Toyota ปรับโฉม Aqua รถ Hatchback ขุมพลัง Hybrid รุ่นเล็ก (ชื่อเดิม Prius C ในตลาดต่างประเทศ) ที่ทำตลาดเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น โดยยังคงใช้งานวิศวกรรมพื้นฐาน TNGA-B ร่วมกับ Yaris และ Yaris Cross (เวอร์ชั่นตลาดโลก ไม่ใช่อาเซียนที่ใช้ DNGA) และใช้ระบบขับเคลื่อน Hybrid อันเลื่องชื่อเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และแบตเตอรี่ชนิด Nickel-Metal Hydride รุ่นใหม่ มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) และขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four (AWD)

จุดเด่นของการปรับโฉมอยู่ที่ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Hammerhead ส่งต่อมาจากรุ่นพี่อย่าง Prius โดยมาพร้อมกับไฟหน้าใหม่ที่เชื่อมต่อทั้ง 2 ข้างด้วยเส้นไฟ LED เต็มความกว้างตัวรถ กระจังหน้าแบบบางสุดเรียบง่ายและกันชนล่างทรงใหม่คล้ายกับ Prius เช่นเดียวกัน ส่วนด้านหลังเพิ่มแถบสีดำที่ฝากระโปรงท้าย พร้อมโลโก้ Toyota ขนาดเล็กลงและสปอยเลอร์เสริม ขณะที่รุ่น GR Sport ยังต้องร้องเพลงรอกันไปก่อน แต่คาดว่าจะมีชุดแต่งอัพเดทใหม่เปิดตัวตามหลัง

ภายในห้องโดยสารมีการอัพเดทด้วยหน้าจอมาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 7 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่นย่อย และหน้าจอ Infotainment ขนาด 8 หรือ 10.5 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย พร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้าและฟังก์ชัน Auto Brake Hold เสริมด้วยระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 รุ่นล่าสุด ไฮไลต์อีกอย่างคือการติดตั้งระบบ Smooth Stop Control ที่ยืมมาจากรถหรูอย่าง Toyota Century ช่วยให้การเบรกนุ่มนวลเป็นธรรมชาติมากขึ้น

นอกจากนี้สำนักแต่ง Modellista ยังเปิดตัวชุดแต่งเสริมสำหรับ Aqua ใหม่ ประกอบด้วยกันชนหน้าแบบสปอร์ตพร้อมไฟ LED, สเกิร์ตข้าง ดิฟฟิวเซอร์ท้าย ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลายสามก้าน กระจกบานข้างรมดำ และตกแต่งภายในลายไม้ โดยชุดแต่งรอบคันราคา 174,900 เยน (ประมาณ 38,389 บาท) ล้ออัลลอยราคา 149,600 เยน (ประมาณ 32,837 บาท) และชุดตกแต่งภายในราคา 30,800 เยน (ประมาณ 6,760 บาท)

ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่นเริ่มต้นที่ 2,486,000 เยน (ประมาณ 545,658 บาท) สำหรับรุ่น X ขับเคลื่อนล้อหน้า และสูงสุดที่ 3,022,800 เยน (ประมาณ 663,482 บาท) สำหรับรุ่น Z พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four
ที่มา:
Carscoops
Toyota Aqua รุ่น Minorchange Hatchback Hybrid เฉพาะตลาดญี่ปุ่น พร้อมหน้าตาสไตล์ Hammerhead
จุดเด่นของการปรับโฉมอยู่ที่ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Hammerhead ส่งต่อมาจากรุ่นพี่อย่าง Prius โดยมาพร้อมกับไฟหน้าใหม่ที่เชื่อมต่อทั้ง 2 ข้างด้วยเส้นไฟ LED เต็มความกว้างตัวรถ กระจังหน้าแบบบางสุดเรียบง่ายและกันชนล่างทรงใหม่คล้ายกับ Prius เช่นเดียวกัน ส่วนด้านหลังเพิ่มแถบสีดำที่ฝากระโปรงท้าย พร้อมโลโก้ Toyota ขนาดเล็กลงและสปอยเลอร์เสริม ขณะที่รุ่น GR Sport ยังต้องร้องเพลงรอกันไปก่อน แต่คาดว่าจะมีชุดแต่งอัพเดทใหม่เปิดตัวตามหลัง
ภายในห้องโดยสารมีการอัพเดทด้วยหน้าจอมาตรวัดแบบ Full Digital ขนาด 7 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่นย่อย และหน้าจอ Infotainment ขนาด 8 หรือ 10.5 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย พร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้าและฟังก์ชัน Auto Brake Hold เสริมด้วยระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 รุ่นล่าสุด ไฮไลต์อีกอย่างคือการติดตั้งระบบ Smooth Stop Control ที่ยืมมาจากรถหรูอย่าง Toyota Century ช่วยให้การเบรกนุ่มนวลเป็นธรรมชาติมากขึ้น
นอกจากนี้สำนักแต่ง Modellista ยังเปิดตัวชุดแต่งเสริมสำหรับ Aqua ใหม่ ประกอบด้วยกันชนหน้าแบบสปอร์ตพร้อมไฟ LED, สเกิร์ตข้าง ดิฟฟิวเซอร์ท้าย ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลายสามก้าน กระจกบานข้างรมดำ และตกแต่งภายในลายไม้ โดยชุดแต่งรอบคันราคา 174,900 เยน (ประมาณ 38,389 บาท) ล้ออัลลอยราคา 149,600 เยน (ประมาณ 32,837 บาท) และชุดตกแต่งภายในราคา 30,800 เยน (ประมาณ 6,760 บาท)
ราคาจำหน่ายในญี่ปุ่นเริ่มต้นที่ 2,486,000 เยน (ประมาณ 545,658 บาท) สำหรับรุ่น X ขับเคลื่อนล้อหน้า และสูงสุดที่ 3,022,800 เยน (ประมาณ 663,482 บาท) สำหรับรุ่น Z พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four
ที่มา: Carscoops