จากอาหารหมู สู่เมนูของหรูหรา "ไข่ปลาคาเวียร์" ราคาพุ่งสุดแตะ 3 ล้านบาท/กิโลกรัม
ในอดีต ไข่ปลาคาเวียร์เคยถูกชาวประมงนำไปเลี้ยงหมู หรือแม้แต่ทิ้งไว้ให้เน่าเสียตามชายฝั่ง เพราะไม่มีใครเห็นคุณค่า แต่ปัจจุบัน ไข่ปลาคาเวียร์กลายเป็นหนึ่งในอาหารสุดหรูที่มีราคาสูงลิ่ว ถึงขั้นแตะหลักล้านบาทต่อกิโลกรัม และสงวนไว้สำหรับชนชั้นสูงหรือเศรษฐีระดับโลกเท่านั้น
สุดยอดไข่ปลาจาก "ปลาสเตอร์เจียน" หายาก ซื้อกินไม่ง่าย
ไข่ปลาคาเวียร์ผลิตจากไข่ของ ปลาสเตอร์เจียน โดยเฉพาะสายพันธุ์หายากอย่าง Sterlet, Osetra, Sevruga และ Beluga ในกลุ่มนี้ ไข่ปลาของปลาสเตอร์เจียนเผือก (Albino Sturgeon) ถือว่าเป็นของหายากที่สุด และมีราคาสูงถึง 114,000 ดอลลาร์สหรัฐ/กิโลกรัม หรือประมาณ 3 ล้านบาท
ราคานี้ยังแพงกว่าไข่ปลาคาเวียร์จาก Beluga ของอิหร่านที่มีราคาประมาณ 35,000 ดอลลาร์/กิโลกรัม (ราว 1.2 ล้านบาท) อีกด้วย
ไข่ปลาคาเวียร์สุดหรูนี้ ไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป เนื่องจากผลิตจำนวนน้อยมาก และมักจำหน่ายเฉพาะตามคำสั่งซื้อพิเศษเท่านั้น ร้านค้าทั่วไปไม่มีวางจำหน่าย
ปลาสเตอร์เจียนเผือก ถูกเลี้ยงแบบหรูหราในสภาพแวดล้อมระดับ “5 ดาว” ใช้เวลาถึง 8-10 ปีจึงสามารถเก็บไข่ได้ โดยต้องใช้ไข่ถึง 5 กิโลกรัมผ่านกระบวนการลดน้ำหนักเพื่อให้ได้ไข่ปลาคาเวียร์ 1 กิโลกรัม และยังถูกผสมกับ ทองคำ 22 กะรัต เพื่อเพิ่มความพรีเมียมอีกขั้น
ผลิตภัณฑ์นี้ส่วนใหญ่ส่งตรงถึงราชวงศ์และลูกค้าระดับไฮเอนด์ตามภัตตาคารหรูทั่วโลก เช่น ในโมนาโกและดูไบ
รู้หรือไม่? อดีตเคยไร้ค่า ถึงขั้นเป็นอาหารสัตว์
หลายคนอาจไม่รู้ว่าในช่วงศตวรรษที่ 19 ไข่ปลาคาเวียร์เคยไม่มีมูลค่า ชาวประมงในยุโรปและรัสเซียมักจับปลาได้มาก แต่ไม่มีตลาดรองรับไข่ปลา จึงนำไปใช้เลี้ยงหมู หรือทิ้งไว้ตามชายหาดให้เน่าเสียโดยไม่สนใจ
ที่สหรัฐอเมริกา ไข่ปลาคาเวียร์เคยถูกแจกฟรีตามบาร์ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากระหายน้ำและซื้อเครื่องดื่มเพิ่ม เช่นเดียวกับการแจกถั่วหรือของขบเคี้ยวในยุคปัจจุบัน
ต้องรอถึงศตวรรษที่ 20 ปลาและไข่ปลาสตอร์เจียนจึงเริ่มหายาก จากปัจจัยสิ่งแวดล้อม เช่น แหล่งน้ำปนเปื้อน เขื่อนขวางทางวางไข่ และการจับปลาเกินความจำเป็น
ปลาสตอร์เจียนต้องใช้เวลานานถึง 8-20 ปี กว่าจะโตเต็มที่และพร้อมออกไข่ แม้จะวางไข่ได้เป็นพันฟอง แต่มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่รอดจนโตเต็มวัย
เสี่ยงสูญพันธุ์ยิ่งเพิ่มมูลค่า พัฒนาแนวทางเลี้ยงเพื่ออนาคต
ปี 2010 องค์กร International Union for Conservation of Nature (IUCN) ได้ประกาศให้ปลาสเตอร์เจียน 18 สายพันธุ์อยู่ใน บัญชีแดงของสัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์ ส่งผลให้ปลากลุ่มนี้กลายเป็นสัตว์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์มากที่สุดในโลก และแน่นอนว่าทำให้มูลค่าของมันเพิ่มลูกขึ้น
แม้จะช่วยให้มีมาตรการป้องกันมากขึ้น แต่ความหายากนี้ก็ยิ่ง ผลักดันให้ราคาสูงขึ้น เพราะกลายเป็นของล้ำค่าที่ผู้คนแย่งกันครอบครอง
ปัจจุบันไข่ปลาคาเวียร์ส่วนใหญ่ถูกผลิตจากฟาร์ม และเริ่มมีการทดลองใช้วิธีใหม่ที่ ไม่ต้องฆ่าปลา โดยฉีดฮอร์โมนกระตุ้นให้วางไข่ ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมจากหลายฝ่าย แม้ยังไม่แพร่หลายเต็มรูปแบบ
วิธีนี้เคยถูกใช้ในวงการเพาะเลี้ยงปลามานาน เพื่อเพิ่มจำนวนปลา แต่หากประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ อาจช่วยให้ปลาสตอร์เจียนในธรรมชาติมีโอกาสฟื้นฟู
ไข่ปลาคาเวียร์เคยเป็นเพียงของเหลือทิ้ง แต่ปัจจุบันกลายเป็นสินค้าระดับไฮเอนด์ที่มีราคาสูงลิบจากความหายาก ความต้องการสูง และการเพาะเลี้ยงที่ซับซ้อน ทำให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของความหรูหราในโลกอาหาร
https://www.sanook.com/news/9840342/
คืออะไร?! จากอาหารหมู สู่เมนูหรูในจานมนุษย์ "แพงติดอันดับโลก" พุ่งสุด 3 ล้านบาท/กิโลกรัม