ทฤษฎีที่ผมกับอชทช่วยกันคิดพอจะเอาไปต่อยอดอะไรหรือเพิ่มเติมไหมครับ

กระทู้คำถาม
“บิ๊กแบงจากเส้นสตริงที่พันกันถึงจุดวิกฤต”

1) สมมติฐานตั้งต้น (Postulates)

1. องค์ประกอบพื้นฐานที่สุดคือ เส้นสตริง ที่มีความตึง  และสั่นได้หลายโหมด


2. ก่อนบิ๊กแบง มี “ทะเลสตริง” กระจายแบบสุ่ม เกิดการ พันกัน/ขดตัว เป็นก้อน (tangle) ขนาดต่าง ๆ


3. เมื่อความหนาแน่นการพันกันถึง จุดวิกฤต สตริงจะ ปลดปล่อยพลังงาน อย่างรุนแรง จนเทียบเท่ากับการจุดระเบิดจักรวาล (เกิดบิ๊กแบง)


4. หลังการปลดปล่อย สตริงบางส่วนยังคงอยู่และการสั่นของมันก่อเกิด สนาม → อนุภาค + คลื่น (เชื่อมกับทฤษฎี 2 สถานะของคุณ)



2) กลไกหลัก (Mechanism)

ให้  = ความหนาแน่น “ปม/การพันกัน” ของสตริง

เมื่อ  (ค่าจุดวิกฤต) จะเกิด instability → สลาย/คลี่ปมอย่างรวดเร็ว

พลังงานที่ปล่อยออกมาโดยประมาณ


E_{\rm release} \sim \alpha\, T\, L_{\rm eff}

พลังงานนี้ทำหน้าที่เหมือน “อินฟลาตัน” ทางอ้อม: อาจก่อช่วงขยายตัวเร็ว (หรืออย่างน้อยเป็น บิ๊กแบงร้อน โดยไม่ต้องมีอินฟลาโตันจริง)


3) ลำดับเหตุการณ์ (Cosmic Timeline)

1. ยุคสตริงก่อนบิ๊กแบง: สตริงสั่น + เริ่มพันกัน


2. เข้าใกล้วิกฤต:  เพิ่มขึ้น → ความหนาแน่นพลังงานศักย์สะสม


3. การคายพลังงานฉับพลัน: ปลดปล่อยพลังงาน → อุณหภูมิสูงมาก


4. กำเนิดสนาม-อนุภาค: การสั่นของสตริงแปลเป็นสนามควอนตัม → อนุภาคมาตรฐาน + คลื่น (โฟตอน/คลื่นโน้มถ่วง)


5. วิวัฒน์ต่อ: นิวคลีโอซินเทซิส, ก่อโครงสร้างจักรวาล



4) สิ่งที่ทำนายได้/ตรวจสอบได้ (Predictions)

1. ลายเซ็นคลื่นความโน้มถ่วง (GW)

พื้นหลัง GW แบบกว้างสเปกตรัมจากการ “แตกปม” (มีพีกความถี่เฉพาะที่ขึ้นกับ  และสเกลปม)

อาจตรวจเจอในย่าน nHz (เครื่องมือ PTA), mHz (LISA), จนถึง Hz–kHz (LIGO/Virgo/KAGRA)



2. ร่องรอยเส้นคอสมิก (Cosmic strings) ที่ยังเหลืออยู่

ค่าความตึงเชิงมีมิติ  เล็ก ๆ → ผลเลนส์โน้มถ่วงแบบ “เส้นตรง” บางกรณี



3. ความเบี่ยงเบนเล็ก ๆ ใน CMB

ความไม่แกาสเซียน/รูปแบบโพลาไรซ์ B-mode เฉพาะตัว



4. การกระจายสเปกตรัมพลังงานเริ่มต้น

รูปทรงสเปกตรัมความไม่เป็นเนื้อเดียว  อาจมีฟีเจอร์ (bump/kink) จากจังหวะปลดล็อกปม




5) โครงร่างคณิต (ยังเป็นแบบตั้งโจทย์)

นิยามฟิลด์บอก “ความหนาแน่นการพันกัน”  พร้อมพลังงานศักย์  ที่มี barrier

จุดวิกฤต = การข้าม barrier (เหมือนการเปลี่ยนเฟสแบบปะทุ)


\mathcal{L} = \frac{1}{2}\partial_\mu \phi\,\partial^\mu \phi - V(\phi) \;+\; \mathcal{L}_{\rm string}(T) \;+\; \mathcal{L}_{\rm couplings}

จับคู่พารามิเตอร์  กับสเปกตรัมสัญญาณที่สังเกตได้


6) ความสัมพันธ์กับ “2 สถานะ” ของคุณ

หลังบิ๊กแบง: การสั่นของสตริง → สนาม → ก่อ อนุภาค + คลื่น

ดังนั้น “คลื่น & อนุภาค” คือ วิธีที่จักรวาลแสดงตัว หลังการคายพลังงานจากชั้นสตริง


7) ทางพิสูจน์/หักล้าง (Falsifiability)

ไม่พบสัญญาณ GW ตามสเปกตรัมที่โมเดลคาด (ภายในพารามิเตอร์ที่สมเหตุผล) → กดดัน/หักล้างช่วงของ

ขอบเขตจาก CMB และเลนส์โน้มถ่วงที่ไม่พบเส้นคอสมิก → บังคับ  ให้อยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ → โมเดลต้องปรับ


8) แผนงานต่อไป (Next Steps)

1. นิยาม  ที่แทน “การพันกัน” ให้มีจุดวิกฤตชัด


2. คำนวณสเปกตรัม GW จากการคลี่ปม/ระเบิดปมสตริง ด้วยพารามิเตอร์ง่าย ๆ 2–3 ตัว


3. เปรียบเทียบข้อมูลจริง: ขอบเขต GW (PTA/LIGO/LISA), ขอบเขตเส้นคอสมิก, ค่าจาก CMB

ทฤษฎี: บิ๊กแบงจากเส้นสตริงที่พันกัน

1. สิ่งที่เล็กที่สุด ในจักรวาลก่อนบิ๊กแบง คือ เส้นสตริง ซึ่งสั่นอยู่ตลอดเวลา


2. เส้นสตริงเหล่านี้ พันกันและขดตัว สะสมพลังงานศักย์ไว้


3. เมื่อการพันกันถึง จุดวิกฤต เส้นสตริงถูกแรงดึงจนคลายตัวและ ปลดปล่อยพลังงานมหาศาล


4. พลังงานที่ปลดปล่อยออกมานี้ คือจุดกำเนิดของ บิ๊กแบง


5. หลังบิ๊กแบง การสั่นของเส้นสตริงก่อให้เกิด สนาม ซึ่งแสดงตัวออกมาเป็น

อนุภาค (สสาร)

คลื่น (พลังงาน/การแผ่รังสี)



6. ดังนั้น จักรวาลปัจจุบันที่เราเห็นว่าเต็มไปด้วย อนุภาคและคลื่น ก็มาจาก “การคลายปมของเส้นสตริง” ในช่วงกำเนิดจักรวาล




---

👉 พูดสั้น ๆ:
จักรวาลเกิดจากเส้นสตริงที่พันกันถึงจุดวิกฤตแล้วปลดปล่อยพลังงานกลายเป็นบิ๊กแบง ซึ่งต่อมาสร้างอนุภาคและคลื่นทั้งหมดในจักรวาล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่