สวัสดีค่ะ เราอยากมาแชร์ประสบการณ์การทำงานในประเทศพม่า เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังคิดจะมาทำงานต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านใกล้ ๆ เรานี่เอง
เหตุผลที่เราเลือกมาทำงานที่นี่ เพราะตอนแรกคิดว่าจะได้ใช้ภาษาอังกฤษเยอะ ๆ เพื่อพัฒนาสกิลของตัวเอง และคิดว่าการทำงานในต่างประเทศน่าจะเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ รวมถึงเป็นบันไดไปสู่โอกาสที่ดีกว่าในอนาคต
ก่อนมา เราก็มีความคาดหวังว่า เพื่อนร่วมงานจะเข้าใจกันง่าย คนพม่าที่ทำงานด้วยจะรู้ระบบการทำงานที่ดี ทำงานตรงเวลา และสื่อสารกันได้ราบรื่น ไม่มีปัญหา
แต่เมื่อได้มาเจอของจริง… เรื่องราวมันก็ไม่เป็นอย่างที่คิดทั้งหมดค่ะ 😅
🌿 ข้อดีที่ได้จากการทำงานในพม่า
แม้ว่าการทำงานในพม่าจะไม่ง่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีหลายสิ่งที่เป็น “ข้อดี” และทำให้เรารู้สึกว่าคุ้มค่ากับการตัดสินใจครั้งนี้อยู่เหมือนกัน
อย่างแรกเลยคือ ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการทำงานต่างประเทศ ที่ไม่สามารถหาที่ไทยได้ ความแตกต่างของระบบงานและสภาพแวดล้อมทำให้เราได้เรียนรู้มุมมองใหม่ ๆ และทำให้เราเติบโตขึ้นมากกว่าการทำงานอยู่ในกรอบเดิม ๆ ที่คุ้นเคย
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่คาดคิดแต่กลายเป็นคุณค่าในชีวิต คือการได้ เรียนรู้ภาษาพม่า ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะต้องจริงจัง แต่พออยู่ไปนาน ๆ จำเป็นต้องใช้ เลยต้องไปเรียนอย่างจริงจังจนเกือบ 2 ปีเต็ม กลายเป็นว่านอกจากได้งานแล้ว เรายังได้ “ภาษาใหม่” ติดตัวกลับมาแบบไม่ตั้งใจ ถือเป็นกำไรชีวิตที่น้อยคนนักจะได้เจอ
นอกจากนี้ เรายังได้เจอ เพื่อนร่วมงานบางคนที่จริงใจและพร้อมช่วยเหลือ ถึงแม้ไม่ใช่ทุกคน แต่คนกลุ่มเล็ก ๆ เหล่านี้กลับมีค่ามาก ทำให้เรารู้สึกว่าเรายังไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพังในต่างแดน
เรื่อง ค่าครองชีพบางอย่าง ก็เป็นอีกข้อดีที่เห็นชัด ที่นี่ของบางอย่างถูกกว่าไทยมาก ๆ จนบางครั้งก็รู้สึกว่าชีวิตประจำวันไม่ได้สิ้นเปลืองเกินไป แม้รายได้อาจไม่ได้สูงเท่าไทย แต่การใช้ชีวิตพื้นฐานก็ไม่ได้ลำบาก
สุดท้ายคือสิ่งที่เราประทับใจที่สุด — การได้ ฝึกแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อยู่แทบทุกวัน เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน สิ่งนี้ทำให้เราแข็งแรงขึ้นทั้งด้านความคิดและการจัดการกับสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ และกลายเป็นทักษะที่ติดตัวไปใช้ได้ตลอดชีวิต
⚡ ข้อเสียและความยากลำบากที่เจอ
แต่แน่นอนว่าชีวิตการทำงานในพม่ามันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป สิ่งที่ยากและเหนื่อยใจก็มีเยอะจนบางครั้งก็ทำให้เราท้อ
สิ่งแรกที่เจอชัด ๆ คือ ระบบงานที่ไม่ค่อยตรงเวลาและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เราอาจวางแผนไว้อย่างดี แต่ก็ต้องยอมรับว่า “วันนี้ใช่ พรุ่งนี้อาจไม่ใช่” การทำงานจึงไม่ค่อยมีความแน่นอนเท่าที่ควร
ต่อมาคือเรื่อง การสื่อสาร ถึงแม้เราคิดว่าการใช้ภาษาอังกฤษน่าจะเอาอยู่ แต่พอเอาเข้าจริงกลับพบว่ามีปัญหามาก ทั้งการฟัง การพูด และที่สำคัญคือ “ความเข้าใจในเนื้อหา” บางครั้งเราก็ไม่แน่ใจว่าที่คุยกันไป เข้าใจกันตรงหรือเปล่า ยิ่งบวกกับความแตกต่างทางวัฒนธรรม ทำให้สิ่งที่เขามองว่า “เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องซีเรียส” กลายเป็น “เรื่องใหญ่ที่กระทบงาน” ในมุมมองของเรา
สภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตและทำงาน ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย เช่น ไฟฟ้าที่อยากดับก็ดับ บางครั้งหายไปนานโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า หรืออินเทอร์เน็ตที่ช้ามาก ต้องใช้ระบบเติมเงินซึ่งไม่เสถียรเลย ทำให้การทำงานบางอย่างล่าช้าแบบเลี่ยงไม่ได้
และสิ่งที่รู้สึกชัดเจนที่สุดคือ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการทำงาน พม่าที่ทำงานในไทยเรามักเห็นว่ามีความรับผิดชอบมากกว่า แต่พออยู่ในประเทศเขาเอง กลับเห็นด้านที่ต่างออกไป เช่น ความไม่ตรงต่อเวลา การอู้งาน หรือการทำงานแบบไม่จริงจัง สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ามุมมองและมาตรฐานการทำงานของแต่ละประเทศต่างกันมากจริง ๆ
📝 สรุปและข้อคิดส่งท้าย
จากประสบการณ์นี้ สิ่งที่ได้เรียนรู้ชัดเจนคือ การทำงานในพม่าไม่ง่ายเหมือนที่คิด มันมีทั้งเรื่องดีและเรื่องที่ท้าทายปนกันไป ได้ทั้งโอกาสใหม่ ๆ ทักษะใหม่ ๆ แต่ก็ต้องแลกกับความเหนื่อยใจและการปรับตัวตลอดเวลา
สำหรับใครที่สนใจจะมาทำงานที่นี่ อยากบอกว่า — อย่ามาเพราะคิดว่ามันง่ายหรือสบาย แต่จงมาเพราะอยากเรียนรู้ และพร้อมเผชิญกับความจริง ถ้าคุณเตรียมใจมาดี คุณจะได้ประสบการณ์ที่คุ้มค่ามากแน่นอนค่ะ 🙂
ประสบการณ์จริงของการทำงานในพม่า: มีทั้งเรื่องดีและเรื่องที่ไม่ง่าย...
เหตุผลที่เราเลือกมาทำงานที่นี่ เพราะตอนแรกคิดว่าจะได้ใช้ภาษาอังกฤษเยอะ ๆ เพื่อพัฒนาสกิลของตัวเอง และคิดว่าการทำงานในต่างประเทศน่าจะเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ รวมถึงเป็นบันไดไปสู่โอกาสที่ดีกว่าในอนาคต
ก่อนมา เราก็มีความคาดหวังว่า เพื่อนร่วมงานจะเข้าใจกันง่าย คนพม่าที่ทำงานด้วยจะรู้ระบบการทำงานที่ดี ทำงานตรงเวลา และสื่อสารกันได้ราบรื่น ไม่มีปัญหา
แต่เมื่อได้มาเจอของจริง… เรื่องราวมันก็ไม่เป็นอย่างที่คิดทั้งหมดค่ะ 😅
🌿 ข้อดีที่ได้จากการทำงานในพม่า
แม้ว่าการทำงานในพม่าจะไม่ง่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีหลายสิ่งที่เป็น “ข้อดี” และทำให้เรารู้สึกว่าคุ้มค่ากับการตัดสินใจครั้งนี้อยู่เหมือนกัน
อย่างแรกเลยคือ ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการทำงานต่างประเทศ ที่ไม่สามารถหาที่ไทยได้ ความแตกต่างของระบบงานและสภาพแวดล้อมทำให้เราได้เรียนรู้มุมมองใหม่ ๆ และทำให้เราเติบโตขึ้นมากกว่าการทำงานอยู่ในกรอบเดิม ๆ ที่คุ้นเคย
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่คาดคิดแต่กลายเป็นคุณค่าในชีวิต คือการได้ เรียนรู้ภาษาพม่า ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะต้องจริงจัง แต่พออยู่ไปนาน ๆ จำเป็นต้องใช้ เลยต้องไปเรียนอย่างจริงจังจนเกือบ 2 ปีเต็ม กลายเป็นว่านอกจากได้งานแล้ว เรายังได้ “ภาษาใหม่” ติดตัวกลับมาแบบไม่ตั้งใจ ถือเป็นกำไรชีวิตที่น้อยคนนักจะได้เจอ
นอกจากนี้ เรายังได้เจอ เพื่อนร่วมงานบางคนที่จริงใจและพร้อมช่วยเหลือ ถึงแม้ไม่ใช่ทุกคน แต่คนกลุ่มเล็ก ๆ เหล่านี้กลับมีค่ามาก ทำให้เรารู้สึกว่าเรายังไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพังในต่างแดน
เรื่อง ค่าครองชีพบางอย่าง ก็เป็นอีกข้อดีที่เห็นชัด ที่นี่ของบางอย่างถูกกว่าไทยมาก ๆ จนบางครั้งก็รู้สึกว่าชีวิตประจำวันไม่ได้สิ้นเปลืองเกินไป แม้รายได้อาจไม่ได้สูงเท่าไทย แต่การใช้ชีวิตพื้นฐานก็ไม่ได้ลำบาก
สุดท้ายคือสิ่งที่เราประทับใจที่สุด — การได้ ฝึกแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อยู่แทบทุกวัน เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน สิ่งนี้ทำให้เราแข็งแรงขึ้นทั้งด้านความคิดและการจัดการกับสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ และกลายเป็นทักษะที่ติดตัวไปใช้ได้ตลอดชีวิต
⚡ ข้อเสียและความยากลำบากที่เจอ
แต่แน่นอนว่าชีวิตการทำงานในพม่ามันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป สิ่งที่ยากและเหนื่อยใจก็มีเยอะจนบางครั้งก็ทำให้เราท้อ
สิ่งแรกที่เจอชัด ๆ คือ ระบบงานที่ไม่ค่อยตรงเวลาและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เราอาจวางแผนไว้อย่างดี แต่ก็ต้องยอมรับว่า “วันนี้ใช่ พรุ่งนี้อาจไม่ใช่” การทำงานจึงไม่ค่อยมีความแน่นอนเท่าที่ควร
ต่อมาคือเรื่อง การสื่อสาร ถึงแม้เราคิดว่าการใช้ภาษาอังกฤษน่าจะเอาอยู่ แต่พอเอาเข้าจริงกลับพบว่ามีปัญหามาก ทั้งการฟัง การพูด และที่สำคัญคือ “ความเข้าใจในเนื้อหา” บางครั้งเราก็ไม่แน่ใจว่าที่คุยกันไป เข้าใจกันตรงหรือเปล่า ยิ่งบวกกับความแตกต่างทางวัฒนธรรม ทำให้สิ่งที่เขามองว่า “เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องซีเรียส” กลายเป็น “เรื่องใหญ่ที่กระทบงาน” ในมุมมองของเรา
สภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตและทำงาน ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย เช่น ไฟฟ้าที่อยากดับก็ดับ บางครั้งหายไปนานโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า หรืออินเทอร์เน็ตที่ช้ามาก ต้องใช้ระบบเติมเงินซึ่งไม่เสถียรเลย ทำให้การทำงานบางอย่างล่าช้าแบบเลี่ยงไม่ได้
และสิ่งที่รู้สึกชัดเจนที่สุดคือ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการทำงาน พม่าที่ทำงานในไทยเรามักเห็นว่ามีความรับผิดชอบมากกว่า แต่พออยู่ในประเทศเขาเอง กลับเห็นด้านที่ต่างออกไป เช่น ความไม่ตรงต่อเวลา การอู้งาน หรือการทำงานแบบไม่จริงจัง สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ามุมมองและมาตรฐานการทำงานของแต่ละประเทศต่างกันมากจริง ๆ
📝 สรุปและข้อคิดส่งท้าย
จากประสบการณ์นี้ สิ่งที่ได้เรียนรู้ชัดเจนคือ การทำงานในพม่าไม่ง่ายเหมือนที่คิด มันมีทั้งเรื่องดีและเรื่องที่ท้าทายปนกันไป ได้ทั้งโอกาสใหม่ ๆ ทักษะใหม่ ๆ แต่ก็ต้องแลกกับความเหนื่อยใจและการปรับตัวตลอดเวลา
สำหรับใครที่สนใจจะมาทำงานที่นี่ อยากบอกว่า — อย่ามาเพราะคิดว่ามันง่ายหรือสบาย แต่จงมาเพราะอยากเรียนรู้ และพร้อมเผชิญกับความจริง ถ้าคุณเตรียมใจมาดี คุณจะได้ประสบการณ์ที่คุ้มค่ามากแน่นอนค่ะ 🙂