“เอสเอ็มอี” หรือผู้ประกอบการ นักธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมถือเป็นหมวดธุรกิจที่มีความสำคัญ เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นกลไกหลักในการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้กับประเทศ ขณะเดียวกัน เป็นองคาพยพหลักที่ช่วยกระจายรายได้ให้กับทุก ๆ พื้นที่ของประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างงานในระดับท้องถิ่น สร้างการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ด้วยจำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีมากมาย กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 3.2 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วนถึง 99.5% ของจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมดในประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 12.9 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 70.4% ของการจ้างงานทั้งหมดในประเทศ
ขณะเดียวกัน ระบบการขายผ่าน “แฟรนไชส์” ก็มีความสำคัญต่อเอสเอ็มอี เพราะแฟรนไชส์ช่วยให้สินค้าและการขายสามารถเข้าถึงและจับต้องได้ง่ายขึ้น เป็นเสมือนการสร้างแต้มต่อในการทำธุรกิจ เพราะทำให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำ คุ้นเคย และตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
แฟรนไชส์ไทยมูลค่า 3 แสนล้าน
ธุรกิจแฟรนไชส์มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและการสร้างงาน โดยปี 2567-2568 มูลค่าตลาดแฟรนไชส์ไทยอยู่ที่ประมาณ 300,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในทุกประเภทธุรกิจ แฟรนไชส์เป็นทางเลือกของผู้ประกอบการรายใหม่ เนื่องจากเป็นโมเดลที่ช่วยลดความเสี่ยงและช่วยให้ขยายธุรกิจได้รวดเร็ว
ปัจจุบันมีธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยจำนวน 677 กิจการ และมีสาขารวมกว่า 80,959 สาขา เป็นแฟรนไชส์ที่มีมาตรฐานผ่านการส่งเสริมและพัฒนาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจำนวน 545 กิจการ และมีสาขารวมกว่า 60,501 สาขา โดยแนวโน้มธุรกิจแฟรนไชส์ในปี 2568 กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มยังคงเป็นผู้นำตลาดและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยความต้องการของผู้บริโภคและการปรับตัวของแบรนด์ให้เข้ากับพฤติกรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะ Fast-Casual Dining ที่เน้นคุณภาพและความสะดวกรวดเร็ว รวมถึงอาหารเพื่อสุขภาพ และคาเฟ่ที่มีบรรยากาศอบอุ่นยังคงตอบโจทย์
ธุรกิจดูแลบ้าน-สุขภาพมาแรง
กลุ่มธุรกิจบริการเป็นอีกกลุ่มที่น่าจับตามอง คือบริการปรับปรุงและบำรุงรักษาบ้าน ซึ่งตอบสนองเจ้าของบ้านที่ต้องการเพิ่มความสะดวกสบาย และรวมถึงกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและเวลเนส เนื่องด้วยปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่เน้นการออกกำลังกาย โยคะ และอาหารสุขภาพได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดว่าธุรกิจแฟรนไชส์ไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านมูลค่าตลาด จำนวนกิจการ และสาขา
ดังนั้น แฟรนไชส์จึงยังคงเป็นระบบธุรกิจที่น่าสนใจ และสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อีกมาก โดยปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตในระยะยาว คือการนำเทคโนโลยีมาใช้ และการปรับตัวสู่ความยั่งยืน
DBD ช่วยอบรมพัฒนาแฟรนไชส์
ด้าน นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ระบุว่า เพื่อเป็นการต่อยอดกลุ่มธุรกิจดังกล่าว กรมมีนโยบายและโครงการส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ที่ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อยกระดับและพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ดังนี้
1.การสร้างธุรกิจแฟรนไชส์รายใหม่ (B2B Franchise) เป็นหลักสูตรให้ความรู้และฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์แบบเข้มข้น เพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ โดยหลักสูตรได้ดำเนินการมาแล้ว 28 รุ่น มีผู้ประกอบการผ่านหลักสูตรจนถึงปัจจุบัน 1,253 ราย
2.การพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์สู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพ (Franchise Standard) เป็นการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ไทยให้มีการบริหารจัดการที่ดี มีมาตรฐาน สร้างความน่าเชื่อถือแก่นักลงทุนหรือผู้ที่สนใจขยายธุรกิจด้วยระบบแฟรนไชส์ ทั้งนี้ ได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปี 2567 มีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจำนวน 545 ธุรกิจ แบ่งประเภทธุรกิจ ดังนี้ ธุรกิจอาหาร 248 ราย ธุรกิจเครื่องดื่ม 106 ราย ธุรกิจการศึกษา 68 ราย บริการ 66 ราย ธุรกิจค้าปลีก 33 ราย และธุรกิจความงามและสปา 24 ราย สำหรับปี 2568 นี้ กรมอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ประกอบการผ่านเกณฑ์มาตรฐานแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 40 ราย
จากที่ผ่านมากรมได้มีการจัดโครงการดังกล่าว ซึ่งการดำเนินการนั้นก็ทำต่อเนื่องกว่า 16 ปี ซึ่งปี 2568 มี 52 ธุรกิจที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมเข้าสู่มาตรฐานที่เป็นสากล ซึ่งแบ่งเป็น 6 ประเภทธุรกิจคือ อาหาร 22 ราย เครื่องดื่ม 12 ราย บริการ 10 ราย การศึกษา 4 ราย ค้าปลีก 2 ราย และความงาม/สปา 2 ราย ซึ่งผู้ที่ผ่านจะถูกการยกระดับจากผู้เชี่ยวชาญเข้ามาแนะนำ อบรม และแก้ทุกปัญหาที่ธุรกิจเจอ พร้อมทั้งแนวทางการต่อยอดการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งหากสามารถดำเนินผ่านกระบวนการ ก็จะพาไปศึกษาดูงาน เพื่อสร้างโอกาสต่อยอดธุรกิจให้กับตนเองได้ในอนาคตด้วย
3.การสร้างโอกาสทางการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการนำธุรกิจแฟรนไชส์เข้าร่วมงานแสดงธุรกิจ เพื่อแสดงศักยภาพธุรกิจกับนักลงทุนผู้ที่สนใจซื้อแฟรนไชส์ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้ากับเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จสามารถขยายแฟรนไชส์ในต่างประเทศแล้วจำนวน 47 ราย ใน 31 ประเทศ ตัวอย่าง แบรนด์แฟรนไชส์การศึกษา “Smart Brain” มีสาขาแฟรนไชส์มากถึง 12 ประเทศ
จัดประกวด-หนุนลุย ตปท.
4.การจัดประกวดรางวัลธุรกิจแฟรนไชส์ไทย (Thailand Franchise Award) เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ไทย สร้างการรับรู้ภาพลักษณ์ที่ดี เชิดชูเกียรติธุรกิจแฟรนไชส์ไทยที่ดีมีมาตรฐาน มีความโดดเด่นในแต่ละด้าน พร้อมทั้งส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ธุรกิจแฟรนไชส์ไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง สร้างความเชื่อมั่นและความน่าสนใจแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เริ่มดำเนินการเป็นครั้งแรกในปี 2563 และมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ได้รับรางวัลตั้งแต่ปี 2563-2567 รวมทั้งสิ้น 31 ธุรกิจ 33 แบรนด์
ทั้งนี้ กรมจะยังคงให้ความสำคัญอย่างเต็มที่กับทุกกิจกรรมที่ดำเนินการอยู่ ประกอบกับเน้นสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับสถาบันการเงิน เจ้าของพื้นที่ทำเลการค้า และพันธมิตรเครือข่ายธุรกิจแฟรนไชส์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ของไทยให้เข้มแข็ง เติบโตอย่างมั่นคง และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่จะให้ธุรกิจมีการเติบโตและประสบความสำเร็จได้นั้น สิ่งสำคัญคือการถ่ายทอดความรู้ การมีเครือข่ายพันธมิตรที่ดีที่จะเข้ามาส่งเสริม การเข้าถึงสถาบันการเงิน รวมไปถึงราคาที่สามารถแข่งขันได้ อีกทั้ง การพึ่งพา “เทคโนโลยี” และ “แพลตฟอร์มดิจิทัล” จะช่วยในการขยายและบริหารจัดการระบบแฟรนไชส์ให้มีประสิทธิภาพ เพราะเทคโนโลยีสำคัญที่เป็นกุญแจในการเติบโตของธุรกิจแฟรนไชส์
เพราะต้องยอมรับว่าแฟรนไชส์ต่างประเทศที่มีระบบงานที่ดี มีมาตรฐาน มีการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญของแฟรนไชส์ไทย และปัจจัยที่จะให้ธุรกิจประสบความสำเร็จคือ ต้องสร้างความเชื่อมั่นและความไว้ใจกับจากลูกค้า โดยเฉพาะเรื่องของการขนส่ง ความถูกต้องครบถ้วน รวดเร็ว ตรงเวลา การนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ก็จะช่วยให้ธุรกิจมีการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งกรมก็พร้อมที่จะสนับสนุนและดำเนินการยกระดับอย่างเต็มที่ ยังคงให้ผู้ประกอบการและภาคธุรกิจที่ต้องการเติบโตมีรายได้สามารถแข่งขันจะสร้างรายได้ให้กับตนเองต่อไปได้...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/economy/news-1876794
‘แฟรนไชส์’ แต้มต่อเอสเอ็มอีไทย ชี้เทรนด์ฮิต ‘อาหาร-เครื่องดื่ม’ โตต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ระบบการขายผ่าน “แฟรนไชส์” ก็มีความสำคัญต่อเอสเอ็มอี เพราะแฟรนไชส์ช่วยให้สินค้าและการขายสามารถเข้าถึงและจับต้องได้ง่ายขึ้น เป็นเสมือนการสร้างแต้มต่อในการทำธุรกิจ เพราะทำให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำ คุ้นเคย และตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
แฟรนไชส์ไทยมูลค่า 3 แสนล้าน
ธุรกิจแฟรนไชส์มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและการสร้างงาน โดยปี 2567-2568 มูลค่าตลาดแฟรนไชส์ไทยอยู่ที่ประมาณ 300,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในทุกประเภทธุรกิจ แฟรนไชส์เป็นทางเลือกของผู้ประกอบการรายใหม่ เนื่องจากเป็นโมเดลที่ช่วยลดความเสี่ยงและช่วยให้ขยายธุรกิจได้รวดเร็ว
ปัจจุบันมีธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยจำนวน 677 กิจการ และมีสาขารวมกว่า 80,959 สาขา เป็นแฟรนไชส์ที่มีมาตรฐานผ่านการส่งเสริมและพัฒนาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจำนวน 545 กิจการ และมีสาขารวมกว่า 60,501 สาขา โดยแนวโน้มธุรกิจแฟรนไชส์ในปี 2568 กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มยังคงเป็นผู้นำตลาดและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยความต้องการของผู้บริโภคและการปรับตัวของแบรนด์ให้เข้ากับพฤติกรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะ Fast-Casual Dining ที่เน้นคุณภาพและความสะดวกรวดเร็ว รวมถึงอาหารเพื่อสุขภาพ และคาเฟ่ที่มีบรรยากาศอบอุ่นยังคงตอบโจทย์
ธุรกิจดูแลบ้าน-สุขภาพมาแรง
กลุ่มธุรกิจบริการเป็นอีกกลุ่มที่น่าจับตามอง คือบริการปรับปรุงและบำรุงรักษาบ้าน ซึ่งตอบสนองเจ้าของบ้านที่ต้องการเพิ่มความสะดวกสบาย และรวมถึงกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและเวลเนส เนื่องด้วยปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ทำให้ธุรกิจที่เน้นการออกกำลังกาย โยคะ และอาหารสุขภาพได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดว่าธุรกิจแฟรนไชส์ไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านมูลค่าตลาด จำนวนกิจการ และสาขา
ดังนั้น แฟรนไชส์จึงยังคงเป็นระบบธุรกิจที่น่าสนใจ และสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อีกมาก โดยปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตในระยะยาว คือการนำเทคโนโลยีมาใช้ และการปรับตัวสู่ความยั่งยืน
DBD ช่วยอบรมพัฒนาแฟรนไชส์
ด้าน นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ระบุว่า เพื่อเป็นการต่อยอดกลุ่มธุรกิจดังกล่าว กรมมีนโยบายและโครงการส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ที่ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อยกระดับและพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ดังนี้
1.การสร้างธุรกิจแฟรนไชส์รายใหม่ (B2B Franchise) เป็นหลักสูตรให้ความรู้และฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์แบบเข้มข้น เพื่อพัฒนาศักยภาพธุรกิจเข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ โดยหลักสูตรได้ดำเนินการมาแล้ว 28 รุ่น มีผู้ประกอบการผ่านหลักสูตรจนถึงปัจจุบัน 1,253 ราย
2.การพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์สู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพ (Franchise Standard) เป็นการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจแฟรนไชส์ไทยให้มีการบริหารจัดการที่ดี มีมาตรฐาน สร้างความน่าเชื่อถือแก่นักลงทุนหรือผู้ที่สนใจขยายธุรกิจด้วยระบบแฟรนไชส์ ทั้งนี้ ได้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปี 2567 มีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจำนวน 545 ธุรกิจ แบ่งประเภทธุรกิจ ดังนี้ ธุรกิจอาหาร 248 ราย ธุรกิจเครื่องดื่ม 106 ราย ธุรกิจการศึกษา 68 ราย บริการ 66 ราย ธุรกิจค้าปลีก 33 ราย และธุรกิจความงามและสปา 24 ราย สำหรับปี 2568 นี้ กรมอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ประกอบการผ่านเกณฑ์มาตรฐานแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 40 ราย
จากที่ผ่านมากรมได้มีการจัดโครงการดังกล่าว ซึ่งการดำเนินการนั้นก็ทำต่อเนื่องกว่า 16 ปี ซึ่งปี 2568 มี 52 ธุรกิจที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมเข้าสู่มาตรฐานที่เป็นสากล ซึ่งแบ่งเป็น 6 ประเภทธุรกิจคือ อาหาร 22 ราย เครื่องดื่ม 12 ราย บริการ 10 ราย การศึกษา 4 ราย ค้าปลีก 2 ราย และความงาม/สปา 2 ราย ซึ่งผู้ที่ผ่านจะถูกการยกระดับจากผู้เชี่ยวชาญเข้ามาแนะนำ อบรม และแก้ทุกปัญหาที่ธุรกิจเจอ พร้อมทั้งแนวทางการต่อยอดการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งหากสามารถดำเนินผ่านกระบวนการ ก็จะพาไปศึกษาดูงาน เพื่อสร้างโอกาสต่อยอดธุรกิจให้กับตนเองได้ในอนาคตด้วย
3.การสร้างโอกาสทางการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการนำธุรกิจแฟรนไชส์เข้าร่วมงานแสดงธุรกิจ เพื่อแสดงศักยภาพธุรกิจกับนักลงทุนผู้ที่สนใจซื้อแฟรนไชส์ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้ากับเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จสามารถขยายแฟรนไชส์ในต่างประเทศแล้วจำนวน 47 ราย ใน 31 ประเทศ ตัวอย่าง แบรนด์แฟรนไชส์การศึกษา “Smart Brain” มีสาขาแฟรนไชส์มากถึง 12 ประเทศ
จัดประกวด-หนุนลุย ตปท.
4.การจัดประกวดรางวัลธุรกิจแฟรนไชส์ไทย (Thailand Franchise Award) เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการตลาดธุรกิจแฟรนไชส์ไทย สร้างการรับรู้ภาพลักษณ์ที่ดี เชิดชูเกียรติธุรกิจแฟรนไชส์ไทยที่ดีมีมาตรฐาน มีความโดดเด่นในแต่ละด้าน พร้อมทั้งส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ธุรกิจแฟรนไชส์ไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง สร้างความเชื่อมั่นและความน่าสนใจแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เริ่มดำเนินการเป็นครั้งแรกในปี 2563 และมีธุรกิจแฟรนไชส์ที่ได้รับรางวัลตั้งแต่ปี 2563-2567 รวมทั้งสิ้น 31 ธุรกิจ 33 แบรนด์
ทั้งนี้ กรมจะยังคงให้ความสำคัญอย่างเต็มที่กับทุกกิจกรรมที่ดำเนินการอยู่ ประกอบกับเน้นสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับสถาบันการเงิน เจ้าของพื้นที่ทำเลการค้า และพันธมิตรเครือข่ายธุรกิจแฟรนไชส์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ของไทยให้เข้มแข็ง เติบโตอย่างมั่นคง และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่จะให้ธุรกิจมีการเติบโตและประสบความสำเร็จได้นั้น สิ่งสำคัญคือการถ่ายทอดความรู้ การมีเครือข่ายพันธมิตรที่ดีที่จะเข้ามาส่งเสริม การเข้าถึงสถาบันการเงิน รวมไปถึงราคาที่สามารถแข่งขันได้ อีกทั้ง การพึ่งพา “เทคโนโลยี” และ “แพลตฟอร์มดิจิทัล” จะช่วยในการขยายและบริหารจัดการระบบแฟรนไชส์ให้มีประสิทธิภาพ เพราะเทคโนโลยีสำคัญที่เป็นกุญแจในการเติบโตของธุรกิจแฟรนไชส์
เพราะต้องยอมรับว่าแฟรนไชส์ต่างประเทศที่มีระบบงานที่ดี มีมาตรฐาน มีการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญของแฟรนไชส์ไทย และปัจจัยที่จะให้ธุรกิจประสบความสำเร็จคือ ต้องสร้างความเชื่อมั่นและความไว้ใจกับจากลูกค้า โดยเฉพาะเรื่องของการขนส่ง ความถูกต้องครบถ้วน รวดเร็ว ตรงเวลา การนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ก็จะช่วยให้ธุรกิจมีการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งกรมก็พร้อมที่จะสนับสนุนและดำเนินการยกระดับอย่างเต็มที่ ยังคงให้ผู้ประกอบการและภาคธุรกิจที่ต้องการเติบโตมีรายได้สามารถแข่งขันจะสร้างรายได้ให้กับตนเองต่อไปได้...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/economy/news-1876794