คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
สิ่งที่คุณทำอยู่ คือ การกดเก็บอารมณ์ (emotional suppression) เพื่อให้ทำงานบริการได้ราบรื่น ลูกค้าและหัวหน้ารับรู้คุณในแง่ดี
แต่ร่างกายกับใจของคุณเองยัง “รับรู้ความรู้สึกจริง” อยู่ จึงเกิดอาการอย่างที่บอก ร้อนอก มวนท้อง ปวดไส้ กลุ้มใจ
ผลกระทบถ้าเก็บไว้ตลอด
ร่างกาย
อารมณ์ที่ถูกกดเก็บไว้บ่อย ๆ จะกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ (sympathetic nervous system) เหมือนร่างกายอยู่ในโหมด “สู้หรือหนี” ตลอดเวลา
อาจทำให้ความดันขึ้น หัวใจเต้นแรง กระเพาะหลั่งกรดมากขึ้น อาจเสี่ยงเป็นโรคกระเพาะ กรดไหลย้อน หรือปวดท้องเรื้อรังได้
ถ้าเจอบ่อย ๆ ร่างกายอาจเหนื่อยง่าย ปวดหัว ตึงไหล่ หลัง หรือแม้แต่นอนไม่หลับ
จิตใจ
การเก็บอารมณ์ไม่ได้แปลว่ามันหายไป มันแค่ “กองไว้ข้างใน”
บางครั้งพอสะสมมาก ๆ จะมีอาการวูบโกรธง่าย หงุดหงิด หรือหมดไฟ ทำงานไปแบบอัตโนมัติ
ถ้าไม่หาทางระบายหรือคลาย อาจกลายเป็นความเครียดเรื้อรัง หรือซึมเศร้าได้
วิธีที่ช่วยได้ (โดยไม่เสียภาพลักษณ์งานบริการ)
แยกเวลา “อยู่กับอารมณ์”
เวลาเจอเคสที่ทำให้โกรธ ให้บอกตัวเองว่า “ตอนนี้เราต้องทำงาน ขอเก็บไว้ก่อน” แล้วหาเวลาส่วนตัว (หลังเลิกงาน, ช่วงพัก) นั่งเงียบ ๆ
รู้สึกกับมันเต็ม ๆ สัก 5–10 นาที ให้มันได้ “ออกมา”
บางทีการเขียนระบายลงกระดาษ หรือบอกกับเพื่อนสนิท/คนที่ไว้ใจได้ ก็ช่วยลดแรงกดไว้ในอกได้
คลายร่างกาย
เวลาร้อนในอกหรือมวนท้อง ลองหายใจเข้าลึก ๆ นับ 1–4 แล้วผ่อนออกยาว ๆ นับ 1–6 ทำซ้ำ 5–10 รอบ จะช่วยให้ระบบประสาทเข้าสู่โหมดพักผ่อน (parasympathetic)
ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดินเร็ว โยคะ หรือกำมือแน่นแล้วคลาย จะช่วยให้ร่างกายระบายพลังอารมณ์ออกได้
ใช้ธรรมะที่คุณศึกษา
ไม่ใช่ “ห้ามโกรธ” แต่เป็น “เห็นโกรธแล้วไม่ยึดติด”
เวลารู้สึกโกรธ ให้ลองสังเกตมันเหมือนดูเมฆผ่านไป “อ้อ ตอนนี้โกรธ มันร้อนอก มวนท้อง” แค่รู้ทันโดยไม่ต้องผลักไส อารมณ์จะค่อย ๆ เบาลงเอง
สรุป:
การเก็บอารมณ์แล้วทำตัวปกติ ไม่ผิด เพราะช่วยให้คุณทำงานได้ แต่ถ้าเก็บไว้นานโดยไม่หาทางระบาย จะส่งผลเสียทั้งกายและใจครับ สิ่งสำคัญคือหลังจาก “เก็บ” แล้ว ต้องมีวิธี “ปล่อย” ในเวลาที่เหมาะสมด้วย..
วิธีระบายอารมณ์ในที่ทำงาน (แบบเงียบ ๆ)
- หายใจรีเซ็ตอารมณ์ (Mini Breathing Reset) เวลารู้สึกโกรธหรือร้อนในอก ให้หายใจเข้าลึก ๆ (นับในใจ 1–4)
กลั้นไว้แป๊บเดียว แล้วค่อย ๆ ผ่อนออกช้า ๆ (นับ 1–6) ทำ 2–3 รอบก็ช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง ร่างกายคลายอาการ “ไฟลุกในอก” ได้
- กำแล้วคลาย (Hand Squeeze)
แอบกำมือแน่น ๆ ใต้เคาน์เตอร์ โต๊ะ หรือในกระเป๋ากางเกงสัก 5 วินาที
แล้วคลายออกช้า ๆ ทำซ้ำ 2–3 รอบ จะช่วยระบายพลังอารมณ์ที่มันค้างในร่างกาย
- เขียนระบายแบบลับ ๆ (Micro Journaling)
ถ้ามีสมุดโน้ตเล็ก ๆ หรือในมือถือ (โน้ตแอป) แค่พิมพ์สั้น ๆ เช่น “โกรธมากเลยตอนนี้ รู้สึกมวนท้อง”
การเขียนเหมือนเอาอารมณ์ออกจากหัวใจ มาวางไว้บนตัวหนังสือ ช่วยเบาใจทันที
- พักสายตา + ขยับตัว
ถ้ามีโอกาส เดินไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น หรือล้างมือแรง ๆ ให้รู้สึกสดชื่น มันเหมือนการรีเซ็ตทั้งร่างกายและอารมณ์
- ใช้รอยยิ้มแบบ “สมอล์ยิ้ม” (micro-smile)
ไม่ต้องยิ้มกว้าง แค่ยกมุมปากนิด ๆ พร้อมหายใจลึก ๆ จะส่งสัญญาณกลับไปที่สมองให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นจริง ๆ
เคล็ดลับคือ ไม่ต้องพยายาม “ทำให้หายโกรธทันที”
แต่ให้ “หาที่ระบายเล็ก ๆ” ระหว่างวัน เพื่อไม่ให้มันกดทับสะสมในร่างกาย
แต่ร่างกายกับใจของคุณเองยัง “รับรู้ความรู้สึกจริง” อยู่ จึงเกิดอาการอย่างที่บอก ร้อนอก มวนท้อง ปวดไส้ กลุ้มใจ
ผลกระทบถ้าเก็บไว้ตลอด
ร่างกาย
อารมณ์ที่ถูกกดเก็บไว้บ่อย ๆ จะกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ (sympathetic nervous system) เหมือนร่างกายอยู่ในโหมด “สู้หรือหนี” ตลอดเวลา
อาจทำให้ความดันขึ้น หัวใจเต้นแรง กระเพาะหลั่งกรดมากขึ้น อาจเสี่ยงเป็นโรคกระเพาะ กรดไหลย้อน หรือปวดท้องเรื้อรังได้
ถ้าเจอบ่อย ๆ ร่างกายอาจเหนื่อยง่าย ปวดหัว ตึงไหล่ หลัง หรือแม้แต่นอนไม่หลับ
จิตใจ
การเก็บอารมณ์ไม่ได้แปลว่ามันหายไป มันแค่ “กองไว้ข้างใน”
บางครั้งพอสะสมมาก ๆ จะมีอาการวูบโกรธง่าย หงุดหงิด หรือหมดไฟ ทำงานไปแบบอัตโนมัติ
ถ้าไม่หาทางระบายหรือคลาย อาจกลายเป็นความเครียดเรื้อรัง หรือซึมเศร้าได้
วิธีที่ช่วยได้ (โดยไม่เสียภาพลักษณ์งานบริการ)
แยกเวลา “อยู่กับอารมณ์”
เวลาเจอเคสที่ทำให้โกรธ ให้บอกตัวเองว่า “ตอนนี้เราต้องทำงาน ขอเก็บไว้ก่อน” แล้วหาเวลาส่วนตัว (หลังเลิกงาน, ช่วงพัก) นั่งเงียบ ๆ
รู้สึกกับมันเต็ม ๆ สัก 5–10 นาที ให้มันได้ “ออกมา”
บางทีการเขียนระบายลงกระดาษ หรือบอกกับเพื่อนสนิท/คนที่ไว้ใจได้ ก็ช่วยลดแรงกดไว้ในอกได้
คลายร่างกาย
เวลาร้อนในอกหรือมวนท้อง ลองหายใจเข้าลึก ๆ นับ 1–4 แล้วผ่อนออกยาว ๆ นับ 1–6 ทำซ้ำ 5–10 รอบ จะช่วยให้ระบบประสาทเข้าสู่โหมดพักผ่อน (parasympathetic)
ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดินเร็ว โยคะ หรือกำมือแน่นแล้วคลาย จะช่วยให้ร่างกายระบายพลังอารมณ์ออกได้
ใช้ธรรมะที่คุณศึกษา
ไม่ใช่ “ห้ามโกรธ” แต่เป็น “เห็นโกรธแล้วไม่ยึดติด”
เวลารู้สึกโกรธ ให้ลองสังเกตมันเหมือนดูเมฆผ่านไป “อ้อ ตอนนี้โกรธ มันร้อนอก มวนท้อง” แค่รู้ทันโดยไม่ต้องผลักไส อารมณ์จะค่อย ๆ เบาลงเอง
สรุป:
การเก็บอารมณ์แล้วทำตัวปกติ ไม่ผิด เพราะช่วยให้คุณทำงานได้ แต่ถ้าเก็บไว้นานโดยไม่หาทางระบาย จะส่งผลเสียทั้งกายและใจครับ สิ่งสำคัญคือหลังจาก “เก็บ” แล้ว ต้องมีวิธี “ปล่อย” ในเวลาที่เหมาะสมด้วย..
วิธีระบายอารมณ์ในที่ทำงาน (แบบเงียบ ๆ)
- หายใจรีเซ็ตอารมณ์ (Mini Breathing Reset) เวลารู้สึกโกรธหรือร้อนในอก ให้หายใจเข้าลึก ๆ (นับในใจ 1–4)
กลั้นไว้แป๊บเดียว แล้วค่อย ๆ ผ่อนออกช้า ๆ (นับ 1–6) ทำ 2–3 รอบก็ช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง ร่างกายคลายอาการ “ไฟลุกในอก” ได้
- กำแล้วคลาย (Hand Squeeze)
แอบกำมือแน่น ๆ ใต้เคาน์เตอร์ โต๊ะ หรือในกระเป๋ากางเกงสัก 5 วินาที
แล้วคลายออกช้า ๆ ทำซ้ำ 2–3 รอบ จะช่วยระบายพลังอารมณ์ที่มันค้างในร่างกาย
- เขียนระบายแบบลับ ๆ (Micro Journaling)
ถ้ามีสมุดโน้ตเล็ก ๆ หรือในมือถือ (โน้ตแอป) แค่พิมพ์สั้น ๆ เช่น “โกรธมากเลยตอนนี้ รู้สึกมวนท้อง”
การเขียนเหมือนเอาอารมณ์ออกจากหัวใจ มาวางไว้บนตัวหนังสือ ช่วยเบาใจทันที
- พักสายตา + ขยับตัว
ถ้ามีโอกาส เดินไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น หรือล้างมือแรง ๆ ให้รู้สึกสดชื่น มันเหมือนการรีเซ็ตทั้งร่างกายและอารมณ์
- ใช้รอยยิ้มแบบ “สมอล์ยิ้ม” (micro-smile)
ไม่ต้องยิ้มกว้าง แค่ยกมุมปากนิด ๆ พร้อมหายใจลึก ๆ จะส่งสัญญาณกลับไปที่สมองให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นจริง ๆ
เคล็ดลับคือ ไม่ต้องพยายาม “ทำให้หายโกรธทันที”
แต่ให้ “หาที่ระบายเล็ก ๆ” ระหว่างวัน เพื่อไม่ให้มันกดทับสะสมในร่างกาย
แสดงความคิดเห็น
ถ้าเราเก็บอารมณ์ไว้ และแสดงออกแบบปกติไปเรื่อยๆ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพมั้ยครับ ?
ต้องพยายามยิ้มแย้ม สดใสต่อหน้าลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้มีความสุขเวลาใช้บริการกับที่ร้านครับ
บางครั้งก็มีทำงานผิดพลาดบ้าง หัวหน้า ก็ว่าไปตามเหตุตามผล ลูกค้ามาคอมเพลนบ้างก็ว่าไปตามเหตุตามผล
ผมก็ปรับปรุงแก้ไข ในส่วนนี้เข้าใจได้ แต่อาจมีอารมณ์เข้ามาบ้าง แต่ก็เก็บไว้และก็ทำตัวปกติให้มากที่สุด
แม้ว่าบางทีก็โกรธ แต่ก็ไม่อยากโทษใคร ในบางกรณี เพราะเราก็มีส่วนผิดในความผิดพลาดโดยรวม
**คำถามคือ หากผมเก็บอารมณ์ไว้แล้วทำตัวปกติไปเรื่อยๆนี่เป็นปัญหาต่อสุขภาพมั้ยครับ
(ผมจับความรู้สึกได้ว่าตอนมีอารมณ์เนี่ยมันจะร้อนในอก ปวดไส้ มวนท้อง ร้อนรุ่มกลุ้มใจผมแต่ก็ปล่อยมันไป เพราะรู้ว่าเดียวสบายใจมันก็หายไปเอง)
ผมก็ศึกษาธรรมะมาเรื่อยๆเหมือนกันครับ รู้ว่ามันไม่เที่ยงก็จริง
แต่อาการร้อนรุ่มกลุ้มใจ นี่ถ้าเป็นบ่อยๆจะส่งผลเสียมั้ยครับ …
ขอบคุณล่วงหน้าครับ