กันยายน ‘September Effect’ เดือนที่ตลาดหุ้นทั่วโลกต้องจับตา

กันยายนถูกจับตาในฐานะเดือนที่ตลาดหุ้นมักอ่อนแรงตามปรากฏการณ์ “September Effect” โดยสถิติย้อนหลังเกือบร้อยปีชี้ว่าดัชนีสำคัญอย่าง S&P 500 และดาวโจนส์มีแนวโน้มปรับตัวลงมากกว่าขึ้น ขณะที่ตลาดยุโรป แคนาดา และฮ่องกงก็สะท้อนภาพเดียวกั

เดือนสิงหาคม ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปรับตัวขึ้นทำสถิติ แต่กันยายนเป็นเดือนที่ข้อมูลชี้ว่าอ่อนแอที่สุด หรือที่เรียกันว่า ปรากฏการณ์ September Effect โดยธนาคารยุโรปโดดเด่น ส่วนหุ้นสื่อร่วงแรง นักลงทุนรอฟังข้อมูลเศรษฐกิจและการตัดสินใจนโยบายการเงินทั้งจากสหรัฐและยุโรป

ตามรายงานของ CNBC ระบุว่า ดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ที่ 6,500 จุดในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ก็แตะระดับสูงสุดใหม่เช่นกัน ส่วนฝั่งยุโรป ดัชนี Stoxx Europe 600 ทำสถิติชนะติดต่อกันสองเดือนครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

อย่างไรก็ตาม เงาของเดือนกันยายนยังคงปกคลุม ตามข้อมูลของ Dow Jones ดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq Composite ต่างก็ทำผลงานแย่ที่สุดในรอบปีในเดือนนี้

เมื่อมองในมิติอุตสาหกรรม ภาพยังคงผสมผสาน โดยเฉพาะในยุโรป เมื่อผ่านมาสองในสามของไตรมาสสาม ท่ามกลางผลประกอบการบริษัทยุโรปและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาคโลก

ภาคธนาคารยุโรป หุ้นขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่วิกฤติการเงินปี 2008 ในต้นเดือนสิงหาคม โดยแรงหนุนจากผลประกอบการเชิงบวกและกระแสการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรม

Commerzbank ของเยอรมนีเป็นผู้นำการปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% ตั้งแต่ต้นปีต่อปี หลังจากผลงานครึ่งปีแรกแข็งแกร่ง
ในทางกลับกัน หุ้นสื่อถูกกดดันหนักในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ร่วงลงมากกว่า 8% จากความกังวลต่อผลกระทบของ AI ที่กดดันผู้เล่นรายใหญ่ในยุโรป โดยเฉพาะ WPP บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ที่ทำผลงานแย่ที่สุดของกลุ่ม หุ้นทรุดลงหลังรายงานกำไรครึ่งปีแรกก่อนหักภาษีลดลง 71% และปรับลดคาดการณ์ทั้งปี

สำหรับกันยายนและปีถัดไป บางฝ่ายยังคงมองบวก มาร์ก ฮาฟเล (Mark Haefele) ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน UBS Global Wealth Management ระบุในบันทึกว่า

เชื่อว่าตลาดกระทิงยังคงอยู่ต่อไป คาดว่าเศรษฐกิจจะลงจอดอย่างนุ่มนวล ผลประกอบการบริษัทยังแข็งแกร่ง และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะช่วยพยุงตลาดใน 12 เดือนข้างหน้า

ยังมีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้น เกรกอรี ดาโค (Gregory Daco) หัวหน้านัเศรษฐศาสตร์ EY-Parthenon กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังแสดงความยืดหยุ่น แต่กำลังเผชิญแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตในอัตราเร่งปีละ 3.0% ในไตรมาส 2 ปี 2025 แต่ความแข็งแกร่งนั้นส่วนใหญ่เป็นภาพลวงตา สะท้อนจากการนำเข้าที่ลดลงหลังภาคธุรกิจเร่งซื้อสินค้าตอบโต้ภาษีเมื่อต้นปี

รายงานล่าสุดจาก Barclays คาดว่าการเติบโตจะชะลอลงในครึ่งหลัง แต่เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปจะฟื้นตัวในปี 2026 โดยระบุว่า ตลาดจะเคลื่อนไปจากการตอบสนองต่อสองประเด็นหลักคือภาษีและร่างกฎหมายภาษีของสหรัฐ

September Effect ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐฯ
แต่ยังพบได้ในตลาดหุ้นหลักอื่น ๆ ทั่วโลกในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ข้อมูลของ RBC Wealth Management ที่รวบรวมสถิติตั้งแต่ปี 1970 ถึงปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่าดัชนีสำคัญในต่างประเทศ เช่น ดัชนี S&P/TSX Composite ของตลาดหุ้นแคนาดา, FTSE All-Share ของตลาดหุ้นสหราชอาณาจักร (UK) และ Hang Seng ของตลาดหุ้นฮ่องกง ต่างก็เผชิญกับผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบในเดือนกันยายนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

โดยตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา ดัชนี S&P/TSX ของแคนาดามีค่าเฉลี่ยเดือนกันยายน -1.4%, FTSE All-Share ของอังกฤษ  -1.1%, และ Hang Seng ของฮ่องกง  -1.0% ซึ่งล้วนเป็นค่าผลตอบแทนเฉลี่ยที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนอื่น ๆ ในรอบปีของแต่ละตลาดrbcwealthmanagement.com แนวโน้มนี้สะท้อนภาพเดียวกับตลาดสหรัฐ

กล่าวคือเดือนกันยายนเป็น “เดือนอ่อนแอ” สำหรับตลาดหุ้นหลากหลายประเทศ ขณะที่เดือนที่มักทำผลงานได้ดีในหลายภูมิภาคคือ ช่วงปลายปีต่อต้นปีใหม่ (เช่น ธันวาคมและมกราคม) ซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวกสูงสุดเมื่อเทียบกัน

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ พาย หรือ Pi Securities ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ September Effect หรือ September Blue ไว้อย่างน่าสนใจอ้างอิงที่มาจาก finsyn โดยสาระสำคัญระบุว่า สถิติในตลาดทุนชี้ชัดว่า เดือนกันยายนมักสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นมากกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ ปรากฏการณ์นี้ถูกเรียกว่า “September Effect”

โดยหากย้อนไปตั้งแต่ปี 1928 ดัชนีสำคัญอย่าง S&P 500 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบราว –1.2% ในเดือนกันยายน และในกว่าครึ่งหนึ่งของช่วงเวลาดังกล่าว ดัชนีก็ปิดลบจริง ๆ จนทำให้เดือนนี้ถูกนักลงทุนทั่วโลกจดจำว่าเป็น “เดือนที่ตลาดไม่เคยใจดีนัก”

คำถามสำคัญคือ เหตุใดกันยายนจึงมักถูกมองว่าเป็นเดือนแห่งแรงขาย นักวิเคราะห์ได้เสนอทฤษฎีไว้หลายแนวทาง ได้แก่

การปรับพอร์ตสิ้นไตรมาส
กองทุนขนาดใหญ่จำนวนมากมักเลือกเดือนกันยายน ซึ่งตรงกับสิ้นไตรมาส 3 ในการปรับน้ำหนักการลงทุน หุ้นที่เกินสัดส่วนจึงถูกขายออกพร้อมกัน สร้างแรงกดดันต่อตลาดโดยรวม

แรงขายเพื่อวัตถุประสงค์ทางภาษี
ช่วงนี้มักเป็นจังหวะของการทำ tax-loss harvesting หรือการขายหุ้นขาดทุนเพื่อหักลบกับกำไรที่เกิดขึ้น การเคลื่อนไหวพร้อมกันของนักลงทุนจำนวนมากยิ่งซ้ำเติมแรงขาย

ปัจจัยด้านจิตวิทยาตลาด
หลังจากบรรยากาศช่วงฤดูร้อนที่ค่อนข้างเงียบ นักลงทุนกลับเข้าสู่การซื้อขายเต็มรูปแบบในเดือนกันยายน พร้อมเผชิญข้อมูลเศรษฐกิจ งบการเงินไตรมาสใหม่ และประเด็นการเมืองที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ความกังวลนำไปสู่แรงขาย

ผลจากการคาดการณ์ล่วงหน้า
ปรากฏการณ์นี้ยังถูกอธิบายว่าเกิดจาก ความเชื่อร่วมกัน ว่าเดือนกันยายนเป็นเดือนที่ตลาดมักอ่อนแรง นักลงทุนจึงเร่งขายก่อน ส่งผลให้ตลาดปรับตัวลงจริงตามการคาดการณ์

อย่างไรก็ตาม สถิติไม่ได้หมายความว่าทุกกันยายนจะปิดลบเสมอไป บางปีตลาดยังสามารถให้ผลตอบแทนเป็นบวก แต่ด้วยข้อมูลเชิงประวัติที่ค่อนข้างชัดเจน นักลงทุนจึงมักระมัดระวังมากขึ้นในช่วงเดือนนี้

แม้กันยายนจะขึ้นชื่อว่าเป็นเดือนที่ผันผวนที่สุดของปี แต่ในอีกมุมหนึ่ง การปรับฐานรุนแรงก็อาจเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนเลือกสะสมหุ้นคุณภาพในราคาที่น่าสนใจกว่าปกติ โดยเฉพาะหากบริหารจังหวะการลงทุนและพิจารณาควบคู่กับปัจจัยค่าเงินที่อาจเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนต่างประเทศ
ท้ายที่สุด “September Effect” อาจจะฟังดูน่ากังวล แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า ความเสี่ยงและโอกาสมักมาคู่กัน อยู่เสมอสำหรับนักลงทุนในตลาดทุน
Pi Securities ยังเน้นย้ำว่า เนื้อหาที่นำเสนอเป็นการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุนเฉพาะบุคคล การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล ผลตอบแทน และเงื่อนไขอย่างรอบคอบ รวมถึงพิจารณาความสามารถในการรับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของตนเอง ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถยืนยันผลตอบแทนในอนาคตได้

เหตุการณ์สำคัญที่ต้องจับตา 
8 กันยายน การลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลฝรั่งเศส
11 กันยายน การตัดสินใจนโยบายการเงิน ECB
16–17 กันยายน การประชุมนโยบายการเงินเฟด
17 กันยายน ประธานาธิบดีทรัมป์เยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ
18 กันยายน การตัดสินใจนโยบายการเงินธนาคารกลางอังกฤษ

อ้างอิงข้อมูล
CNBC
Nothing new about September slides for stock markets
Is September the Worst Month for the Stock Market?
September Effect: Definition, Stock Market History, Theories
Dow Reaches New High as US Stock Market Gain in August


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่