จากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าในอดีตอัตราการหย่าอยู่ที 40- 45% (แต่ง 10 คู่ หย่า 4.5 คู่) แต่ในปี 2567หย่าถึง 50% (แต่ง 10 คู่ หย่า 5 คู่)
>>> ถ้าไปงานแต่ง ให้คิดในใจได้เลยว่า โอกาสเตียงหัก 50:50 (แค่คิดในใจนะ ถ้าพูดออกมาจะโดยเจ้าภาพยำ)
และอย่าคิดนะว่า อีก 50% ที่ไม่หย่า จะมีความสุขในชีวิตคู่ บางคู่ก็ทนๆเอา ประมาณว่า น่าจะมีแค่ 2 คู่ที่มีความสุขสมหวัง
สรุปก็คือ แต่ง 10 คู่ หย่า 5 คู่ ทนๆอยู่ด้วยกัน 3 คู่
แล้วอีก 2 คู่ที่สมหวังเจอคนเข้ากันได้ อาจมีคนใดคนหนึ่งเจ็บไข้ได้ป่วย มีโรคประจำตัว หรือ มีปัญหาฝั่งญาติพ่อแม่พี่น้อง หรือ ปัญหาทางเศรษฐกิจ
ดังนั้นน่าจะเหลือที่ perfect จริงๆแค่ 0.5 คู่ (และใน 0.5 คู่นี้ พอบั้นปลายมีใครตายจากไปก่อน อีกคนที่เหลือจะทุกข์ทรมานมาก จนสิ้นอายุขัย)
>> คิดดูว่า การแต่งงานเสี่ยงขนาดไหน
ก็ขอเตือนๆกันไว้ ในฐานะ ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน
>> คติประจำวันนี้ ควรบวชก่อนเบียด เพราะถ้าเบียดก่อน จะบวชไม่สึก
เสน่หาชั่วข้ามคืน คือความทุกข์ชั่วนิรันดร์
Wise men say only fools rush in.
อัตราการหย่าร้าง ในปีทีแล้ว ขึ้นไปถึง 50% เลยทีเดียว
>>> ถ้าไปงานแต่ง ให้คิดในใจได้เลยว่า โอกาสเตียงหัก 50:50 (แค่คิดในใจนะ ถ้าพูดออกมาจะโดยเจ้าภาพยำ)
และอย่าคิดนะว่า อีก 50% ที่ไม่หย่า จะมีความสุขในชีวิตคู่ บางคู่ก็ทนๆเอา ประมาณว่า น่าจะมีแค่ 2 คู่ที่มีความสุขสมหวัง
สรุปก็คือ แต่ง 10 คู่ หย่า 5 คู่ ทนๆอยู่ด้วยกัน 3 คู่
แล้วอีก 2 คู่ที่สมหวังเจอคนเข้ากันได้ อาจมีคนใดคนหนึ่งเจ็บไข้ได้ป่วย มีโรคประจำตัว หรือ มีปัญหาฝั่งญาติพ่อแม่พี่น้อง หรือ ปัญหาทางเศรษฐกิจ
ดังนั้นน่าจะเหลือที่ perfect จริงๆแค่ 0.5 คู่ (และใน 0.5 คู่นี้ พอบั้นปลายมีใครตายจากไปก่อน อีกคนที่เหลือจะทุกข์ทรมานมาก จนสิ้นอายุขัย)
>> คิดดูว่า การแต่งงานเสี่ยงขนาดไหน
ก็ขอเตือนๆกันไว้ ในฐานะ ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน
>> คติประจำวันนี้ ควรบวชก่อนเบียด เพราะถ้าเบียดก่อน จะบวชไม่สึก
เสน่หาชั่วข้ามคืน คือความทุกข์ชั่วนิรันดร์
Wise men say only fools rush in.