หลายช่วงพระชนม์ของเจ้าชายสิทธัตถะยังไม่บรรลุธรรมกระทั่งบรรลุแล้วก็มีเทพเทวดามาอภิบาลอย่างต่อเนื่อง
ผู้ที่มีจิตใจใฝ่ในวิทยาศาสตร์ ต่างมองว่า นี่เป็นการเขียนแต่งใหม่ให้ไปในสายแฟนตาซีเหมือนนิทาน จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีเทพเทวดามาดูแลตลอดเวลา เคยสนทนากับฝรั่งคนหนึ่งที่สนใจพุทธศาสนาแล้วตั้งคำถามนี้ จึงได้ให้มุมิดไปว่า "ทูตสวรรค์" (เทวดาในศาสนาของยุโรป อเมริกา) ก็มีอยู่คอยสนองงานรับใช้พระเจ้าทำไมจึงเชื่อล่ะว่ามีจริง เอาแค่เรื่องที่ว่ามีจริงไม่มีจริงก่อนรายละเอียดอย่างอื่นไม่ต้องสาธยายเดี่ยวจะลึก
https://www.thansettakij.com/blogs/lifestyle/horoscope/614264
ตามคติเถรวาท พระพรหมไม่มีเพศ ไม่ต้องกินไม่ต้องบริโภคอาหาร เหมือนสัตว์ในภูมิอื่น ด้วยว่าแช่มชื่นอิ่มเอิบโดยมีฌานสมาบัติเป็นอาหาร จึงไม่ต้องขับถ่ายคูตรมูถ สถิตย์เสวยสุขพรหมสมบัติอยู่ ณ พรหมภูมิที่ตนอุบัติตราบจน กว่าจะสิ้นอายุ ซึ่งเป็นเวลานานแสนนาน
คำถามก็คือ ใครที่รู้เรื่องเหล่านี้และรู้ได้อย่างไร?
เรื่องเทวดาคุ้มครองนั้นเป็นเรื่องที่เราหาคำตอบไม่ได้ และเสียงกระซิบใดเล่าที่ปลุกสัญชาตญาณของเราให้กิดความสังหรใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราโดยหาคำ ตอบไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีสิ่งที่อะไรที่ได้เกิดขึ้นแก่เราโดยที่เราไม่อาจจะอธิบายได้เลยบ้าง ....?
ตัวอย่างเช่น:
1. สามีของฉันขับรถและฉันเป็นผู้โดยสารในที่นั่งด้านหน้า ฉันไม่รู้ว่าอะไรทำให้ฉันทำสิ่งนี้ แต่ฉันรีบคว้าแขนของเขาและฉันก็ตะโกน“ ช้าลง!” ซึ่งเขาทำ จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมารถทางด้านซ้ายของเราเร่งผ่านเราอย่างรวดเร็วจากนั้นก็กลับเข้าไปในเลนของเราและชนเข้ากับรถต่อหน้าเรา คนที่เร่งความเร็วตายและคนในรถที่อยู่ข้างหน้าเราเสียชีวิต ถ้าฉันไม่ได้บอกสามีให้ช้าลงเราจะตายเพราะเราจะถูกชนตาย มันอธิบายไม่ได้ว่าอะไรทำให้ฉันทำอย่างนั้น แต่ฉันอยากจะเชื่อว่าฉันมี เทวดาที่ดีคอยคุ้มครองและติดตามฉัน
2. ขณะที่เราขับรถบรรทุกขนาดเล็กไปตามถนนระหว่างทางไปทำงาน เมื่อฉันเหลือบมองขึ้นไปบนเนินเขา เห็นมีแมวอยู่ตรงกลางถนน ฉันไม่มีเวลาที่จะหลีกให้แมวอยู่ตรงกลางระหว่างล้อรถ ฉันได้ยินเสียงรถกระหน่ำชนเสียงดัง ขณะที่ฉันขับรถเลยไปและมองดูในกระจกหลัง ไม่เห็นว่ามีแมว ที่ด้านหลังซึ่งฉันได้พยายามมองหา เมื่อฉันลงจากรถฉันก็ได้ยินเสียง "เมี๊ยว" ฉันค้นมองหาไปทั่ว ขณะที่เสียง"เมี๊ยว" ร้องไม่หยุด ในที่ สุดฉันก็พบว่าแมวปลอดภัยและเสียงร้องนั้นมาจากแมวที่นั่งอยู่บนยางอะไหล่ใต้ท้องรถบรรทุกของฉัน มันห้อยแขวนอยู่ที่นั่นนานกว่า 20 ไมล์ ฉันเอาแมวตัวนั้นมาเลี้ยงนานกว่า 9 ปีแล้ว
3. เช้าวันหนึ่งผมขับรถ conversion van เพราะจอดอยู่ข้างนอกสดวกที่จะใช้ทำงาน ขณะที่ขับไปได้ ประมาณครึ่งไมล์ มีคำสั่งในจิตใจให้หยุดรถตรวจเครื่องยนตร์ ผมก็คงขับรถไปเรื่อยๆ เสียงกระซิบหรือความรู้สึกให้หยุดรถยิ่งหนักและกระชั้นชิดยิ่งขึ้น ผมจึงจอดรถและเปิดกระโปรงรถเพื่อตรวจเครื่องยนตร์ เมื่อเปิดขึ้นต้องตกใจอย่างยิ่งที่พบแมวของผมนอนอยู่บนหม้อกรองอากาศเครื่องยนตร์เหนือใบพัดเครื่องยนตร์ไม่มากนัก เพราะอากาศภายนอกหนาวเย็น ผมอุ้มแมวเข้าไปในรถและขับกลับบ้าน ผมมาคิดว่าถ้าผมขับรถต่อไปแมวคงถูกพัดลมเครื่องยนตร์ตีแหลกเหลวแน่ๆ อะไรที่ทำให้ผมต้องหยุดรถและช่วยชีวิตแมวไว้ได้
4. เรื่องนี้เกิดจากผลของการสวดอ้อนวอน มหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ ครั้งแรกอาวุทธปืนพกหายหลังจากการพยายามค้นหาอย่างถี่ถ้วนเป็นเวลาสามสี่เดือนทุกหนทุกแห่งที่สงสัยว่าจะไปหลงลืมไว้ วันหนึ่งหลังจากละหมาดเสร๊จ เอนนอนบนเสื่อละหมาด สายตาเหลือบไปเห็นซองปืนสีดำวางอยู่ใต้ตู้ในห้องละหมาด เมื่อตรวจดูก็พบว่าเป็นซองปืนพร้อมด้วยอาวุทธปืนที่คิดว่าหายไป ทั้งๆที่ได้ค้นหาในห้องดังกล่าวทุกซอกทุกมุมแล้วหลายครั้ง และอีกเหตุการณ์หนึ่งกุญแจเซฟหายไม่อาจจะเปิดเอาหนังสือเดินทางได้ หลังจากการพยายามหาและสวดอ้อนวอนอยู่หลายสัปดาห์ ก็พบกุญแจนั้น
การที่ มหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ จะช่วยเหลือเรายามทุกข์ยากได้ต้องหลังจากความพยายามของเราอย่างสุดความสามารถแล้ว เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะเกิดจากความหลงลืมและจำไม่ได้ว่าเราเก็บไว้ที่ใด เมื่อเราได้พยายามอย่างสุดความสามารถของเราแล้ว และเรามีความศรัทธาที่แท้จริงเราจึงจะได้รับความกรุณาอันยิ่งใหญ่นั้น
สัญชาตญาณของมนุษย์และของสิ่งที่มีชีวิตทั้งปวงนั้นเอง
แม้แต่ดาร์วินเองก็ตระหนักถึงเรื่องสัญชาตญาณ ( ในหนังสือ The Origin of Species ที่เขาเขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1859 เขาได้แสดงความสงสัยในตัวเองเกี่ยวกับทฤษฎีของตนเองด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้:
“ผมคิดว่าน่าจะสะดวกกว่าที่จะแยกประเด็นนี้ออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ "สัญชาตญาณ" อันน่าอัศจรรย์อย่างสัญชาตญาณของรวงผึ้งในการสร้างเซลล์ของมันเองนั้น ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ยากพอที่จะล้มล้างทฤษฎีทั้งหมดของผมได้” (ชาร์ลส์ ดาร์วิน, The Origin of Species, หน้า 233)
สัญชาตญาณ:คือความเข้าใจเชิงลึกในจิตใต้สำนึกที่เกิดจากประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมา มักแสดงออกมาในรูปแบบของ แรงขับหรือทางชีววิทยาเรียกว่าการตอบสนองที่มีมาแต่กำเนิดซึ่งฝังแน่นอยู่ในสิ่งมีชีวิต สิ่งเหล่านี้เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติต่อสิ่งเร้าเฉพาะ ซึ่งมักมีความสำคัญต่อการอยู่รอด
อัลกุรอานกล่าวถึงสัญชาตญาณและธรรมชาติของมนุษย์ในหลายโองการ โดยเน้นย้ำถึงคุณสมบัติและแนวโน้มโดยกำเนิดของมนุษย์ โองการสำคัญเกี่ยวกับสัญชาตญาณของมนุษย์:
Surah Al-Ma'arij, Ayah 19-21
إِنَّ الْإِنسَانَ خُلِقَ هَلُوعًا إِذَا مَسَّهُ الشَّرُّ جَزُوعًا وَإِذَا مَسَّهُ الْخَيْرُ مَنُوعًا
แท้จริง มนุษย์ถูกสร้างมาด้วยความวิตกกังวล เมื่อความชั่วร้ายสัมผัสเขา เขาก็จะใจร้อน และเมื่อความดีสัมผัสเขา เขาก็จะเก็บงำมันไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้إِنَّ الْإِنْسَانَ خُلِقَ هَلُوعًا {19}
{70:19} แท้จริงมนุษย์นั้นถูกบังเกิดมาเป็นคนหวั่นไหว
إِذَا مَسَّهُ الشَّرُّ جَزُوعًا {20}
{70:20} เมื่อความทุกข์ยากประสบแก่เขา ก็กระวนกระวาย
وَإِذَا مَسَّهُ الْخَيْرُ مَنُوعًا {21}
{70:21} และเมื่อความสุขสบายประสบแก่เขา ก็หวงแหน
ป้อนข้อความ
คำอธิบาย:
โองการเหล่านี้อธิบายถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่มักใจร้อนและเห็นแก่ตัว มนุษย์ถูกสร้างมาด้วยนิสัยที่ทำให้พวกเขากระสับกระส่ายและวิตกกังวลโดยธรรมชาติ เมื่อเผชิญกับความยากลำบาก พวกเขาก็จะใจร้อนและบ่น และเมื่อโชคดี พวกเขาก็จะตระหนี่และลังเลที่จะแบ่งปัน อย่างไรก็ตาม การอธิบายถึงธรรมชาติของมนุษย์นี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อแก้ตัวให้กับพฤติกรรมเหล่านี้ แต่เพื่อเน้นย้ำถึงความท้าทายทางจิตวิญญาณที่มนุษย์กำลังเผชิญ
โองการดังกล่าวในซูเราะฮฺ อัล-มะอาริจญ์ (บันไดสู่สวรรค์)ซึ่งกล่าวถึงธรรมชาติของมนุษย์และคุณสมบัติที่ทำให้คนดีแตกต่างจากผู้อื่น พวกเขาตั้งข้อแตกต่างกับคุณสมบัติเชิงบวกที่กล่าวถึงในภายหลังในซูเราะฮ์ได้อธิบายถึงวิธีที่ผู้ศรัทธาสามารถเอาชนะธรรมชาติเหล่านี้ได้ด้วยการละหมาด การบริจาคทาน และศรัทธา สิ่งนี้สอนให้ตระหนักถึงจุดอ่อนของมนุษย์และความจำเป็นในการมีวินัยทางจิตวิญญาณเพื่อพัฒนาบุคลิกภาพที่ดีขึ้น
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าอำนาจเหนือธรรมชาติมีจริง ซึ่งมักจะดลใจของ ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมให้รำลึกถึง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก นั้นก็คือสิ่งหรือภาวะที่เชื่อว่ามีอำนาจเหนือธรรมชาติ สามารถบันดาลให้เป็นไปหรือให้สำเร็จได้ดังปรารถนา เช่น ขอให้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บันดาลให้เขาหายจากโรคร้าย ในศาสนาอิสลาม ได้รวมเอาอำนาจเหนือธรรมชาติทั้งหลายทางจิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวเรียกว่าอัลลอฮ์ (อัล=The, ละฮุ = GOD) ซึ่งอิสลามเชื่อว่าอำนาจสูงสุดมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นเรียกว่าพระเจ้าหรือผู้สร้างนั้นเอง
ทำไมมนุษย์จึงควรเชื่อใน "อำนาจเหนือธรรมชาติ"? พระเจ้า/ผู้สร้าง
ในปัจจุบันถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์ในทุกๆด้านก้าวหน้าไปอย่างมากมาย แต่ประชากรของโลกส่วนมากก็ยังเชื่อว่ายังมีอำนาจอย่างอื่นที่อยู่เหนือธรรมชาติของสิ่งทั้งปวงพยายามชี้ทางให้ชีวิตของเขาเดินไปตามทางที่ถูกต้องในสังคมมนุษย์ ซึ่งเขาไม่อาจจะขัดขืนได้ แม้แต่ผู้ที่ไม่เชื่อในเรื่องเหล่านี้บางครั้งเมื่อเขาอยู่ เพียงผู้เดียวหรือในยามขับขัน เขาเหล่านั้นก็อดที่จะคิดถึงอำนาจดังกล่าวไม่ได้ แม้แต่พุทธศานิกสายเถรวาทอย่างแท้จริงยังเชื่อว่า ผู้ปฏิบัติธรรมที่ทำบุญอย่างต่อเนื่องด้วยเจตนากุศลจะได้รับการคุ้มครองจากเทพเทวดา ท้งนี้เพราะว่ามีความเชื่อว่าอำนาจเหนือธรรมชาตินี้มีอยู่จริงและมีอำนาจในการคุ้มกันภัยจากการกระทำของตัวแห่งความชั่ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องเทวดาคุ้มครองนั้นเป็นเรื่องที่เราหาคำตอบไม่ได้ และเสียงกระซิบใดเล่าที่ปลุกสัญชาตญาณของเราให้กิดความสังหรใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราโดยหาคำ ตอบไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Surah Al-Ma'arij, Ayah 19-21
إِنَّ الْإِنسَانَ خُلِقَ هَلُوعًا إِذَا مَسَّهُ الشَّرُّ جَزُوعًا وَإِذَا مَسَّهُ الْخَيْرُ مَنُوعًا