อ.เจษฎ์ โพสต์แล้ว หลังคนกินตื่น "พริกป่น-ถั่วลิสง" พบสารพิษจริง แต่ป้องกันได้!



อ.เจษฎา ชี้ชัด "พริกป่น-ถั่วลิสง" ไม่ใช่ต้นเหตุหลักของมะเร็ง หากบริโภคและเก็บรักษาอย่างถูกวิธี
จากกระแสบนโซเชียลที่มีเพจหนึ่งออกมาเตือนว่า “คนไทยชอบกินเผ็ดจึงจบที่มะเร็ง” โดยอ้างผลวิจัยเกี่ยวกับการปนเปื้อนของสารอะฟลาทอกซินในพริกป่นและถั่วลิสงนั้น รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Jessada Denduangboripant ว่าเป็นการสื่อสารเกินจริง พร้อมยืนยันว่าแม้พบสารพิษดังกล่าวจริง แต่สามารถป้องกันได้ และไม่ใช่สาเหตุหลักของโรคมะเร็งในไทย
อาจารย์เจษฎาระบุว่า ก่อนหน้านี้เพจเดียวกันเคยโพสต์เตือนเรื่อง ถั่วลิสงก่อมะเร็ง โดยอ้างงานวิจัยที่ตรวจพบสารอะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นสารพิษจากเชื้อรา และล่าสุดยังเผยแพร่ข้อมูลในลักษณะเดียวกันเกี่ยวกับ พริกป่น โดยระบุว่า “คนไทยตายจากมะเร็งปีละเป็นแสน เพราะชอบกินเผ็ด”
เขาเตือนว่า ข้อความลักษณะนี้อาจทำให้ประชาชนตกใจ และเข้าใจผิดว่าอาหารเหล่านี้เป็นอันตรายร้ายแรง ทั้งที่ความจริงแล้ว สารอะฟลาทอกซินสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยวิธีการเก็บรักษาและการเลือกซื้อที่ถูกต้อง
อะฟลาทอกซินคืออะไร?
อะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) เป็นสารพิษจากเชื้อรา ซึ่งอาจปนเปื้อนในอาหารแห้ง เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด พริกป่น ปลาแห้ง หรือผลไม้อบแห้ง โดยเฉพาะในสภาพอากาศชื้น อย่างฤดูฝนของไทย
สารนี้ทนความร้อนได้สูงถึง 260 องศาเซลเซียส การปรุงอาหารไม่สามารถทำลายได้ หากได้รับในปริมาณมากหรือสะสมในระยะยาว อาจก่อให้เกิดโรคตับ ตับแข็ง หรือ มะเร็งตับ ได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับ อายุ เพศ พันธุกรรม และโภชนาการของแต่ละคน
สาเหตุหลักของมะเร็งตับ ไม่ใช่พริกป่นหรือถั่วลิสง
รศ.ดร.เจษฎาชี้ว่า แม้อะฟลาทอกซินสามารถก่อมะเร็งตับได้ แต่ สาเหตุหลักของโรคมะเร็งตับในคนไทย มาจากไวรัสตับอักเสบบี/ซี การดื่มแอลกอฮอล์ โรคอ้วน และเบาหวาน มากกว่าการบริโภคอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อน
อีกทั้ง งานวิจัยที่เพจนำมาอ้าง ยังไม่ใช่ข้อสรุปสุดท้าย เพจดังกล่าวอ้างอิงงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปี 2020 ที่ศึกษาเชื้อราในพริกป่นและพริกแห้ง แต่ รศ.ดร.เจษฎา ชี้แจงว่างานวิจัยนี้เป็นเพียงการทดลองเลี้ยงเชื้อในห้องปฏิบัติการ ยังไม่ใช่การตรวจวัดปริมาณอะฟลาทอกซินในผลิตภัณฑ์ที่ขายจริง
การปนเปื้อนมีจริง แต่รัฐมีมาตรการควบคุม
ข้อมูลจาก อย. ระบุว่า ไทยมีการเฝ้าระวังสินค้าอาหารนำเข้า เช่น พริก ถั่วลิสง กระเทียม อย่างเข้มงวด หากพบการปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน (20 พีพีบี) จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังได้กำหนดเกณฑ์มาตรฐานการปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซินไว้ตั้งแต่ปี 2529 และมีการสุ่มตรวจอาหารแห้งในตลาดอย่างต่อเนื่อง
วิธีป้องกันสารอะฟลาทอกซินในชีวิตประจำวัน
เลือกซื้อวัตถุดิบแห้งจากแหล่งที่เชื่อถือได้ บรรจุภัณฑ์สะอาด ไม่ชื้น ไม่ขึ้นรา
เก็บอาหารแห้งในที่แห้ง เย็น ไม่เก็บไว้นานเกินไป
หากพบเชื้อรา หรือกลิ่นอับในอาหาร ควรทิ้งทั้งหมด ไม่ควรตัดเฉพาะส่วนออก
ถ้าปรุงเอง ควรเลือกถั่วลิสงหรือพริกป่นที่ใหม่ สด ไม่มีกลิ่นผิดปกติ
รศ.ดร.เจษฎาตั้งข้อสังเกตว่า เพจที่เผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้มีแนวโน้มโฆษณาขายสินค้าของตัวเองที่อ้างว่าปลอดสารพิษ จึงอาจมีเจตนา “ปั่นกระแสความกลัว” เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
การพบสารอะฟลาทอกซินในอาหารแห้งบางชนิดเป็นเรื่องจริงที่ควรระวัง แต่ไม่ควรตกใจหรือแชร์ข้อมูลที่ทำให้เกิดความหวาดกลัวเกินจริง ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถป้องกันได้ด้วยการเลือกซื้ออย่างระมัดระวัง และหน่วยงานรัฐเองก็มีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว

https://www.sanook.com/news/9840754/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่