ผมทำงานบริษัทมีเงินก้อนหนึ่งมาซื้อที่ดิน ร่วมกับพี่น้องมาไว้เป็นสมบัติได้ติดตัวยามแก่ พอดีที่ทำงานปิดกิจการ เราเองก็มีเงินช่วงที่ออกงานมาน้อยนิด มาทำการค้าหาเลี้ยงปากท้องและครอบครับ ตัวที่ดินก็เลยไม่มีกำลังพอจะไปทำอะไรเพิ่มได้ เลยเป็นที่เขาตีว่ารกร้าง
รายได้ก็ไม่ค่อยมี แต่ภาษีที่ดินรกร้างแพงสุด แล้วขึ้นเรื่อยๆด้วย ตามหลักภาษีเงินได้ ปกติ รายได้มาก ก็จ่ายมาก *แต่ที่รกร้างไม่มีรายได้ จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย
ถามว่าทำไมไม่ปลูกกล้วย จะเอาเงินที่ไหนมาลงทุน แค่ปลูกกล้วย ค่าต้นกล้า ค่าแรงเท่าไหร่ แล้วถามว่าไปกู้มั้ย แค่จะหารายได้เลี้ยงท้องไปวันๆยังยากแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายดอกเงินกู้
มันทำให้เกิดความรู้สึกว่า มันก็คือการบีบบังคับขาย ที่ดินคนที่ไม่มีกำลังจะสู้แหละ คนรวยเค้ามีธุรกิจที่ทำรายได้มากมายอยู่แล้ว แล้วแถมคอยมาเก็บที่ดินที่ถูกบีบแล้วเจ้าของไม่มีปัญญาที่จะหามาจ่าย จนเข้าหลักเกณฑ์ตามแผนที่วางไว้ ก็ยืดเอาที่ดินจากชาวบ้านที่จ่ายภาษีไม่ไหวหรือไม่มีเงินพอจ่าย สรุป ที่ดินทั้งหมดก็ไปอยู่กับนายทุน กับเจ้าสัว หรือสุดท้ายก็ถูกระบบราชการมายึดไปแบบดื้อๆเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาจ่ายเป็นค่าภาษี ชาวบ้านแล้วก็ไม่เหลืออะไรไม่ต่างอะไรกับ โจรในเครื่องแบบ เพราะมันถูกวางแผนว่าสุดท้าย คนรายได้น้อยก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องอะไร
มันผิดใช่มั้ยที่เราจะมีที่ดิน แต่ ไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่าย คนออกกฎหมายคิดถึงคนที่หาเช้ากินค่ำบ้างมั้ย
ผมรู้สึกไม่ถูกต้องและไม่เห็นด้วยตามที่กล่าวไปถ้าไปกระทบหรือทำให้ใครไม่สบายใจก็ขอโทษด้วยครับ
ทำไมการเก็บภาษีที่ดินไม่เอารายได้และการเสียภาษีของเราไปใช้ในการคิดทบทวนด้วยครับ คนที่มีรายได้น้อยก็ อาจได้ยกเว้น ที่มรดกก็จะได้ำม่เป็นปัญหากับลูกหลานครับ หวังว่าออกกฎหมายใหม่จะมีกฎหมายเรื่องที่ดินที่ปรับปรุงเพื่อช่วยเหลือคนยากจนด้วยก็จะดีครับ
ชีวิตบัดซบ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ถ้าใครไม่มีเงินจ่ายก็ต้องบังคับขาย
รายได้ก็ไม่ค่อยมี แต่ภาษีที่ดินรกร้างแพงสุด แล้วขึ้นเรื่อยๆด้วย ตามหลักภาษีเงินได้ ปกติ รายได้มาก ก็จ่ายมาก *แต่ที่รกร้างไม่มีรายได้ จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย
ถามว่าทำไมไม่ปลูกกล้วย จะเอาเงินที่ไหนมาลงทุน แค่ปลูกกล้วย ค่าต้นกล้า ค่าแรงเท่าไหร่ แล้วถามว่าไปกู้มั้ย แค่จะหารายได้เลี้ยงท้องไปวันๆยังยากแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายดอกเงินกู้
มันทำให้เกิดความรู้สึกว่า มันก็คือการบีบบังคับขาย ที่ดินคนที่ไม่มีกำลังจะสู้แหละ คนรวยเค้ามีธุรกิจที่ทำรายได้มากมายอยู่แล้ว แล้วแถมคอยมาเก็บที่ดินที่ถูกบีบแล้วเจ้าของไม่มีปัญญาที่จะหามาจ่าย จนเข้าหลักเกณฑ์ตามแผนที่วางไว้ ก็ยืดเอาที่ดินจากชาวบ้านที่จ่ายภาษีไม่ไหวหรือไม่มีเงินพอจ่าย สรุป ที่ดินทั้งหมดก็ไปอยู่กับนายทุน กับเจ้าสัว หรือสุดท้ายก็ถูกระบบราชการมายึดไปแบบดื้อๆเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาจ่ายเป็นค่าภาษี ชาวบ้านแล้วก็ไม่เหลืออะไรไม่ต่างอะไรกับ โจรในเครื่องแบบ เพราะมันถูกวางแผนว่าสุดท้าย คนรายได้น้อยก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องอะไร
มันผิดใช่มั้ยที่เราจะมีที่ดิน แต่ ไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่าย คนออกกฎหมายคิดถึงคนที่หาเช้ากินค่ำบ้างมั้ย
ผมรู้สึกไม่ถูกต้องและไม่เห็นด้วยตามที่กล่าวไปถ้าไปกระทบหรือทำให้ใครไม่สบายใจก็ขอโทษด้วยครับ
ทำไมการเก็บภาษีที่ดินไม่เอารายได้และการเสียภาษีของเราไปใช้ในการคิดทบทวนด้วยครับ คนที่มีรายได้น้อยก็ อาจได้ยกเว้น ที่มรดกก็จะได้ำม่เป็นปัญหากับลูกหลานครับ หวังว่าออกกฎหมายใหม่จะมีกฎหมายเรื่องที่ดินที่ปรับปรุงเพื่อช่วยเหลือคนยากจนด้วยก็จะดีครับ