ฮาวทู.. เช็กตัวเองง่ายๆ ว่า เป็น "ออฟฟิศซินโดรม" หรือยัง! แล้วอยู่ระดับไหน?
เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับคำว่า ออฟฟิศซินโดรม กันอยู่แล้วใช่มั้ยคะ ไม่ว่าจะทำงานออฟฟิศ เรียนออนไลน์ หรือนั่งหน้าคอมนานๆ ก็มีโอกาสเป็นได้ทั้งนั้น อาการหลักๆ ที่เจอกันบ่อยก็คือ ปวดหลัง ปวดคอ บ่า ไหล่ ตาพร่า มือชา ฯลฯ ซึ่งบางทีก็คิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ เดี๋ยวก็หายเอง แต่จริงๆ แล้วอาการเหล่านี้มี “ระดับความรุนแรง” ที่เราควรเช็กไว้เหมือนกันนะ
วันนี้เลยจะมาแชร์วิธีสังเกตตัวเองง่ายๆ ว่าเราอยู่ในระดับไหนแล้ว และควรเริ่มดูแลตัวเองยังไงบ้าง ก่อนจะเป็นหนักจนต้องหาหมอ
อาการปวดหลัง
ระดับ 1 : ปวดๆ หายๆ เป็นครั้งคราว พัก หรือปรับท่านั่งก็หาย
ระดับ 2 : ปวดบ่อยขึ้น ปวดต่อเนื่อง เริ่มรบกวนชีวิตประจำวัน
ระดับ 3 : ปวดเรื้อรัง ต้องพึ่งยา หรือบางรายอาจต้องถึงขั้นรักษาเฉพาะทาง
ปวดคอ บ่า ไหล่ ( 7 ท่าบริหารเฉพาะส่วนคอช่วยเคลื่อนไหวและลดภาวะออฟฟิศซินโดรม)
ระดับ 1 : ตึงๆ นิดหน่อย หายได้เอง นวดเบาๆ ก็ช่วยได้
ระดับ 2 : เริ่มปวดบ่อย ปวดตึงจนทำงานไม่ไหลลื่น
ระดับ 3 : ปวดเรื้อรัง ลามไปถึงหัว จนกลายเป็นไมเกรนได้เลย
อาการปวดตา / ตาพร่ามัว
ระดับ 1: ตาล้าๆ นิดหน่อย พักสายตา 3–5 นาทีอาการก็หาย
ระดับ 2: เริ่มมีอาการตาแห้ง แสบตา ตาแดงร่วมด้วย
ระดับ 3: ปวดจนมองเบลอ เห็นเป็นเส้นๆ จุดๆ น่าเป็นห่วงแล้ว
อาการปวดหัวไมเกรน (จะรู้ได้อย่างไรว่าปวดหัวแบบไหนเป็นไมเกรน)
ระดับ 1: ปวดหัวธรรมดาๆ พักแล้วก็ดีขึ้น
ระดับ 2: ปวดบ่อยขึ้น มีอาการปวดตุ๊บๆ
ระดับ 3: ปวดลามทั่วหัว ต้องพึ่งยา เสี่ยงกระทบสุขภาพหนัก
ปวดข้อมือ มือชา
ระดับ 1 : ปวดนิดๆ นวดแล้วหาย
ระดับ 2 : ปวดมากขึ้น มีอาการชาหรือเจ็บจี๊ด
ระดับ 3 : ปวด+ชา+เจ็บจี๊ดแรงๆ บางทีมีเสียงก๊อกๆ ที่ข้อมือด้วย
อาการปวดขา เหน็บชา
ระดับ 1: ปวดเล็กน้อย ลุกเดินแล้วดีขึ้น
ระดับ 2: ปวดพร้อมชาที่เท้า ลุกเดินลำบาก
ระดับ 3: ปวดและชาไปทั้งช่วงล่าง เหมือนโดนเข็มจิ้มที่ฝ่าเท้า
ถ้าใครเช็กแล้วรู้สึกว่าอาการตัวเองเริ่มเข้าขั้น ระดับ 2 แล้ว อย่าปล่อยไว้ เพราะถ้าปล่อยเรื้อรังจะรักษายากขึ้น แนะนำให้ลองปรับพฤติกรรม เช่น พักยืดเส้นยืดสายบ่อยๆ จัดท่านั่งให้ถูกต้อง หรือถ้าไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบคุณหมอเพื่อเช็กอย่างละเอียด จะได้รักษาและดูแลตัวเองทันก่อนที่อาการจะหนักเกินไป
ฮาวทู.. เช็กตัวเองง่ายๆ ว่า เป็น "ออฟฟิศซินโดรม" หรือยัง! แล้วอยู่ระดับไหน?
ฮาวทู.. เช็กตัวเองง่ายๆ ว่า เป็น "ออฟฟิศซินโดรม" หรือยัง! แล้วอยู่ระดับไหน?
เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับคำว่า ออฟฟิศซินโดรม กันอยู่แล้วใช่มั้ยคะ ไม่ว่าจะทำงานออฟฟิศ เรียนออนไลน์ หรือนั่งหน้าคอมนานๆ ก็มีโอกาสเป็นได้ทั้งนั้น อาการหลักๆ ที่เจอกันบ่อยก็คือ ปวดหลัง ปวดคอ บ่า ไหล่ ตาพร่า มือชา ฯลฯ ซึ่งบางทีก็คิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ เดี๋ยวก็หายเอง แต่จริงๆ แล้วอาการเหล่านี้มี “ระดับความรุนแรง” ที่เราควรเช็กไว้เหมือนกันนะ
วันนี้เลยจะมาแชร์วิธีสังเกตตัวเองง่ายๆ ว่าเราอยู่ในระดับไหนแล้ว และควรเริ่มดูแลตัวเองยังไงบ้าง ก่อนจะเป็นหนักจนต้องหาหมอ
อาการปวดหลัง
ระดับ 1 : ปวดๆ หายๆ เป็นครั้งคราว พัก หรือปรับท่านั่งก็หาย
ระดับ 2 : ปวดบ่อยขึ้น ปวดต่อเนื่อง เริ่มรบกวนชีวิตประจำวัน
ระดับ 3 : ปวดเรื้อรัง ต้องพึ่งยา หรือบางรายอาจต้องถึงขั้นรักษาเฉพาะทาง
ปวดคอ บ่า ไหล่ ( 7 ท่าบริหารเฉพาะส่วนคอช่วยเคลื่อนไหวและลดภาวะออฟฟิศซินโดรม)
ระดับ 1 : ตึงๆ นิดหน่อย หายได้เอง นวดเบาๆ ก็ช่วยได้
ระดับ 2 : เริ่มปวดบ่อย ปวดตึงจนทำงานไม่ไหลลื่น
ระดับ 3 : ปวดเรื้อรัง ลามไปถึงหัว จนกลายเป็นไมเกรนได้เลย
อาการปวดตา / ตาพร่ามัว
ระดับ 1: ตาล้าๆ นิดหน่อย พักสายตา 3–5 นาทีอาการก็หาย
ระดับ 2: เริ่มมีอาการตาแห้ง แสบตา ตาแดงร่วมด้วย
ระดับ 3: ปวดจนมองเบลอ เห็นเป็นเส้นๆ จุดๆ น่าเป็นห่วงแล้ว
อาการปวดหัวไมเกรน (จะรู้ได้อย่างไรว่าปวดหัวแบบไหนเป็นไมเกรน)
ระดับ 1: ปวดหัวธรรมดาๆ พักแล้วก็ดีขึ้น
ระดับ 2: ปวดบ่อยขึ้น มีอาการปวดตุ๊บๆ
ระดับ 3: ปวดลามทั่วหัว ต้องพึ่งยา เสี่ยงกระทบสุขภาพหนัก
ปวดข้อมือ มือชา
ระดับ 1 : ปวดนิดๆ นวดแล้วหาย
ระดับ 2 : ปวดมากขึ้น มีอาการชาหรือเจ็บจี๊ด
ระดับ 3 : ปวด+ชา+เจ็บจี๊ดแรงๆ บางทีมีเสียงก๊อกๆ ที่ข้อมือด้วย
อาการปวดขา เหน็บชา
ระดับ 1: ปวดเล็กน้อย ลุกเดินแล้วดีขึ้น
ระดับ 2: ปวดพร้อมชาที่เท้า ลุกเดินลำบาก
ระดับ 3: ปวดและชาไปทั้งช่วงล่าง เหมือนโดนเข็มจิ้มที่ฝ่าเท้า
ถ้าใครเช็กแล้วรู้สึกว่าอาการตัวเองเริ่มเข้าขั้น ระดับ 2 แล้ว อย่าปล่อยไว้ เพราะถ้าปล่อยเรื้อรังจะรักษายากขึ้น แนะนำให้ลองปรับพฤติกรรม เช่น พักยืดเส้นยืดสายบ่อยๆ จัดท่านั่งให้ถูกต้อง หรือถ้าไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบคุณหมอเพื่อเช็กอย่างละเอียด จะได้รักษาและดูแลตัวเองทันก่อนที่อาการจะหนักเกินไป