ในเมื่อ ประชาชน ก็ไม่ได้มีคุณภาพ มีศักยภาพเท่าเทียมกันแท้จริง ประเทศยังมีความเหลื่อมล้ำชัดเจน (มองแบบโลกไม่สวย)
แถมเด็กรุ่นใหม่ก็โดนหลอกง่าย ใช้เป็นเครื่องมือได้ง่าย
แทนที่จะ มีสภาสูงจัดตั้ง มีองค์กรอิสระจัดตั้ง โดยใครก็ไม่รู้มากรองเสียง
เราก็ให้ประชาชนมีคะแนนเสียงไม่เท่ากันไปเลย
กำหนดว่า อายุน้อย เสียงมีน้ำหนักน้อยกว่าคนอายุมาก คนสูงอายุ มีประสบการณ์มาก หลอกยาก ก็มีน้ำหนักเสียงมากกว่า
จัดให้มีการนำระดับการศึกษามาคิดน้ำหนักคะแนนเลือกตั้งด้วย เป็นหน้าที่ของประชาชนต้องขวนขาย ยกระดับการศึกษา เพราะ คนรากหญ้า การศึกษาน้อย โดนหลอกด้วยการซื้อสเียงผ่านนโยบาย ประชานิยม จนกลายเป็นรากอำนาจให้ตระกูลนักการเมือง
ท้ายที่สุด ประชาชนต้องมีประวัติด้านจริยธรรม โทษคดีอาญาสำคัญ ต้องถูกนำมาลดน้ำหนักคะแนนโหวตของตัวเอง เพราะเราเชื่อว่า คนที่ประกอบกิจการอาชีพพัวพันสิ่งผิดกฎหมายก็มีแนวโน้มเอาเสียงตัวเองไปให้นักการเมืองเลวๆ เป็นบันไดอำนาจของนักการเมืองชั่วๆได้อีก เช่น ติดยา โดนตัดสินก็มีประวัติ ให้นับต่อไปอีกแม้จะพ้นโทษแล้ว มีผลกับคะแนนเสียงโหวตของพวกนั้น ถ้าประชาชนอยากมีคะแนนโหวตดีๆ ก็อย่าทำผิดกฎหมายสำคัญ
พวกคดีหมวดความมั่นคง ก็ลบเวทน้ำหนักเยอะๆไปเลย
เพื่อป้องกันปัญฆาพวกเด็กรุ่นใหม่ ไม่เรียนแต่ออกมาแว๊น ออกมาป่วนเมือง สร้างปัญหาสังคม ถึงเวลาก็ออกมาร่วมประท้วง สร้างความไม่สงบ จะมาออกสเียงเลือกผู้แทนกาวๆ สุดท้ายก็ได้พวกพรรค้มล้างมามีอำนาจ
พวกชาวไร่ชาวนา ติดหนี้วังวน เลือกแต่ปากท้องตัวเองไม่สนใจว่าคนที่เลือกจะดีจะชั่วจะขายชาติขายแผ่นดิน รู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมืองมากอบโกยผลประโยชน์
ให้ประชาชนชั้นเลิศ มีคุณภาพ ได้มีโอกาสส่งนักการเมืองที่ดี เข้าไปทำงานในสภา ไม่ต้องมานั่งเรียกร้องคนนอก ไม่ต้องมาหวังรอนายกพระราชทาน ไม่ต้องมานั่งดูเกมส์การเมืองของพรรคต่างๆ ที่จะใหม่จะเก่า ก็เล่นเพื่ออำนาจ เพื่อเป้าหมายของตัวเองทั้งนั้น
สุดท้าย ถ้าพรรคไหนจะชนะใจคน เข้าไปมีอำนาจบริหารในระบบน้ำหนักคะแนนโหวตได้ ก็ต้อง ขายนโยบายกับคนมีการศึกษาได้จริงๆ
คนมีอายุมาก ที่การศึกษาสูง และไม่มีประวัติอาชญากรรม มีจริยธรรมอันดี คือคนที่ควรมีอำนาจคัดสรรคนที่ดีเข้าสภาได้มากกว่า
ทำไมประชาธิปไตย ต้องมีเสียงเท่ากันทุกคน?
แถมเด็กรุ่นใหม่ก็โดนหลอกง่าย ใช้เป็นเครื่องมือได้ง่าย
แทนที่จะ มีสภาสูงจัดตั้ง มีองค์กรอิสระจัดตั้ง โดยใครก็ไม่รู้มากรองเสียง
เราก็ให้ประชาชนมีคะแนนเสียงไม่เท่ากันไปเลย
กำหนดว่า อายุน้อย เสียงมีน้ำหนักน้อยกว่าคนอายุมาก คนสูงอายุ มีประสบการณ์มาก หลอกยาก ก็มีน้ำหนักเสียงมากกว่า
จัดให้มีการนำระดับการศึกษามาคิดน้ำหนักคะแนนเลือกตั้งด้วย เป็นหน้าที่ของประชาชนต้องขวนขาย ยกระดับการศึกษา เพราะ คนรากหญ้า การศึกษาน้อย โดนหลอกด้วยการซื้อสเียงผ่านนโยบาย ประชานิยม จนกลายเป็นรากอำนาจให้ตระกูลนักการเมือง
ท้ายที่สุด ประชาชนต้องมีประวัติด้านจริยธรรม โทษคดีอาญาสำคัญ ต้องถูกนำมาลดน้ำหนักคะแนนโหวตของตัวเอง เพราะเราเชื่อว่า คนที่ประกอบกิจการอาชีพพัวพันสิ่งผิดกฎหมายก็มีแนวโน้มเอาเสียงตัวเองไปให้นักการเมืองเลวๆ เป็นบันไดอำนาจของนักการเมืองชั่วๆได้อีก เช่น ติดยา โดนตัดสินก็มีประวัติ ให้นับต่อไปอีกแม้จะพ้นโทษแล้ว มีผลกับคะแนนเสียงโหวตของพวกนั้น ถ้าประชาชนอยากมีคะแนนโหวตดีๆ ก็อย่าทำผิดกฎหมายสำคัญ
พวกคดีหมวดความมั่นคง ก็ลบเวทน้ำหนักเยอะๆไปเลย
เพื่อป้องกันปัญฆาพวกเด็กรุ่นใหม่ ไม่เรียนแต่ออกมาแว๊น ออกมาป่วนเมือง สร้างปัญหาสังคม ถึงเวลาก็ออกมาร่วมประท้วง สร้างความไม่สงบ จะมาออกสเียงเลือกผู้แทนกาวๆ สุดท้ายก็ได้พวกพรรค้มล้างมามีอำนาจ
พวกชาวไร่ชาวนา ติดหนี้วังวน เลือกแต่ปากท้องตัวเองไม่สนใจว่าคนที่เลือกจะดีจะชั่วจะขายชาติขายแผ่นดิน รู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมืองมากอบโกยผลประโยชน์
ให้ประชาชนชั้นเลิศ มีคุณภาพ ได้มีโอกาสส่งนักการเมืองที่ดี เข้าไปทำงานในสภา ไม่ต้องมานั่งเรียกร้องคนนอก ไม่ต้องมาหวังรอนายกพระราชทาน ไม่ต้องมานั่งดูเกมส์การเมืองของพรรคต่างๆ ที่จะใหม่จะเก่า ก็เล่นเพื่ออำนาจ เพื่อเป้าหมายของตัวเองทั้งนั้น
สุดท้าย ถ้าพรรคไหนจะชนะใจคน เข้าไปมีอำนาจบริหารในระบบน้ำหนักคะแนนโหวตได้ ก็ต้อง ขายนโยบายกับคนมีการศึกษาได้จริงๆ
คนมีอายุมาก ที่การศึกษาสูง และไม่มีประวัติอาชญากรรม มีจริยธรรมอันดี คือคนที่ควรมีอำนาจคัดสรรคนที่ดีเข้าสภาได้มากกว่า