G-Token คืออะไร?
G-Token หรือ
Government Token เป็นเหมือนการแปลงร่างของ
"พันธบัตรดิจิทัล" ที่กระทรวงการคลังนำมาปรับโฉมใหม่ให้เข้ากับยุคดิจิทัล โดยมีหลักการคล้ายกับการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ที่เราคุ้นเคยกัน
G-Token ทำงานยังไง?
ลองจินตนาการว่า G-Token คือ "ตั๋วเงินดิจิทัล" ที่ออกโดยรัฐบาล เมื่อคุณซื้อ G-Token คุณก็จะได้ถือครอง "ตั๋ว" นี้ไว้ และเมื่อถึงเวลา รัฐบาลก็จะจ่ายเงินต้นคืนพร้อมกับดอกเบี้ยตามที่ได้กำหนดไว้ให้
ถึงแม้จะเป็นตั๋วเงินดิจิทัลที่ดูทันสมัย แต่ G-Token
ไม่สามารถใช้ชำระหนี้ตามกฎหมายได้ นะครับ เพราะมันถูกสร้างมาเพื่อเป็นเครื่องมือการลงทุน โดยใช้เทคโนโลยี
Blockchain ที่ปลอดภัยและโปร่งใส เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ
รายละเอียดสำคัญของ G-Token มีอะไรบ้าง?
ซื้อขายง่าย: ซื้อได้ผ่านแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มที่ ก.ล.ต. อนุญาต ทั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและ ICO Portal
ปลอดภัย โปร่งใส: ข้อมูลการเป็นเจ้าของและทุกธุรกรรมถูกบันทึกบน Blockchain ทำให้ตรวจสอบได้และปลอดภัย
รัฐบาลค้ำประกัน: มั่นใจได้เลยว่ารัฐบาลค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยตลอดอายุการลงทุน
ผลตอบแทนดี: ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไป
ลงทุนได้ทุกคน: เปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อยเข้าถึงได้ง่าย ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่ไม่สูงมากนัก
ระยะสั้น: ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนระยะสั้นประมาณ 1-3 ปี
ใครเป็นคนกำกับดูแล G-Token?
G-Token อยู่ภายใต้การดูแลของ
ก.ล.ต. ที่ทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งถือว่าเป็น
Investment Token หรือโทเคนเพื่อการลงทุนเหมือนกับ RealX Token นั่นเอง โดยอยู่ภายใต้กฎหมาย พ.ร.บ. การบริหารหนี้สินสาธารณะ และ พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
5 เหตุผลที่รัฐบาลไทยออก G-Token
1. เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อย: G-Token ทำให้การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับคนทั่วไปผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
2. ลดขั้นตอนและต้นทุน: การใช้ Blockchain ช่วยลดต้นทุนและขั้นตอนที่ยุ่งยากของระบบเดิม โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคาร
3. ทำธุรกรรมรวดเร็ว: ซื้อขายได้แบบ Real-Time ไม่ต้องรอหลายวันเหมือนพันธบัตรออมทรัพย์แบบเดิม ทำให้ซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดรองได้สะดวก
4. ปลอดภัยและตรวจสอบได้: ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ข้อมูลการทำธุรกรรมจึงปลอดภัยและตรวจสอบย้อนหลังได้ ยากต่อการแก้ไข
5. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล: เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินดิจิทัลในภูมิภาค และส่งเสริมการออมและการลงทุนอย่างทั่วถึง
นอกจาก G-Token แล้ว รัฐบาลยังสนับสนุนโทเคนดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Soft Power ของไทย เช่น T-Pop ด้วยค่ะ
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง G-Token และพันธบัตรรัฐบาล
1. ความหมายของ G-Token และพันธบัตรออมทรัพย์
G-Token (โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน)
คืออะไร: เป็นการลงทุนใน "พันธบัตรรัฐบาลแบบดิจิทัล" ที่คุณสามารถซื้อขายได้ง่ายๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือแอปพลิเคชัน
รูปแบบ: เป็นไฟล์ดิจิทัลที่บันทึกไว้บนเทคโนโลยี Blockchain
วงเงินที่ออก: ในช่วงแรกนี้จะเปิดขายอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท
พันธบัตรออมทรัพย์ (Saving Bond)
คืออะไร: เป็นการลงทุนแบบดั้งเดิมที่คนคุ้นเคยกันดี
รูปแบบ: เป็น "เอกสาร" หรือ "ระบบไร้ใบหลักทรัพย์" ที่บันทึกผ่านตัวกลางอย่างธนาคาร
วงเงินที่ออก: โดยปกติแล้วจะออกในวงเงินที่สูงกว่ามาก อยู่ที่ประมาณ 30,000 - 40,000 ล้านบาทต่อครั้ง
สรุปง่ายๆ: G-Token คือเวอร์ชันทันสมัยของพันธบัตรออมทรัพย์ ที่เปลี่ยนจากเอกสารมาอยู่ในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายและสะดวกขึ้นนั่นเองค่ะ
2. การเข้าถึง (Accessibility)
G-Token (โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน)
ซื้อที่ไหน? ซื้อขายง่ายๆ ผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล, บริษัทหลักทรัพย์ หรือธนาคารที่ร่วมโครงการ
พันธบัตรออมทรัพย์ (Saving Bond)
ซื้อที่ไหน? ซื้อได้ผ่านแอปฯ "วอลเลต สบม." หรือที่ธนาคารตัวแทนที่ได้รับแต่งตั้ง ซึ่งมีทั้งช่องทางออนไลน์และเคาน์เตอร์ปกติ
3. การซื้อขายผ่านตลาดรอง
G-Token (โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน)
ซื้อขายคล่องตัวสุดๆ: G-Token สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ทันทีแบบ
Real-Time บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ทำให้สะดวกและรวดเร็วมาก
พันธบัตรออมทรัพย์ (Saving Bond)
ใช้เวลาในการซื้อขาย: การซื้อขายในตลาดรองจะใช้เวลาพอสมควร
ประมาณ 7-10 วันทำการ แถมบางครั้งอาจจะต้องถือไว้จนครบกำหนดเลยก็ได้
4. การลงทุนขั้นต่ำ
G-Token (โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน)
ลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่หน่วยละ 1-100 บาท ซึ่งถือว่าลงทุนต่ำมาก อีกทั้งยังใช้ระยะเวลาลงทุน 1-3 ปี
Saving Bond (พันธบัตรออมทรัพย์) ลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่หน่วยละ 100-1,000 บาท ซึ่งถือว่าลงทุนสูง อีกทั้งยังใช้ระยะเวลาลงทุน 3-10 ปี
5. การยืนยันความเป็นเจ้าของ
G-Token (โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน)
เพราะการซื้อขายอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ทำให้การยืนยันความเป็นเจ้าของและสิทธิในการถือครองมีความปลอดภัยและสามารถตรวจสอบได้ง่าย
Saving Bond (พันธบัตรออมทรัพย์)
การยืนยันความเป็นเจ้าของจะต้องผ่านระบบทะเบียนกับตัวกลางที่ให้การกำกับดูแล ซึ่งใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบค่อนข้างยุ่งยาก เมื่อมีการตรวจสอบหรือโอนย้าย
พันธบัตรดิจิทัลใหม่แกะกล่องของรัฐบาลไทย: G-Token คืออะไร?
G-Token หรือ Government Token เป็นเหมือนการแปลงร่างของ "พันธบัตรดิจิทัล" ที่กระทรวงการคลังนำมาปรับโฉมใหม่ให้เข้ากับยุคดิจิทัล โดยมีหลักการคล้ายกับการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ที่เราคุ้นเคยกัน
G-Token ทำงานยังไง?
ลองจินตนาการว่า G-Token คือ "ตั๋วเงินดิจิทัล" ที่ออกโดยรัฐบาล เมื่อคุณซื้อ G-Token คุณก็จะได้ถือครอง "ตั๋ว" นี้ไว้ และเมื่อถึงเวลา รัฐบาลก็จะจ่ายเงินต้นคืนพร้อมกับดอกเบี้ยตามที่ได้กำหนดไว้ให้
ถึงแม้จะเป็นตั๋วเงินดิจิทัลที่ดูทันสมัย แต่ G-Token ไม่สามารถใช้ชำระหนี้ตามกฎหมายได้ นะครับ เพราะมันถูกสร้างมาเพื่อเป็นเครื่องมือการลงทุน โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ที่ปลอดภัยและโปร่งใส เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ
รายละเอียดสำคัญของ G-Token มีอะไรบ้าง?
ซื้อขายง่าย: ซื้อได้ผ่านแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มที่ ก.ล.ต. อนุญาต ทั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและ ICO Portal
ปลอดภัย โปร่งใส: ข้อมูลการเป็นเจ้าของและทุกธุรกรรมถูกบันทึกบน Blockchain ทำให้ตรวจสอบได้และปลอดภัย
รัฐบาลค้ำประกัน: มั่นใจได้เลยว่ารัฐบาลค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยตลอดอายุการลงทุน
ผลตอบแทนดี: ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไป
ลงทุนได้ทุกคน: เปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อยเข้าถึงได้ง่าย ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่ไม่สูงมากนัก
ระยะสั้น: ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนระยะสั้นประมาณ 1-3 ปี
ใครเป็นคนกำกับดูแล G-Token?
G-Token อยู่ภายใต้การดูแลของ ก.ล.ต. ที่ทำงานร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งถือว่าเป็น Investment Token หรือโทเคนเพื่อการลงทุนเหมือนกับ RealX Token นั่นเอง โดยอยู่ภายใต้กฎหมาย พ.ร.บ. การบริหารหนี้สินสาธารณะ และ พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
5 เหตุผลที่รัฐบาลไทยออก G-Token
1. เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อย: G-Token ทำให้การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับคนทั่วไปผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
2. ลดขั้นตอนและต้นทุน: การใช้ Blockchain ช่วยลดต้นทุนและขั้นตอนที่ยุ่งยากของระบบเดิม โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคาร
3. ทำธุรกรรมรวดเร็ว: ซื้อขายได้แบบ Real-Time ไม่ต้องรอหลายวันเหมือนพันธบัตรออมทรัพย์แบบเดิม ทำให้ซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดรองได้สะดวก
4. ปลอดภัยและตรวจสอบได้: ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ข้อมูลการทำธุรกรรมจึงปลอดภัยและตรวจสอบย้อนหลังได้ ยากต่อการแก้ไข
5. ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล: เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินดิจิทัลในภูมิภาค และส่งเสริมการออมและการลงทุนอย่างทั่วถึง
นอกจาก G-Token แล้ว รัฐบาลยังสนับสนุนโทเคนดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Soft Power ของไทย เช่น T-Pop ด้วยค่ะ
G-Token (โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน)
คืออะไร: เป็นการลงทุนใน "พันธบัตรรัฐบาลแบบดิจิทัล" ที่คุณสามารถซื้อขายได้ง่ายๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือแอปพลิเคชัน
รูปแบบ: เป็นไฟล์ดิจิทัลที่บันทึกไว้บนเทคโนโลยี Blockchain
วงเงินที่ออก: ในช่วงแรกนี้จะเปิดขายอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท
พันธบัตรออมทรัพย์ (Saving Bond)
คืออะไร: เป็นการลงทุนแบบดั้งเดิมที่คนคุ้นเคยกันดี
รูปแบบ: เป็น "เอกสาร" หรือ "ระบบไร้ใบหลักทรัพย์" ที่บันทึกผ่านตัวกลางอย่างธนาคาร
วงเงินที่ออก: โดยปกติแล้วจะออกในวงเงินที่สูงกว่ามาก อยู่ที่ประมาณ 30,000 - 40,000 ล้านบาทต่อครั้ง
สรุปง่ายๆ: G-Token คือเวอร์ชันทันสมัยของพันธบัตรออมทรัพย์ ที่เปลี่ยนจากเอกสารมาอยู่ในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายและสะดวกขึ้นนั่นเองค่ะ
2. การเข้าถึง (Accessibility)
G-Token (โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน)
ซื้อที่ไหน? ซื้อขายง่ายๆ ผ่านช่องทางดิจิทัล เช่น ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล, บริษัทหลักทรัพย์ หรือธนาคารที่ร่วมโครงการ
พันธบัตรออมทรัพย์ (Saving Bond)
ซื้อที่ไหน? ซื้อได้ผ่านแอปฯ "วอลเลต สบม." หรือที่ธนาคารตัวแทนที่ได้รับแต่งตั้ง ซึ่งมีทั้งช่องทางออนไลน์และเคาน์เตอร์ปกติ
ซื้อขายคล่องตัวสุดๆ: G-Token สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ทันทีแบบ Real-Time บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ทำให้สะดวกและรวดเร็วมาก
พันธบัตรออมทรัพย์ (Saving Bond)
ใช้เวลาในการซื้อขาย: การซื้อขายในตลาดรองจะใช้เวลาพอสมควร ประมาณ 7-10 วันทำการ แถมบางครั้งอาจจะต้องถือไว้จนครบกำหนดเลยก็ได้