มันคือเงินแจก….ที่คนได้รับ ยาไส้ ได้ไม่กี่เดือน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สรุปข้อมูลอย่างเป็นทางการ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
สถานะ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2568
สรุปยอดรวมที่จ่ายแล้ว:
เมื่อรวมงบประมาณที่จ่ายให้กับกลุ่มเฉพาะทั้ง 2 เฟส จะมียอดรวมประมาณ 175,500 ล้านบาท
มาสร้าง กำแพง …คอนกรีต พร้อม ถนน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตามที่ท่านต้องการ ผมได้ปรับการคำนวณให้ละเอียดขึ้น เพื่อประเมินราคา "เฉพาะตัวโครงสร้างกำแพงคอนกรีตล้วนๆ" โดยตัดค่าใช้จ่ายส่วนของถนนตรวจการณ์ และ "ระบบที่เกี่ยวข้อง" เช่น ระบบเซ็นเซอร์, กล้องวงจรปิด, รั้วไฟฟ้า และระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ออกไปทั้งหมด
หลักการคำนวณ
* ประเมินสัดส่วนต้นทุนใหม่: ในโครงการความมั่นคงขนาดใหญ่นี้ "ระบบที่เกี่ยวข้อง" มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ผมจึงประเมินสัดส่วนต้นทุนโครงการใหม่ดังนี้:
* โครงสร้างกำแพงคอนกรีต (ที่ท่านต้องการ): ประมาณ 65% ของต้นทุนทั้งหมด (รวมค่าวัสดุ, ฐานราก, การติดตั้ง)
* ระบบความปลอดภัยอิเล็กทรอนิกส์: ประมาณ 20%
* ถนน, การเตรียมพื้นที่ และอื่นๆ: ประมาณ 15%
* ใช้อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด: จากข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2568
* 1 ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ≈ 32.28 บาท (THB)
ผลการคำนวณ (เฉพาะโครงสร้างกำแพง ต่อ 1 กิโลเมตร)
เราจะนำต้นทุนโครงการเดิมในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มาคำนวณเฉพาะสัดส่วนของโครงสร้างกำแพง (65%) แล้วแปลงเป็นเงินบาทด้วยอัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด
1. อ้างอิงจากต้นทุนโครงการล่าสุด (ตัวเลขต่ำสุด)
* ต้นทุนรวม: $2,060,000
* ต้นทุนเฉพาะโครงสร้างกำแพง (65%): $2,060,000 x 0.65 = $1,339,000
* คำนวณเป็นเงินบาท: $1,339,000 x 32.28 THB/USD = 43,222,920 บาท
2. อ้างอิงจากข้อมูลประเมินภาพรวม (ตัวเลขสูงสุด)
* ต้นทุนรวม: $4,700,000
* ต้นทุนเฉพาะโครงสร้างกำแพง (65%): $4,700,000 x 0.65 = $3,055,000
* คำนวณเป็นเงินบาท: $3,055,000 x 32.28 THB/USD = 98,615,400 บาท
ที่กันรถถังได้ เพราะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้าหากรถถังหลักของกัมพูชา (ซึ่งส่วนใหญ่คือ T-54/T-55 น้ำหนักประมาณ 36-40 ตัน) วิ่งเข้าชน "
เราต้องเข้าใจว่ากำแพงนี้ไม่ใช่กำแพงปูนธรรมดา แต่มันคือ "โครงสร้างทางยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง" (Strategic Security Infrastructure) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่รุนแรงกว่าการวิ่งเข้าชนของรถถังมากนัก
* มวล (Mass) และความหนาแน่น (Density):
* กำแพงนี้ประกอบด้วยแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปเสริมเหล็กกล้า (Reinforced Concrete) ที่มีความสูงถึง 8-9 เมตร และมีความหนาอย่างมหาศาล (บางจุดอาจหนาเป็นเมตร)
* หลักฟิสิกส์ง่ายๆ คือ เมื่อวัตถุสองชิ้นชนกัน วัตถุที่มีมวลและความหนาแน่นต่ำกว่า จะเป็นฝ่ายที่เสียหายหนักกว่าเสมอ ในกรณีนี้ มวลรวมของกำแพงทั้งแนวที่ยึดโยงกันนั้นมีมากกว่ามวลของรถถังอย่างเทียบกันไม่ได้เลย
* ฐานรากที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ (Engineered Foundation):
* กำแพงไม่ได้วางอยู่บนดินเฉยๆ แต่มีฐานรากที่ถูกคำนวณทางวิศวกรรมให้ลึกลงไปในดินหลายเมตร และอาจมีโครงสร้างป้องกันการขุดอุโมงค์อยู่ข้างใต้ด้วยซ้ำ
* ฐานรากที่แข็งแกร่งนี้ทำให้กำแพงเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของแผ่นดิน มันจึงไม่ใช่แค่ "กำแพง" แต่เป็น "ภูเขาเทียม" ที่มนุษย์สร้างขึ้น การชนกำแพงจึงไม่ต่างอะไรกับการวิ่งรถถังชนหน้าผาหิน
* การออกแบบเพื่อต้านทานแรงระเบิด (Blast Resistance):
* กำแพงเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อแรงระเบิดจากวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง (IEDs) หรือแม้แต่อาวุธต่อสู้รถถังบางชนิด ซึ่งมีพลังงานในการทำลายล้างที่รุนแรงและเฉพาะจุดมากกว่าพลังงานจลน์จากการวิ่งชนของรถถัง
* พลังงานจากการวิ่งชนของรถถังที่หนัก 40 ตันนั้นเทียบไม่ได้เลยกับแรงระเบิดที่กำแพงถูกออกแบบมาให้ทนทาน
จะเกิดอะไรขึ้นกับรถถัง?
เมื่อรถถังที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงปะทะกับกำแพงที่ไม่ขยับเขยื้อน พลังงานจลน์ทั้งหมดจะย้อนกลับมาทำลายตัวรถถังเองอย่างรุนแรง:
* โครงสร้างรถบิดเบี้ยว: ส่วนหน้าของรถถังจะยุบตัวอย่างรุนแรง
* ระบบขับเคลื่อนพัง: สายพาน, ล้อกดสายพาน และระบบช่วงล่างจะเสียหายหนักจนไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อได้
* พลประจำรถ: แรงกระแทกมหาศาล (G-Force) จะทำให้พลขับและพลประจำรถบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตได้ทันที
สรุปได้ว่า: การนำรถถัง T-55 ไปชนกำแพงชายแดนของอิสราเอลนั้น เป็นการกระทำที่ไม่มีประสิทธิภาพในทางทหารและเป็นการสูญเสียยุทโธปกรณ์โดยเปล่าประโยชน์ครับ กำแพงถูกสร้างมาเพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามที่รุนแรงกว่านั้นมาก
งบที่ยาไส้คนได้ อย่างมาก3เดือนนั้น เอาทำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โครงการขนาดมหึมานี้ เราสามารถคำนวณงบประมาณทั้งหมดโดยใช้ตัวเลขที่ประเมินไว้ในขั้นตอนก่อนหน้าได้ครับ
หลักการคำนวณ
* ความยาวชายแดนไทย-กัมพูชา: ประมาณ 803 กิโลเมตร
* งบประมาณเฉลี่ยต่อกิโลเมตร (ที่ประเมินจากสภาพภูมิประเทศ): 80 - 100 ล้านบาท
เราจะใช้ตัวเลขค่าเฉลี่ยกลางที่ 90 ล้านบาทต่อกิโลเมตร เป็นตัวตั้งในการคำนวณ เพื่อให้เห็นภาพรวมของงบประมาณที่ต้องใช้
การคำนวณงบประมาณรวมทั้งหมด
สูตรการคำนวณ:
ความยาวชายแดน x งบประมาณเฉลี่ยต่อกิโลเมตร = งบประมาณรวมทั้งหมด
ผลการคำนวณ:
803 กิโลเมตร x 90,000,000 บาท = 72,270,000,000 บาท
สรุปงบประมาณทั้งหมด
หากจะสร้างกำแพงความมั่นคงสูงตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณทั้งหมดอยู่ในช่วงประมาณ:
> 64,000 - 80,000 ล้านบาท (หกหมื่นสี่พัน ถึง แปดหมื่นล้านบาท)
>
ข้อควรพิจารณาที่สำคัญอย่างยิ่ง:
* เป็นเพียงค่าก่อสร้างเบื้องต้น: ตัวเลขนี้เป็นเพียงการประเมินค่าใช้จ่ายสำหรับ "การก่อสร้างโครงสร้างกำแพงและถนน" เท่านั้น
ส่วนเงินที่เหลือราวๆแสนล้าน ก็จะได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การคำนวณข้อมูลการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทั้งหมดใหม่อีกครั้ง โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 32 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ตามที่ท่านต้องการ ด้วยงบประมาณเท่าเดิมคือ 100,000 ล้านบาท
1. Skyranger 30 (ระบบป้องกันภัยทางอากาศ)
* ราคาประเมินต่อระบบ: 31.3 ล้านยูโร
* คำนวณเป็นเงินบาท (อัตราใหม่):
* 31.3 \text{ ล้านยูโร} \times 32 \text{ บาท/ยูโร} \approx 1,001.6 \text{ ล้านบาทต่อระบบ}
* จำนวนที่จัดหาได้ด้วยงบ 1 แสนล้านบาท:
* \frac{100,000,000,000 \text{ บาท}}{1,001,600,000 \text{ บาท/ระบบ}} \approx 99.8 \text{ ระบบ}
สรุป: จัดหา Skyranger 30 ได้ประมาณ 100 ระบบ
2. AH-64E Apache (เฮลิคอปเตอร์โจมตี)
* ราคาประเมินต่อลำ (รวมแพ็กเกจ): 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* คำนวณเป็นเงินบาท (อัตราใหม่):
* 125 \text{ ล้านดอลลาร์} \times 32 \text{ บาท/ดอลลาร์} = 4,000 \text{ ล้านบาทต่อลำ}
* จำนวนที่จัดหาได้ด้วยงบ 1 แสนล้านบาท:
* \frac{100,000,000,000 \text{ บาท}}{4,000,000,000 \text{ บาท/ลำ}} = 25 \text{ ลำ}
สรุป: จัดหา AH-64E Apache ได้ 25 ลำ
3. Iron Dome (ระบบป้องกันภัยทางอากาศ)
* ราคาประเมินต่อระบบ (4 ฐานยิง + จรวด 1 ชุด): 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* คำนวณเป็นเงินบาท (อัตราใหม่):
* 54 \text{ ล้านดอลลาร์} \times 32 \text{ บาท/ดอลลาร์} = 1,728 \text{ ล้านบาทต่อระบบ}
* จำนวนที่จัดหาได้ด้วยงบ 1 แสนล้านบาท:
* \frac{100,000,000,000 \text{ บาท}}{1,728,000,000 \text{ บาท/ระบบ}} \approx 57.8 \text{ ระบบ}
สรุป: จัดหา Iron Dome ได้ประมาณ 58 ระบบ


ซึ่ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทวิเคราะห์: "ปืน" หรือ "เนย" ในบริบทความมั่นคงที่เปราะบาง (สิงหาคม 2568)
การตัดสินใจเลือกระหว่างการแจกเงินดิจิทัลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกับการทุ่มงบประมาณเพื่อเสริมศักยภาพทางการทหาร ได้ถูกยกระดับความสำคัญขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังเกิด "วิกฤตการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา" ที่ปะทุขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี 2568 ควบคู่ไปกับสภาวะ "ภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังถดถอย" (Geopolitical Recession) ทั่วโลก ซึ่งเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ทั้งสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อ, ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่าน-อิสราเอล และความขัดแย้งอีกหลายจุด
สถานการณ์เหล่านี้ได้เปลี่ยนโจทย์จาก "ถ้าหากมีภัยคุกคาม" มาเป็น "เมื่อภัยคุกคามเกิดขึ้นแล้ว"
## ทางเลือกที่ 1: การแจกเงินดิจิทัล (เน้น "เนย" - ความมั่นคงของมนุษย์)
การเลือกแจกเงิน 10,000 บาทในบริบทนี้ คือการยืนยันว่า แม้จะมีภัยจากภายนอก แต่ปัญหาปากท้องของประชาชนยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
เงิน 10,000 บาท ในภาวะวิกฤต
สำหรับประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนและสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา เงินจำนวนนี้จะมีความหมายมากกว่าเดิม แต่ก็จะถูกใช้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
* เงินเพื่อการอยู่รอดและเยียวยา: สำหรับชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนที่ต้องอพยพหรือสูญเสียรายได้ เงินก้อนนี้คือ "ทุนฉุกเฉิน" ที่จะช่วยให้พวกเขาประทังชีวิตได้ในระยะสั้นที่สุด อาจอยู่ได้เพียง ไม่กี่สัปดาห์ถึงหนึ่งเดือน เพื่อใช้จ่ายค่าอาหาร, ที่พักชั่วคราว และของใช้จำเป็น
* เงินเพื่อบรรเทาภาระ: สำหรับคนทั่วไป เงินยังคงทำหน้าที่บรรเทาภาระค่าครองชีพและหนี้สินเร่งด่วน ซึ่งอาจช่วยพยุงสถานะทางการเงินได้ประมาณ 1-3 เดือน เหมือนเดิม
* ข้อโต้แย้งในภาวะสงคราม: ข้อดีของการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจถูกลดทอนลงอย่างมาก หากประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของประเทศ การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคอาจไม่เกิดขึ้นตามที่คาดหวัง เพราะผู้คนจะหันไปเก็บออมเงินสดเพื่อความไม่แน่นอนแทน
## ทางเลือกที่ 2: สร้างกำแพงและซื้ออาวุธ (เน้น "ปืน" - ความมั่นคงของรัฐ)
การเลือกทุ่มงบประมาณให้กับการป้องกันประเทศในบริบทนี้ ไม่ใช่การเตรียมการอีกต่อไป แต่เป็นการ "ตอบสนองต่อวิกฤตที่เกิดขึ้นจริง"
ความจำเป็นของ "ปืน" เมื่อเสียงปืนดังขึ้นแล้ว
เหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการใช้อาวุธหนัก, ปืนใหญ่, โดรน และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งทหารและพลเรือน ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความจำเป็นของยุทโธปกรณ์ที่เคยเป็นเพียงทฤษฎี
* กำแพงชายแดน: ไม่ใช่แค่ป้องกันการลักลอบเข้าเมือง แต่กลายเป็นแนวป้องกันด่านแรก (First Line of Defense) เพื่อชะลอการรุกคืบของกำลังภาคพื้นดินและปกป้องชุมชนริมชายแดนโดยตรง
* Iron Dome / Skyranger 30: การปะทะมีการใช้ปืนใหญ่และอาจมีจรวดขนาดเล็กยิงเข้ามาในเขตชุมชน ทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศไม่ใช่ของฟุ่มเฟือยอีกต่อไป แต่เป็น "เกราะคุ้มกัน" ที่จะช่วยปกป้องชีวิตพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญไม่ให้ถูกทำลาย
* AH-64E Apache: การมีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่าทางอากาศ เป็นปัจจัยชี้ขาดในการกดดันฝ่ายตรงข้ามให้ยุติการโจมตีและกลับสู่โต๊ะเจรจา เป็นเครื่องมือที่ใช้ "ยุติความขัดแย้ง" ไม่ใช่แค่การป้องปราม
สรุปมุมมอง "ปืน": เมื่ออธิปไตยของชาติถูกคุกคาม และความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนถูกละเมิด การลงทุนเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการป้องกันตัวไม่ใช่ "ทางเลือก" แต่เป็น "ความจำเป็นเร่งด่วนที่สุด" เศรษฐกิจจะเติบโตไม่ได้หากรัฐไม่สามารถปกป้องแผ่นดินของตนเองได้
## บทสรุปประมวลใหม่
วิกฤตการณ์ชายแดนปี 2568 และความขัดแย้งทั่วโลก ได้เปลี่ยนสมดุลของสมการ "ปืนกับเนย" อย่างสิ้นเชิง
จากเดิมที่เป็นการเลือกระหว่าง "การเติบโตทางเศรษฐกิจ" กับ "การเตรียมพร้อมทางทหาร" ได้กลายเป็นการเลือกระหว่าง "การเยียวยาประชาชนในภาวะวิกฤต" กับ "การยุติวิกฤตเพื่อปกป้องประชาชน"
ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้อถกเถียงได้เอนเอียงไปทางความมั่นคงของรัฐอย่างมีน้ำหนัก การมีอยู่ของชาติและชีวิตที่ปลอดภัยของพลเมือง กลายเป็นเงื่อนไขสำคัญอันดับแรกที่ต้องรักษาไว้ ก่อนที่นโยบายทางเศรษฐกิจใดๆ จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อนำเงินแจก… มาสร้างกำแพง พร้อม ผู้พิทักษ์
มันคือเงินแจก….ที่คนได้รับ ยาไส้ ได้ไม่กี่เดือน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาสร้าง กำแพง …คอนกรีต พร้อม ถนน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่กันรถถังได้ เพราะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
งบที่ยาไส้คนได้ อย่างมาก3เดือนนั้น เอาทำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนเงินที่เหลือราวๆแสนล้าน ก็จะได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้