ปชน. ยันไม่เสียใจหนุน "อนุทิน" นั่งนายกฯ แม้เสี่ยงเสียคะแนนนิยม

ณัฐพงษ์" ลั่นเลือกแล้วไม่เสียใจ หลังดัน "อนุทิน" นายกฯ คนที่ 32 ยัน ปชน.ตกผลึกรอบคอบ เลือกนายกฯ เพื่อเดินหน้าสู่การยุบสภาฯ - แก้ รธน. แม้เสี่ยงสูญเสียคะแนนนิยม ยันตัดสินใจบนทางออกของประเทศ ขู่ ถ้า "ภูมิใจไทย" ตระบัดสัตย์ ก็มีต้นทุนที่ต้องจ่าย
วันนี้ (3 ก.ย. 2568) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยต่อสื่อมวลชนหลังแถลงมติพรรคสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้ผ่านการถกเถียงอย่างรอบด้านจากทุกส่วนของพรรค ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 143 เสียง คณะทำงาน และเครือข่ายทั่วทุกจังหวัด เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักคือการกำกับทิศทางการเมืองให้มุ่งสู่การยุบสภาผู้แทนราษฎรและการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นายณัฐพงษ์ระบุว่า การตัดสินใจนี้เกิดจากมติของคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งพิจารณาบนพื้นฐานผลประโยชน์ของชาติและหลักประกันว่าพรรคประชาชนจะสามารถกำกับการทำงานของรัฐบาลเสียงข้างน้อยให้เดินหน้าสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ ยืนยันว่าได้ประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ โดยตระหนักว่าการสนับสนุนนายอนุทินอาจทำให้พรรคสูญเสียคะแนนนิยม แต่ย้ำว่าเลือกเพื่อทางออกของประเทศ ไม่ใช่เพื่อคะแนนนิยม
เมื่อถูกถามถึงสถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา นายณัฐพงษ์กล่าวว่า พรรคประชาชนยึดข้อเท็จจริงและมองว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเต็มในการยุบสภาฯ หากพรรคเพื่อไทยเลือกยุบสภาและทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกา ต้องสอบถามพรรคเพื่อไทยและประธานสภาผู้แทนราษฎรถึงขั้นตอนต่อไป ส่วนเงื่อนไขที่พรรคประชาชนเสนอต่อพรรคภูมิใจไทยนั้น นายอนุทินต้องลงนามยอมรับเงื่อนไข 5 ข้อที่แถลง และแถลงต่อสาธารณชนเพื่อยืนยันความมุ่งมั่น
นายณัฐพงษ์ย้ำว่า การหารืออย่างเป็นทางการ เกิดขึ้นในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อคืนวันที่ 2 ก.ย. และ เช้าวันที่ 3 ก.ย. เพื่อกลั่นกรองสถานการณ์ล่าสุดก่อนตัดสินใจ แม้ยังไม่มีเอกสารลงนามระหว่าง 2 พรรค แต่พรรคประชาชนพร้อมลงนามในเงื่อนไขที่เสนอ และรอการยืนยันจากพรรคภูมิใจไทย หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่า ได้ประเมินความเสี่ยงทั้งหมดแล้ว การเลือกนายอนุทินเป็นนายกฯ ไม่ใช่เพราะความไว้วางใจในตัวบุคคล แต่เพื่อให้รัฐบาลชั่วคราวสามารถนำไปสู่การยุบสภาและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยพรรคประชาชนจะใช้เสียงข้างมากในสภากำกับทิศทางดังกล่าว
ทั้ง 2 ฝ่ายมีประวัติที่ประชาชนเห็นมาแล้วว่า เคยใช้อำนาจในทางที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อชาติ แต่สถานการณ์ตอนนี้ หากเราต้องการการเลือกตั้งใหม่และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การไม่เลือกใครเลยจะไม่นำไปสู่เป้าหมาย แต่ 143 เสียงของเราสามารถกำกับรัฐบาลให้ไปถึงจุดนั้นได้
เมื่อถามถึงความกังวลเรื่องการตระบัดสัตย์ของพรรคภูมิใจไทย นายณัฐพงษ์ชี้ว่า พรรคประชาชนได้กำหนดหลักประกันในเงื่อนไข 5 ข้อ เพื่อให้พรรคภูมิใจไทยต้องรับผิดชอบอย่างหนักหากผิดสัญญากับประชาชน โดยอ้างถึงตัวอย่างในอดีตที่พรรคการเมืองที่ตระบัดสัตย์ถูกประชาชนลงโทษ และยืนยันว่าพรรคประชาชนจะพยายามกำกับให้รัฐบาลเดินหน้าสู่การยุบสภาและแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้ว่าในทางปฏิบัติอาจมีการบิดพลิ้วได้ แต่หากเกิดขึ้น พรรคภูมิใจไทยจะต้องแบกรับต้นทุนทางการเมืองที่สูงมาก
สำหรับกรอบเวลาการยุบสภาภายใน 4 เดือน นายณัฐพงษ์ระบุว่า เป็นกรอบที่ตั้งไว้เพื่อให้ประชาชนเห็นทิศทางที่ชัดเจน โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านการเปิดช่อง ม.256 และการทำประชามติ ซึ่งอาจต้องปรับตามสถานการณ์ เช่น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าต้องทำประชามติ 2 หรือ 3 ครั้ง เขาย้ำว่าพรรคประชาชนจะยึดกรอบ 4 เดือนเป็นหลัก และจะใช้เสียงในสภากำกับรัฐบาลให้เดินไปสู่เป้าหมายนี้
นายณัฐพงษ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ไม่เสียใจกับมตินี้ และเชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบในช่วง 5 วันที่ผ่านมา โดยรับฟังความเห็นจากทุกส่วนของพรรค โดยเฉพาะสมาชิกที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางที่แถลง ย้ำว่าไม่ได้ไว้วางใจนายกฯ คนใด แต่จำเป็นต้องเลือกเพื่อเดินหน้าสู่การยุบสภาและจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อทางออกของประเทศ
ด้านนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธาน สส. พรรคประชาชน และประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า การลงมติเลือกนายกฯ จะมีการหารือระหว่างวิป 2 ฝ่ายในเวลา 10.00 น. ของวันที่ 3 ก.ย. โดย นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ได้นัดหมายตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. หากมีการบรรจุระเบียบวาระเพิ่มเติม การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีอาจเกิดขึ้นเร็วสุดในวันศุกร์ที่ 5 ก.ย.2568
อ่านข่าวอื่น, ที่มา: https://www.thaipbs.or.th/news/content/356102
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่