ณ Kyoto Future Science Museum (พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์)
- เริ่มตอนมาด้วย มีผู้ชายสองคนกำลังปรึกษากันเรื่องที่ว่าจะมีมนุษย์ต่างดาวมาที่โลก
ซึ่งคนผมสีทอง (มาโนะ) บอกประมาณว่า แบบนี้จะโอเคจริงแน่ ๆ หรอ เพราะมาตราการกักกันภัยและความเสี่ยงถูกเลื่อนออกไปในตอนนี้
และเป็นไปได้ว่าพวกคนจากต่างดาวจะนำพาผลกระทบ หรือโรคร้ายที่ไม่ทราบแน่ชัดมายังโลก
- คนผมดำ (อูซามิ) จึงบอกว่า เมื่อต้องรับมือกับคนที่ไม่มีใครรู้ศาสนา ภาษา ประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรม
การไปปฏิบัติกับคนเหล่านี้ประหนึ่งเขาเป็นเชื้อโรคอาจจะก่อให้เกิดการประกาศสงครามขึ้นได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- และไม่นานหลังจากนั้น มนุษย์ต่างดาวที่กำลังเป็นประเด็นก็เข้ามาหาในห้อง สองคนนั้นก็คือ มารุ กับ จาบาโรมา (คนที่คล้าย ๆ เท็นเก็น)
- จาบา แนะนำตัวแล้วบอกว่าเขาศึกษามาหลายปีเพื่อป้องกันสถานการณ์แบบนี้ และรู้สึกซาบซึ้งมากที่ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากคนบนโลก
- อูซามิจึงแนะนำตัวบ้าง ตอนนี้เขาคือรักษาการรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ และผู้ชายผมทองชื่อมิโนะ เป็นผู้ช่วย
- มาโนะ คิดในใจว่า เขาไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่ามนุษย์ต่างดาวจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้ แถมพูดภาษาอังกฤษได้อีก พวกอเมริกาพยายามให้พวกเขาคว้าเอาเทคโนโลยีดี ๆ จากมนุษย์ต่างดาว แต่ไม่บอกด้วยซ้ำว่ามนุษย์ต่างดาวที่ว่า พูดภาษาอังกฤษได้
- อูซามิ คิดในใจว่า อเมริกาอาจจะกำลังก่อกวนชาวญี่ปุ่นอยู่ก็ได้ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเกมจรดลล้างบาง ประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือในทุก ๆ เรื่อง และญี่ปุ่นเองก็ไม่สามารถคาดหวังความช่วยเหลือจากประเทศอื่นได้
- เมื่อก้าวข้ามกำแพงภาษาได้ ข้อได้เปรียบในการรวบรวมข้อมูลก็จะตกเป็นของประเทศอื่น ๆ
- จาบาพูดขึ้นมาว่า เขาต้องการให้ประเทศญี่ปุ่นอนุญาตให้มีตัวแทนของเขาอยู่ที่ญี่ปุ่น (คนที่จะอยู่สังเกตการณ์ก็คือ ครอส (น่าจะแฝดมารุ)
จาบา : มีเหตุผลอะไรที่ลังเลบ้างไหม
อูซามิ : เราไม่สามารถให้อยู่ที่นี่ได้ เว้นแต่ว่าเราจะเข้าใจว่าไม่มีความเป็นปริปักษ์กับประเทศเรา
- และแล้วก็มีมนุษย์ต่างดาวอีกคนเดินมา ออร่ากดดันมหาศาลแผ่ไปทั่วห้อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ออร่าแบบนี้น่าจะระดับเดียวกับ เรียวเมน สุคุนะ ด้วยซ้ำ
- หลังจากการหาลือกัน อูซามิก็บอกว่า ถ้าพวกมนุษย์ต่างดาวพวกนี้จริงจัง ก็สามารถล้มประเทศได้ง่าย ๆ สถานการณ์ตอนนี้ก็คือชัดเจนแล้ว
- และอูซามิก็ตั้งใจจะมอบหมายเรื่องนี้ให้กับพี่น้องอคคทสึ มิโนะแย้งว่าพี่น้องคู่นี้มีความสามารถ แต่อายุยังน้อย
- มนุษย์ต่างดาว ชาวซิมูเรีย ตอนนี้มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัย แต่อยู่ในขอบเขตของการรายงานตนเองอย่างเคร่งคัด และถูกเก็บเป็นความลับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- นับตั้งแต่เกิดเรืองเกมจรดลล้างบาง ญี่ปุ่นก็เริ่มนิ่งเฉยภายในสัญญาความมั่นคง และลงเอยด้วยการพึ่งพาอาศัยกระแสชาตินิยมรุนแรงในอเมริกา
- ถ้าข้อมูลของชาวซิมูเรียถูกเปิดเผย การเคลื่อนไหวของความรู้สึกไม่เอาใครของประชาชนจะนำไปสู่ความขัดแย้ง และจะเกิดสงครามในที่สุด อูซามิจึงบอกว่า สงครามจะไม่เกิดขึ้น และเราต้องหลีกเลี่ยงมันให้ได้
- อูซามิคิดไว้ว่า สิ่งที่พวกเราต้องมุ่งหวังคือ การเป็นมิตรต่อกันอย่างแท้จริง สิ่งที่จะละลายกำแพงในใจของชาวซิมูเรียลงได้ ไม่ใช่พิธีรีตองแบบผู้ใหญ่ แต่เป็นจิตวิญญาณของรุ่นต่อไปต่างหาก
- มิโนะ บอกว่าจะมอบชะตาชีวิตของชาวญี่ปุ่นไว้กับเด็กชายและ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พวกนี้หรอ
- อุซามิ จึงบอกว่า เขาทำในสิ่งที่ต้องทำในฐานะผู้ใหญ่
ตัดกลับมาปัจจุบัน
- ยูกะบอกว่า เรื่องมนุษย์ต่างดาวเนี่ยหมายความว่าไง เรื่องมันชักจะเลยเถิดไปแล้วไม่ใช่หรอ
- สึรุกิ จึงบอกว่า สิ่งนี่คือสิ่งที่นักคุณไสยที่ลักพาตัวเด็ก ๆ พูดว่า "เอเลี่ยนกำลังมา"
สึรุกิ : ภายใต้สัญญาความมั่นคง การทูตระหว่างมนุษย์ต่างดาวถูกยกให้เป็นหน้าที่ของญี่ปุ่น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาปฏิบัติต่อเอเลี่ยนพวกนี้อย่างกับเป็นเรื่องเร่งด่วนระดับเดียวกับเรียวเมน สุคุนะ
ยูกะ : เรียวเมน สุคุนะ ? คนที่ทำให้คุณปู่มีรอยแผลบนน้าผากน่ะหหรอ นี่นายเชื่อจริง ๆ หรอ
สึรุกิ : ถึงแม้ไอ้หมอนี้จะเป็นขยะ แต่จิตวิญญาณของมันน่าจะไม่โกหกนะ การค้ามนุษย์ของญี่ปุ่นเป็นธุรกิจขนาดใหญ่มาก มีมูลค่าหลักหลายร้อยล้าน แต่เขากลับตัดสินใจถอนตัวจากการค้ามนุษย์เพราะมนุษย์ต่างดาวพวกนี้
สึรุกิ : เธอก็เห็นแล้วไม่ใช่ (ตาที่สามของมารุ)
ยูกะ : นักคุณไสยที่มีรูปร่างหน้าตาแปลก ๆ ก็มีไม่น้อยนะ
สึรุกิ : ถึงบางคนจะมีตาไม่กี่ข้างก้เถอะ ก็ไม่มีใครมีตาเยอะแบบนั้นหรอกนะ ....
- สึรุกิบอกว่า อูซามิส่งมารุมาแบบนี้ทั้งที่น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นมนุษย์ต่างดาว แปลว่าข้อมูลไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้
ยูกะบอกว่าเธอจะไม่ไปถามอูซามฺิหรอ แต่จะถามมารุตรง ๆ ไปเลย สึรุกิจึงบอกว่า จะถามยังไง
- สุดท้ายทั้งสองคนก็ตัดสินใจถามคนก่อเรื่อง ว่าสรุป มนุษย์ต่างดาวเนี่ยเรื่องจริงไหม
คนก่อเรื่องบอกว่าเรื่องจริง แถมเขารู้ด้วยความเป็นชาวซิมูเรีย และตอนนี้มีชิปอวกาศที่บรรจุชาวซิมูเรียอยู่เหนือประเทศนี้ประมาณ 50,000 ชิป
สึรุกิจึงถามว่ามันเป็นไปได้หรอ ที่ชิปบรรจุพวกนั้น ที่น่าจะมีขนาดใหญ่ลอยไปมาโดยไม่มีใครเห็น
นักคุณไสยที่จับเด็กไปจึงบอกว่า
คนก่อเรื่อง : พรุ่งนี้ตอนสองทุ่ม ที่ราบสูงคุรุมะยามะ จังหวัดนากาโนะ ถ้าเทคนิคม่านทำให้ยานอวกาศล่องหนได้
มันอาจคลายตัวลงมา พอที่นักคุณไสยจะมองเห็นได้ระหว่างการเติมเสบียง ไปดูด้วยตาตัวเองสิ
จังหวัดนากาโนะ ที่ราบสูงคุรุมะยามะ
ยูกะ: เราจะขึ้นไปบนยอดแบบนี้ มันเป็นไปได้ไหมว่ามันอาจจะอยู่ที่อื่น
สึรุงิ: ถ้ามียานอวกาศกับภูเขา ปกตินายก็จะขึ้นไปบนยอดอยู่แล้วหรือเปล่า
ยูกะ: ... แหวน
สึรุงิ: ฉันไม่คืนให้หรอก คุณยายถูกปฏิบัติราวกับเป็นผู้แพ้ในสามตระกูลใหญ่ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้และปิดปากทุกคนด้วยฝีมือของเธอ
ยูกะ: เดี๋ยวนะ เธอไม่ได้ฆ่าล้างทั้งครอบครัวหรอกเหรอ แทนที่จะใช้คำว่าปิดปาก
สึรุงิ: นั่นแหละที่ฉันอยากเป็น
ยูกะ: เรากำลังไล่ตามความจริงของตัวเอง
ฉันอยากให้เขาคืนแหวนให้ฉันมาตลอด
เขาอยากคืนแหวนให้ฉันเสมอมา
เราอยากแข็งแกร่งขึ้นเพราะเหตุผลนั้นเหรอ
สึรุงิ: งั้นพวกต่างดาวก็มาจริงๆ สินะ
ยูกะ: นี่ก็เป็นกรณีสำคัญระดับเดียวกับเรียวเมน สุคุนะ ใช่ไหม
สึรุงิ: เรียวเมน สุคุนะถูก พวกคุณปู่กับย่าจัดการไปแล้ว
สึรุงิ: ฉันไม่รู้ว่าทำไมพวกต่างดาวถึงมาที่โลก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราเหล่าต้องจัดการกับมัน
ยูกะ: นั่นแหละคือสัญญาที่เราให้เอาไว้
- ยูกะ อยากเป็นอย่างยูตะ อคคทสึ
- สึรุกิอยากเป็นอยากเป็นอย่าง มาคิ เซนอิง
- มารุไปเจอเข้ากับครอส แล้วทักทาย ครอสบอกให้มารุแสดงตีสนิทพวกนักคุณไสยของโลกต่อไป
- มารุ ยอมทำให้ แต่เขาคิดว่าไม่จำเป็น แล้วบอกว่า ชาวโลกก็เหมือนชาวซิมูเรีย มีทั้งดีและเลว
ครอส : ถ้าเราไม่สามารถตัดสินผิดถูกกันได้ มันก็ไม่มีความหมายไหม
มารุ : เราทำมันได้นะ
ครอส: แต่เจ้าไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ ตอนนี้ความคิดเห็นของเราแตกกัน "ขัดแย้ง" หรือ "อยู่ร่วมกัน"
มารุ: ขัดแย้ง เนี่ยไม่ควรอยู่ในทางเลือกนะ
ครอส: ถ้าคิดแบบนั้นก็ไปใช้เวลากับพวกนักอาคมเถอะไป แล้วก็รวบรวมข้อมูล นั่นคือหน้าที่ของนายในฐานะนักรบตอนนี้
มารุ: นายจะไม่กลับไปที่ยานเหรอ?
ครอส: ฉันมีงานของตัวเองต้องทำ
มารุ: ครอส .... ถ้านายไม่ไปที่ยาน พรุ่งนี้เช้านายจะไปกินข้าวเช้าด้วยได้ไหม อาหารของที่นี่อร่อยมาก
ครอส: ... ฉันยุ่งน่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากที่พวกสึรุกิ กลับมาจากการดูเอเลี่ยน ก็ไปพบเข้ากับครอส (สุรึกิ นึกว่าเป็นมารุ)
สึรุงิ : ถ้านายอยู่ข้างบนนี้ คนอื่นคงคิดว่านายจะโดดแล้วตำรวจจะเรียก มองอะไรอยู่ ไม่มีของแบบนั้นอยู่บนดาวนายเหรอ
ครอส: หุบปากซะ อย่ามาคุยกับฉัน
- แล้วครอสก็หายลับตาไป
สึรุงิ: ไอ้หมอนั่นมันอะไรวะ!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] Jujutsu Kaisen _ Spin-off [Modulo] Chapter 2
ณ Kyoto Future Science Museum (พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์)
- เริ่มตอนมาด้วย มีผู้ชายสองคนกำลังปรึกษากันเรื่องที่ว่าจะมีมนุษย์ต่างดาวมาที่โลก
ซึ่งคนผมสีทอง (มาโนะ) บอกประมาณว่า แบบนี้จะโอเคจริงแน่ ๆ หรอ เพราะมาตราการกักกันภัยและความเสี่ยงถูกเลื่อนออกไปในตอนนี้
และเป็นไปได้ว่าพวกคนจากต่างดาวจะนำพาผลกระทบ หรือโรคร้ายที่ไม่ทราบแน่ชัดมายังโลก
- คนผมดำ (อูซามิ) จึงบอกว่า เมื่อต้องรับมือกับคนที่ไม่มีใครรู้ศาสนา ภาษา ประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรม
การไปปฏิบัติกับคนเหล่านี้ประหนึ่งเขาเป็นเชื้อโรคอาจจะก่อให้เกิดการประกาศสงครามขึ้นได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- และไม่นานหลังจากนั้น มนุษย์ต่างดาวที่กำลังเป็นประเด็นก็เข้ามาหาในห้อง สองคนนั้นก็คือ มารุ กับ จาบาโรมา (คนที่คล้าย ๆ เท็นเก็น)
- จาบา แนะนำตัวแล้วบอกว่าเขาศึกษามาหลายปีเพื่อป้องกันสถานการณ์แบบนี้ และรู้สึกซาบซึ้งมากที่ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากคนบนโลก
- อูซามิจึงแนะนำตัวบ้าง ตอนนี้เขาคือรักษาการรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ และผู้ชายผมทองชื่อมิโนะ เป็นผู้ช่วย
- มาโนะ คิดในใจว่า เขาไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่ามนุษย์ต่างดาวจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้ แถมพูดภาษาอังกฤษได้อีก พวกอเมริกาพยายามให้พวกเขาคว้าเอาเทคโนโลยีดี ๆ จากมนุษย์ต่างดาว แต่ไม่บอกด้วยซ้ำว่ามนุษย์ต่างดาวที่ว่า พูดภาษาอังกฤษได้
- อูซามิ คิดในใจว่า อเมริกาอาจจะกำลังก่อกวนชาวญี่ปุ่นอยู่ก็ได้ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเกมจรดลล้างบาง ประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือในทุก ๆ เรื่อง และญี่ปุ่นเองก็ไม่สามารถคาดหวังความช่วยเหลือจากประเทศอื่นได้
- เมื่อก้าวข้ามกำแพงภาษาได้ ข้อได้เปรียบในการรวบรวมข้อมูลก็จะตกเป็นของประเทศอื่น ๆ
- จาบาพูดขึ้นมาว่า เขาต้องการให้ประเทศญี่ปุ่นอนุญาตให้มีตัวแทนของเขาอยู่ที่ญี่ปุ่น (คนที่จะอยู่สังเกตการณ์ก็คือ ครอส (น่าจะแฝดมารุ)
จาบา : มีเหตุผลอะไรที่ลังเลบ้างไหม
อูซามิ : เราไม่สามารถให้อยู่ที่นี่ได้ เว้นแต่ว่าเราจะเข้าใจว่าไม่มีความเป็นปริปักษ์กับประเทศเรา
- และแล้วก็มีมนุษย์ต่างดาวอีกคนเดินมา ออร่ากดดันมหาศาลแผ่ไปทั่วห้อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ออร่าแบบนี้น่าจะระดับเดียวกับ เรียวเมน สุคุนะ ด้วยซ้ำ
- หลังจากการหาลือกัน อูซามิก็บอกว่า ถ้าพวกมนุษย์ต่างดาวพวกนี้จริงจัง ก็สามารถล้มประเทศได้ง่าย ๆ สถานการณ์ตอนนี้ก็คือชัดเจนแล้ว
- และอูซามิก็ตั้งใจจะมอบหมายเรื่องนี้ให้กับพี่น้องอคคทสึ มิโนะแย้งว่าพี่น้องคู่นี้มีความสามารถ แต่อายุยังน้อย
- มนุษย์ต่างดาว ชาวซิมูเรีย ตอนนี้มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัย แต่อยู่ในขอบเขตของการรายงานตนเองอย่างเคร่งคัด และถูกเก็บเป็นความลับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- นับตั้งแต่เกิดเรืองเกมจรดลล้างบาง ญี่ปุ่นก็เริ่มนิ่งเฉยภายในสัญญาความมั่นคง และลงเอยด้วยการพึ่งพาอาศัยกระแสชาตินิยมรุนแรงในอเมริกา
- ถ้าข้อมูลของชาวซิมูเรียถูกเปิดเผย การเคลื่อนไหวของความรู้สึกไม่เอาใครของประชาชนจะนำไปสู่ความขัดแย้ง และจะเกิดสงครามในที่สุด อูซามิจึงบอกว่า สงครามจะไม่เกิดขึ้น และเราต้องหลีกเลี่ยงมันให้ได้
- อูซามิคิดไว้ว่า สิ่งที่พวกเราต้องมุ่งหวังคือ การเป็นมิตรต่อกันอย่างแท้จริง สิ่งที่จะละลายกำแพงในใจของชาวซิมูเรียลงได้ ไม่ใช่พิธีรีตองแบบผู้ใหญ่ แต่เป็นจิตวิญญาณของรุ่นต่อไปต่างหาก
- มิโนะ บอกว่าจะมอบชะตาชีวิตของชาวญี่ปุ่นไว้กับเด็กชายและ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พวกนี้หรอ
- อุซามิ จึงบอกว่า เขาทำในสิ่งที่ต้องทำในฐานะผู้ใหญ่
ตัดกลับมาปัจจุบัน
- ยูกะบอกว่า เรื่องมนุษย์ต่างดาวเนี่ยหมายความว่าไง เรื่องมันชักจะเลยเถิดไปแล้วไม่ใช่หรอ
- สึรุกิ จึงบอกว่า สิ่งนี่คือสิ่งที่นักคุณไสยที่ลักพาตัวเด็ก ๆ พูดว่า "เอเลี่ยนกำลังมา"
สึรุกิ : ภายใต้สัญญาความมั่นคง การทูตระหว่างมนุษย์ต่างดาวถูกยกให้เป็นหน้าที่ของญี่ปุ่น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาปฏิบัติต่อเอเลี่ยนพวกนี้อย่างกับเป็นเรื่องเร่งด่วนระดับเดียวกับเรียวเมน สุคุนะ
ยูกะ : เรียวเมน สุคุนะ ? คนที่ทำให้คุณปู่มีรอยแผลบนน้าผากน่ะหหรอ นี่นายเชื่อจริง ๆ หรอ
สึรุกิ : ถึงแม้ไอ้หมอนี้จะเป็นขยะ แต่จิตวิญญาณของมันน่าจะไม่โกหกนะ การค้ามนุษย์ของญี่ปุ่นเป็นธุรกิจขนาดใหญ่มาก มีมูลค่าหลักหลายร้อยล้าน แต่เขากลับตัดสินใจถอนตัวจากการค้ามนุษย์เพราะมนุษย์ต่างดาวพวกนี้
สึรุกิ : เธอก็เห็นแล้วไม่ใช่ (ตาที่สามของมารุ)
ยูกะ : นักคุณไสยที่มีรูปร่างหน้าตาแปลก ๆ ก็มีไม่น้อยนะ
สึรุกิ : ถึงบางคนจะมีตาไม่กี่ข้างก้เถอะ ก็ไม่มีใครมีตาเยอะแบบนั้นหรอกนะ ....
- สึรุกิบอกว่า อูซามิส่งมารุมาแบบนี้ทั้งที่น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นมนุษย์ต่างดาว แปลว่าข้อมูลไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้
ยูกะบอกว่าเธอจะไม่ไปถามอูซามฺิหรอ แต่จะถามมารุตรง ๆ ไปเลย สึรุกิจึงบอกว่า จะถามยังไง
- สุดท้ายทั้งสองคนก็ตัดสินใจถามคนก่อเรื่อง ว่าสรุป มนุษย์ต่างดาวเนี่ยเรื่องจริงไหม
คนก่อเรื่องบอกว่าเรื่องจริง แถมเขารู้ด้วยความเป็นชาวซิมูเรีย และตอนนี้มีชิปอวกาศที่บรรจุชาวซิมูเรียอยู่เหนือประเทศนี้ประมาณ 50,000 ชิป
สึรุกิจึงถามว่ามันเป็นไปได้หรอ ที่ชิปบรรจุพวกนั้น ที่น่าจะมีขนาดใหญ่ลอยไปมาโดยไม่มีใครเห็น
นักคุณไสยที่จับเด็กไปจึงบอกว่า
คนก่อเรื่อง : พรุ่งนี้ตอนสองทุ่ม ที่ราบสูงคุรุมะยามะ จังหวัดนากาโนะ ถ้าเทคนิคม่านทำให้ยานอวกาศล่องหนได้
มันอาจคลายตัวลงมา พอที่นักคุณไสยจะมองเห็นได้ระหว่างการเติมเสบียง ไปดูด้วยตาตัวเองสิ
จังหวัดนากาโนะ ที่ราบสูงคุรุมะยามะ
ยูกะ: เราจะขึ้นไปบนยอดแบบนี้ มันเป็นไปได้ไหมว่ามันอาจจะอยู่ที่อื่น
สึรุงิ: ถ้ามียานอวกาศกับภูเขา ปกตินายก็จะขึ้นไปบนยอดอยู่แล้วหรือเปล่า
ยูกะ: ... แหวน
สึรุงิ: ฉันไม่คืนให้หรอก คุณยายถูกปฏิบัติราวกับเป็นผู้แพ้ในสามตระกูลใหญ่ แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้และปิดปากทุกคนด้วยฝีมือของเธอ
ยูกะ: เดี๋ยวนะ เธอไม่ได้ฆ่าล้างทั้งครอบครัวหรอกเหรอ แทนที่จะใช้คำว่าปิดปาก
สึรุงิ: นั่นแหละที่ฉันอยากเป็น
ยูกะ: เรากำลังไล่ตามความจริงของตัวเอง
หลังจากที่พวกสึรุกิ กลับมาจากการดูเอเลี่ยน ก็ไปพบเข้ากับครอส (สุรึกิ นึกว่าเป็นมารุ)
สึรุงิ : ถ้านายอยู่ข้างบนนี้ คนอื่นคงคิดว่านายจะโดดแล้วตำรวจจะเรียก มองอะไรอยู่ ไม่มีของแบบนั้นอยู่บนดาวนายเหรอ
ครอส: หุบปากซะ อย่ามาคุยกับฉัน
- แล้วครอสก็หายลับตาไป
สึรุงิ: ไอ้หมอนั่นมันอะไรวะ!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้