ช่วงครึ่งปีแรก 2568 “อสังหาริมทรัพย์ไทย” เจอแรงกดดันสารพัด ทั้งเศรษฐกิจชะลอ กำลังซื้อเปราะบาง มาตรการสินเชื่อเข้มงวด และความไม่แน่นอนทางการเมือง จนทำให้กำไรของบรรดา บจ.อสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่จากการประเมินของนักวิเคราะห์หลายสำนัก ตอนนี้เหมือนอุตสาหกรรม “ผ่านจุดต่ำสุด” มาแล้ว และครึ่งหลังของปีมีปัจจัยบวกหลายอย่าง
🔑
ปัจจัยสำคัญ
- อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับลดต่อเนื่อง จนต้นปีหน้าอาจต่ำกว่า
1% (ประมาณ 0.75%)
- มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ เช่น ผ่อนปรน LTV, ลดค่าธรรมเนียมการโอน–จดจำนอง
- ดีมานด์จริงเริ่มกลับมา โดยเฉพาะโครงการราคาช่วง
5–10 ล้านต้นๆ และบ้าน–คอนโดต่ำกว่า 7 ล้านที่ยังได้อานิสงส์จากมาตรการรัฐ
- กลุ่มกลาง-บน เริ่มมองการลงทุนกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะ “ซื้อคอนโดปล่อยเช่า”
- กลุ่มรากหญ้าอาจได้แรงหนุนเพิ่ม หาก ธปท. คนใหม่คลายเงื่อนไขการปล่อยกู้
📊
โบรกเกอร์ชี้
- ตลาดคอนโดฯ ครึ่งปีหลังเริ่มคลี่คลาย การโอนกลับมาแล้วราว 80% ของระดับปกติ และมีการเปิดโครงการใหม่มากขึ้นหลังครึ่งแรกแทบไม่มี
- ตลาดแนวราบมีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก ทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกเยอะขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์ขายทั้ง “ตัดราคา” และ “จัดกิจกรรมการตลาด” หนักหน่วง
- กำไรกลุ่มอสังหาฯ ไตรมาส 2/68 อยู่ที่
3,567 ล้านบาท และมีแนวโน้มโตขึ้นอีกกว่า
60% QoQ ในไตรมาส 3
ที่มา
กรุงเทพธุรกิจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โบรกคาด ‘อสังหาฯ’ ดีมานด์ฟื้น สัญญาณเปิดโครงการใหม่ ‘ดอกเบี้ย’ ขาลง
.
“อสังหาริมทรัพย์” ในช่วงไตรมาส 2 และครึ่งแรกของปี 2568 ยังคงเผชิญแรง “กดดัน” รอบด้านจากเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัว มาตรการสินเชื่อที่เข้มงวดของธนาคาร และสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง “กำลังซื้อ” อยู่ในภาวะเปราะบาง สะท้อนผ่านผลประกอบการกลุ่มอสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ส่วนใหญ่ปรับตัว “ลดลง” อย่างมีนัยสำคัญ
.
“เติมพร ตันติวิวัฒน์” นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)อินโนเวสท์ เอกซ์ ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาพรวม “กลุ่มอสังหาฯ” ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 มีแนวโน้ม “เชิงบวก” ชัดเจน คาดอุตสาหกรรมอสังหาฯ ได้ “ผ่านจุดที่ยากที่สุดไปแล้ว” แม้ “กำไร” ของภาคธุรกิจในปีนี้จะยังคง “ติดลบ” จากผลการดำเนินงานที่ไม่ดีในช่วงครึ่งปีแรก
.
สำหรับ ทิศทางอุตสาหกรรมครึ่งปีหลังปัจจัยหลักที่จะเข้ามาสนับสนุนตลาดอสังหาฯ คาดว่า “อัตราดอกเบี้ย” มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า และคาดกลางปีหน้าและอาจจะต่ำกว่า 1% โดยไปอยู่ที่ประมาณ 0.75% ซึ่งจะช่วยกระตุ้นทั้ง “กำลังซื้อ” เพื่ออยู่อาศัย และ “การลงทุน” รวมถึงมาตรการผ่อนปรน LTV และการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ โดยการฟื้นตัวของอัตรากำไรและยอดขายที่เริ่มกลับมาดีขึ้น จะส่งผลให้ภาพรวมครึ่งปีหลังดีขึ้น แม้ช่วงครึ่งแรกปี 2568 ตัวเลขโดยรวมยังอยู่ใน “ระดับต่ำ” ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย
.
สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า มองเห็นดีมานด์โดยเฉพาะโครงการช่วงราคา 5-10 ล้านต้นๆ ยังคงไปได้ดี กลุ่มราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาท ยังคงได้รับประโยชน์มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนอง ส่วนโครงการที่น่าสนใจทั้งด้านราคาและทำเล แม้ราคาจะเกิน 7 ล้านบาท กลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อยังมีความพร้อม
.
นอกจากนี้ กลุ่มกลางถึงกลางบนเมื่อดอกเบี้ยลดลงอย่างแท้จริงแล้ว แนวโน้มการลงทุนจะเริ่มกลับมา โดยเฉพาะการซื้อคอนโดฯ เพื่อปล่อยเช่า ขณะที่กลุ่มล่าง คาดว่าจะเห็นการปล่อยกู้ที่ง่ายขึ้นในปีหน้า ด้วยนโยบายของผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ซึ่งอาจมีแนวคิดคล้ายกับโครงการที่เคยทำมาโดยธนาคารออมสิน เพื่อสนับสนุนคนกลุ่มรากหญ้า
.
“สรพงษ์ จักรธีรังกูร” ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาฯ ช่วงครึ่งหลังมี “เสถียรภาพ” และ “คึกคักขึ้น” เทียบกับครึ่งปีแรกที่เผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันหลายประการ ซึ่งการฟื้นตัวดังกล่าวมาจากสถานการณ์ที่ตลาดรับรู้ผลกระทบจากเหตุการณ์ต่าง ๆ แล้ว และกิจกรรมการตลาดที่เข้มข้นของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เพิ่มมากขึ้น
.
ทั้งนี้ แนวโน้มตลาดคอนโดฯ ครึ่งหลัง เริ่มคลี่คลายและรับรู้แล้วผลกระทบจากแผ่นดินไหวไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แม้ความเสียหายในบางคอนโดฯ ยังคงอยู่และอยู่ระหว่างเคลมประกันหรือหาช่างซ่อม แต่ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ยังคงอยู่ได้ ขณะที่ การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดไม่ได้หายไปมาก โดยภาพรวมกลับมาที่ประมาณ 80% ของระดับปกติ
.
นอกจากนี้ ครึ่งปีหลังมีการพัฒนาและเปิดตัวโครงการคอนโดฯ ใหม่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากครึ่งแรกและไตรมาส 2 ปี 2568 ที่แทบไม่มีการเปิดตัวเลยเนื่องจากผู้พัฒนาต้องซ่อมแซมโครงการ
.
ส่วนแนวโน้มตลาดแนวราบครึ่งหลังมีการเปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ผู้ซื้อมีทางเลือกมากขึ้นจากการมีสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก และตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น นอกจากนี้ ผู้พัฒนาได้ทำการปรับลดต้นทุน และราคาให้สอดคล้องกับกำลังซื้อที่อาจไม่ได้เพิ่มขึ้นมากตามสภาพเศรษฐกิจ ทำให้ราคาที่เปิดตัว ไม่หวือหวามากนัก และน่าจะจับกลุ่มลูกค้าได้ดี
.
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดแนวราบจะมีซัพพลายที่สูงกว่าดีมานด์ ทำให้การทำการตลาดเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นกิจกรรมการตลาดทั้งการเปิดตัวโครงการใหม่และการระบายสต็อกเก่าจำนวนมาก
.
ดังนั้น หากพิจารณาคาดาการณ์ “กำไร” ไตรมาส 2 ปีนี้ เทียบไตรมาสก่อนที่ 3,567 ล้านบาท จะมีเติบโตสูงถึง 60% สะท้อนว่าในภาพรวมกลุ่มอสังหาฯ ได้ “ผ่านจุดต่ำสุด” แล้ว และคาดการณ์กำไรไตรมาส 3 ปีนี้ น่าจะมีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้นจากรายใหญ่ เริ่มทำการตลาดโครงการใหม่ที่เลื่อนเปิดตัวจากไตรมาส 2 ตลาดเริ่มมี Activity มากขึ้น
🏘️ โบรกคาด “อสังหาฯ” ฟื้นตัวแรง ครึ่งหลังปี 68 – ดอกเบี้ยขาลง หนุนเปิดโครงการใหม่
แต่จากการประเมินของนักวิเคราะห์หลายสำนัก ตอนนี้เหมือนอุตสาหกรรม “ผ่านจุดต่ำสุด” มาแล้ว และครึ่งหลังของปีมีปัจจัยบวกหลายอย่าง
🔑 ปัจจัยสำคัญ
- อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับลดต่อเนื่อง จนต้นปีหน้าอาจต่ำกว่า 1% (ประมาณ 0.75%)
- มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ เช่น ผ่อนปรน LTV, ลดค่าธรรมเนียมการโอน–จดจำนอง
- ดีมานด์จริงเริ่มกลับมา โดยเฉพาะโครงการราคาช่วง 5–10 ล้านต้นๆ และบ้าน–คอนโดต่ำกว่า 7 ล้านที่ยังได้อานิสงส์จากมาตรการรัฐ
- กลุ่มกลาง-บน เริ่มมองการลงทุนกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะ “ซื้อคอนโดปล่อยเช่า”
- กลุ่มรากหญ้าอาจได้แรงหนุนเพิ่ม หาก ธปท. คนใหม่คลายเงื่อนไขการปล่อยกู้
📊 โบรกเกอร์ชี้
- ตลาดคอนโดฯ ครึ่งปีหลังเริ่มคลี่คลาย การโอนกลับมาแล้วราว 80% ของระดับปกติ และมีการเปิดโครงการใหม่มากขึ้นหลังครึ่งแรกแทบไม่มี
- ตลาดแนวราบมีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก ทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกเยอะขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์ขายทั้ง “ตัดราคา” และ “จัดกิจกรรมการตลาด” หนักหน่วง
- กำไรกลุ่มอสังหาฯ ไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 3,567 ล้านบาท และมีแนวโน้มโตขึ้นอีกกว่า 60% QoQ ในไตรมาส 3
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้