ความเดิมจากตอนที่แล้วครับ >>
https://pantip.com/topic/43700816
โดยส่วนมากทุกวันตอนเย็นช่วงกินข้าวเราก็จะมานัดแผนของวันรุ่งขึ้นกันนะครับ ว่าเราจะทำอะไรบ้าง เราจะดูสภาพอากาศกันก่อนว่าต้องแต่งตัวกันประมานไหน จะเย็นไปรึปล่าว มีฝนไหม เนื่องด้วยช่วงเดือนสิงหาคมบางทีก็มีฝนตกครับ แล้วก็กังวลว่าจะทำกิจกรรมไม่ได้
บางทีมันขึ้น 30-40% ในแต่ละช่วงเวลา หรือว่ามีเมฆ ก็อาจจะทำให้ฟ้าไม่ได้สวยใสมากครับผม
Day 2 (Greymouth - Franz Joseph)
ช่วงที่เราวางแผน เราวางแผนกันไว้ว่าเราจะขึ้นไปชม Fox Glacier ด้วยเฮลิคอปเตอร์ โดยที่ราคาที่หาไว้จะตกคนละประมาน 9 พันกว่าบาท เราเลยวางแผนที่จะไปถึงในเมืองช่วงบ่าย (เผื่ออากาศไม่ดี) หรือไม่ก็ขึ้นเช้าอีกวัน
แต่ท้ายที่สุดหลังจากคุยกันแล้ว คุณแม่ผมเองท่านก็ยังกลัวและกังวลเล็กๆ เราเลยตัดสินใจว่าจะไม่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ทำให้ทุกคนต้องทำการบ้านเพิ่มเติม แล้วเราก็ได้ที่จะไปมาสองที่ ที่แรกนั่นก็คือ Pancake Rocks and Blowholes Track อยู่แถวๆเมือง Punakaiki (อันนี้ไม่ได้ไกลจาก Greymouth มาก แต่ต้องขับขึ้นไปด้านบน แล้วขับลงผ่านทางเดิม เพื่อที่จะกลับไปที่ Franz Joseph)
ระหว่างทางวิวมันสวยงามมากครับ เป็นทางแบบ Ocean Road ขับผุบๆโผล่ ได้เห็นวิวทะเลสุดลูกหูลูกตา สลับกับฟาร์มวัวแกะสลับกันไป

อันนี้ก็เป็นจุดจอดรถระหว่างทาง เราแวะกันไปสองถึงสามที ก็เลยได้ภาพเอามาฝากกันครับ
ส่วนที่ Pancake Rocks มันก็จะเป็นเหมือน track ทางเดินสั้นๆ แล้วก็มีหินชั้นหินทรายให้ดู พร้อมกับพืชพรรณแปลกๆ ที่จะขึ้นแถบด้านริมทะเลนี้ให้เราเห็นครับ ต้องจดจำเอาไว้ประมานนึง เพราะว่าพอผ่านโซนแถวนี้ไป ต้นไม้ที่เราเห็นแบบนี้ก็จะไม่ค่อยขึ้นแล้วครับ

วันนี้ที่เราไปท้องฟ้ามันใส่แบบใส่ ไร้สิว เอ่ย ไร้ก้อนเมฆเลยครับ โดยที่เดินทางมาทั้งไปและกลับรวมเดินก็กินเวลาไปประมาน 2.5 - 3 ชั่วโมง แต่ทริปเราเป็นทริปสโลว์ไลฟ์ สล๊อต เดินอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาในส่วนนี้เท่าไหร่ครับ
จริงๆผมเห็นตรง Visitor Centor มีเหมือน Permanent Exhibition ซักอย่างที่เกี่ยวกับที่มาที่ไปของที่บริเวณนี้ แต่ผมกลัวจะไปถึงปลายทางช้า เลยไม่ได้แวะนะครับ (
https://paparoaexperience.com/ << อันนี้เลยครับ ซื้อตั๋วหน้างานได้เลยครับ)
ขาที่ขับรถกลับ เราก็ได้ทำการยิงยาวไปยังหมุดหมายต่อไป จริงๆเราจะไปเมือง Franz Joseph เลย แต่ใจเจ้ากรรมดันเซิชเจอ Hokitika Gorge View Point ก็เลยขับไปแวะกันอีกนิดนึงครับ !!
จริงๆแล้วตามแผนที่ ที่เราขับผ่านทางหลวงหมายเลข 6 มันจะมีจุดแวะต่างๆหลายที่ เราก็จิ้มๆ เลือกกันได้เลยครับ ว่าเราอยากแวะอะไร อันนี้ก็หากันจากใน Google Map เลย เพราะว่าหลังจากที่กดดูแล้วมันใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ระยะทางสองร้อยกว่ากิโล กลัวจะเบื่อกัน ก็เลยหาจุดแวะกันครับ
Track นี้จริงๆผมเห็นเขาเขียนว่ามีทางเดินที่ใช้เวลา 1 ชั่วโมง แต่ทางผมพาแม่ไปก็เลยแวะกันไปตรงสะพานแขวน เพื่อดูจุดชมวิวเฉยๆ แล้วเราก็ได้เห็นน้ำที่สีสวย แบบสวย ย ยักษ์ล้านตัวครับ (วันที่สองก็จะตื่นเต้นหน่อยครับ)

กล้องมือถือผมอาจจะไม่ฟ้า เขียวมาก แต่ดูด้วยตามันต้องเรียกว่ามันสีเทอคว๊อยซ์ แบบนี้เลยครับ
หลังจากชมวิวจบ รีบกดดูมือถือและแมพ ต้องรีบไปครับ งั้นถึงในเมืองค่ำแน่ แต่ระหว่างทางมันก็ยังไม่วายที่จะเจอวิวที่มันสวยจนต้องจอด ยอดเขากระทบกับแสงแดดยามตะวันตกดิน ทำไมมันสวยแบบนี้ ชมจากภาพเอาดีกว่าครับผม

ถ่ายไปถ่ายมาตะวันแทบจะไปแล้วครับ ฮ่าาาา ผมเองก็กังวลสำหรับการขับรถในเวลากลางคืนบนเขาที่เราไม่คุ้นชิน เจ้าถิ่นบางท่านแกก็ขับค่อนข้างไว บนจอของรถที่เราเช่า จะมีวงบอกเลยว่าตรงนี้ขับได้ไม่เกินเท่าไหร่ 30 50 80 100 หรือไวสุดจะขึ้น -- เราเองก็กังวลจะโดนตั๋วความเร็ว ก็เลยขับกันไปตามที่เขากำหนดครับ มีแอบเหยียบ 120 บ้าง บางจังหวะ ตามพี่ๆเจ้าถิ่นเขา
ปล. ผมเห็นตำรวจแจกตั๋ว อยู่สองสามจุดระหว่างที่ผมขับ เห็นพี่แกหลบตามแนวสน (เห็นแล้วนึกถึงประเทศเราเลยครับ)
ด้วยเวลาที่เรามาถึงในเมืองค่อนข้างค่ำแล้ว เราก็เลยลองเซิชหาอาหารในเมือง แล้วก็ลงความเห็นกันว่าเราจะไปลองร้าน Alice May Restaurant ครับผม (มีเวลากินไม่เยอะมาก เนื่องจากร้านปิด 20.00) เมืองค่อนข้างจะเล็ก พวกผมเองก็รีบกินรีบกลับเข้าบ้านครับ ที่พักที่จองผ่าน airbnb ห่างจากในเมือง 10 นาที เราทานอาหารค่ำจบเราก็รีบขับกลับครับ สองข้างทางมืดแบบมืดมากๆ
อ่อ อีกอย่างที่ต้องระวังในการขับรถประเทศนี้เลยนะครับ คือสะพาน ช่วงสะพานจะสามารถผ่านได้เพียงคันเดียว แล้วต้องรอกัน ดูรถกันดีๆ เพื่อความปลอดภัยระหว่างขับขี่ด้วยครับ

แอบเพิ่มภาพฮีตเตอร์ให้ครับ หลายๆที่พักก็จะให้แบบเสียบปลั๊กมีล้อไว้ให้นะครับ มันหนาวจนต้องใช้จริงๆครับ
Day 3 (Franz Joseph - Lake Wanaka)
หลังจากที่เราตัดสินใจที่จะไม่ขึ้นฮ คอนดิชั่นที่สองที่ตามมาก็คือคุณแม่ว่า อย่าเดินเยอะเลยลูก !! พวกเราเลยสุมหัวกัน แล้วเจอที่นึงนี่ว่าเราพาแม่ไปหน่อยดีกว่า เลยได้ออกมาว่าหลังจากเช็คเอ้าท์ในเมืองเราจะแวะไปดู Fox Glacier Viewpoint แล้วเราค่อยไปต่อที่ต้นไม้ iconic อยาก Lake Wanaka
ขับรถออกจากที่พักไม่นาน ก็จะเห็นวิวประมานนี้ ...

กับวิวประมานนี้

ปล. ภาพที่เห็นเป็นภาพแบบ no filter ครับผม
หลังจากออกจากจุดนี้ เราก็ตั้งใจจะเป็น Lake Wanaka เลย โดยใช้เส้นทาง Haast Pass แต่แล้วผมเองก็เอะใจแว๊บๆ เหมือนจะมีป้ายเขียนว่า ด้านหน้ามีงานทำทาง จะถึงจุดหมายเลทประมาน 1 ชั่วโมง .... แต่ทุกคนกำลังเคลิ้มๆกัน ก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร กับวิวระหว่างทางที่ก้ทำให้เราตื่นเต้นได้ตลอด (เนื่องจากเมื่อวานเป็นวิวริมทะเล) แล้วเราก็เจอจุด ที่เราต้องรอ

เค้าทำถนนตามที่เค้าแจ้งจริงๆครับ ผมมาจอดเป็นคันแรก หน้าสุด ซึ่งไม่อยากเลย ฮ่า กลัวว่าจริงๆไปได้แต่ไปไม่ได้ นั่งไปนั่งมา คันสอง คันสาม ค่อยๆตามมา จนยาวเป็นขบวนเลย แล้วทุกคนก็ลงมายืดเส้นยืดสาย ไม่ได้มีใครบ่นอะไร
ผมก็นั่งดูเค้าล้มต้นไม้ ค่อยๆลากเข้าข้างทาง ลงไปเดินเล่น หมุนไปสิบห้าตลบ แล้วคุณพี่เขาก็เปิดทางให้เราไปได้
จริงๆ เราอยากจะแวะน้ำตกต่างๆ ระหว่างทาง อาทิเช่น Thunder Creek Falls, Fantail Falls, Blue Pools แต่ด้วยความอยากเข้าห้องน้ำ รวมถึงกังวลว่าจะไปถึงต้นไม้ช้าอีก ก็เลยข้ามกันไปเลย อากาศข้างนอกเมฆเริ่มหม่น ความเย็นเริ่มคืบคลาน ทุกคนเลยตัดสินใจว่าไปเลยครับ !!
พอไปถึง หนักซ้ำกว่าเดิม เมฆเยอะจริง คนก็เยอะด้วยตรงต้นไม้ ... เราก็เลยคุยกันว่า พรุ่งนี้เช้าเราจะแวะมาใหม่นะ วันนี้ถอยไปหาอะไรกินก่อนก็แล้วกัน ฝากวิวยามเย็นไว้ให้ชมกันครับ

แสงไม่มี เมฆมาก ก็เลยแยกกันหาอะไรกินในเมืองครับ ประเทศนี้ จะมีป้ายจอดรถเขียน P ตามด้วยเลข 5 10 30 120 240 (อันนี้คือเวลาที่สามารถจอดได้นะครับ) แล้วถ้าหลัง 18.00 น. ส่วนใหญ่จะจอดได้ไม่ต้องย้ายครับ
แนะนำร้านอาหารใน Wanaka ครับ Tititea Steak House (มีทั้งแบบย่างให้ ให้หินมาย่างเอง), Big Fig Wanaka (อาหารเช้า), Curbside Coffee & Bagels (อันนี้แวะซื้อกาแฟ กับเบเกิ้ลครับ)
กินข้าวจบก่อนกลับ ก็แวะ New World ซื้อเสบียงยามดึกกันนิดหน่อยครับ น้ำเปล่า เรามีทั้งซื้อ ทั้งกินน้ำก๊อกนะครับ บางเมืองอร่อย บางเมืองไม่อร่อย ก็เลยมีซื้อบ้างครับผม
ตอนหน้าจะพามาชมบรรยากาศต้นไม้ that wanaka tree นะครับ
[CR] พาแม่เที่ยวเกาะใต้ New Zealand Aug 2025 EP.2
โดยส่วนมากทุกวันตอนเย็นช่วงกินข้าวเราก็จะมานัดแผนของวันรุ่งขึ้นกันนะครับ ว่าเราจะทำอะไรบ้าง เราจะดูสภาพอากาศกันก่อนว่าต้องแต่งตัวกันประมานไหน จะเย็นไปรึปล่าว มีฝนไหม เนื่องด้วยช่วงเดือนสิงหาคมบางทีก็มีฝนตกครับ แล้วก็กังวลว่าจะทำกิจกรรมไม่ได้
บางทีมันขึ้น 30-40% ในแต่ละช่วงเวลา หรือว่ามีเมฆ ก็อาจจะทำให้ฟ้าไม่ได้สวยใสมากครับผม
Day 2 (Greymouth - Franz Joseph)
ช่วงที่เราวางแผน เราวางแผนกันไว้ว่าเราจะขึ้นไปชม Fox Glacier ด้วยเฮลิคอปเตอร์ โดยที่ราคาที่หาไว้จะตกคนละประมาน 9 พันกว่าบาท เราเลยวางแผนที่จะไปถึงในเมืองช่วงบ่าย (เผื่ออากาศไม่ดี) หรือไม่ก็ขึ้นเช้าอีกวัน
แต่ท้ายที่สุดหลังจากคุยกันแล้ว คุณแม่ผมเองท่านก็ยังกลัวและกังวลเล็กๆ เราเลยตัดสินใจว่าจะไม่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ทำให้ทุกคนต้องทำการบ้านเพิ่มเติม แล้วเราก็ได้ที่จะไปมาสองที่ ที่แรกนั่นก็คือ Pancake Rocks and Blowholes Track อยู่แถวๆเมือง Punakaiki (อันนี้ไม่ได้ไกลจาก Greymouth มาก แต่ต้องขับขึ้นไปด้านบน แล้วขับลงผ่านทางเดิม เพื่อที่จะกลับไปที่ Franz Joseph)
ระหว่างทางวิวมันสวยงามมากครับ เป็นทางแบบ Ocean Road ขับผุบๆโผล่ ได้เห็นวิวทะเลสุดลูกหูลูกตา สลับกับฟาร์มวัวแกะสลับกันไป
อันนี้ก็เป็นจุดจอดรถระหว่างทาง เราแวะกันไปสองถึงสามที ก็เลยได้ภาพเอามาฝากกันครับ
ส่วนที่ Pancake Rocks มันก็จะเป็นเหมือน track ทางเดินสั้นๆ แล้วก็มีหินชั้นหินทรายให้ดู พร้อมกับพืชพรรณแปลกๆ ที่จะขึ้นแถบด้านริมทะเลนี้ให้เราเห็นครับ ต้องจดจำเอาไว้ประมานนึง เพราะว่าพอผ่านโซนแถวนี้ไป ต้นไม้ที่เราเห็นแบบนี้ก็จะไม่ค่อยขึ้นแล้วครับ
วันนี้ที่เราไปท้องฟ้ามันใส่แบบใส่ ไร้สิว เอ่ย ไร้ก้อนเมฆเลยครับ โดยที่เดินทางมาทั้งไปและกลับรวมเดินก็กินเวลาไปประมาน 2.5 - 3 ชั่วโมง แต่ทริปเราเป็นทริปสโลว์ไลฟ์ สล๊อต เดินอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาในส่วนนี้เท่าไหร่ครับ
จริงๆผมเห็นตรง Visitor Centor มีเหมือน Permanent Exhibition ซักอย่างที่เกี่ยวกับที่มาที่ไปของที่บริเวณนี้ แต่ผมกลัวจะไปถึงปลายทางช้า เลยไม่ได้แวะนะครับ (https://paparoaexperience.com/ << อันนี้เลยครับ ซื้อตั๋วหน้างานได้เลยครับ)
ขาที่ขับรถกลับ เราก็ได้ทำการยิงยาวไปยังหมุดหมายต่อไป จริงๆเราจะไปเมือง Franz Joseph เลย แต่ใจเจ้ากรรมดันเซิชเจอ Hokitika Gorge View Point ก็เลยขับไปแวะกันอีกนิดนึงครับ !!
จริงๆแล้วตามแผนที่ ที่เราขับผ่านทางหลวงหมายเลข 6 มันจะมีจุดแวะต่างๆหลายที่ เราก็จิ้มๆ เลือกกันได้เลยครับ ว่าเราอยากแวะอะไร อันนี้ก็หากันจากใน Google Map เลย เพราะว่าหลังจากที่กดดูแล้วมันใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ระยะทางสองร้อยกว่ากิโล กลัวจะเบื่อกัน ก็เลยหาจุดแวะกันครับ
Track นี้จริงๆผมเห็นเขาเขียนว่ามีทางเดินที่ใช้เวลา 1 ชั่วโมง แต่ทางผมพาแม่ไปก็เลยแวะกันไปตรงสะพานแขวน เพื่อดูจุดชมวิวเฉยๆ แล้วเราก็ได้เห็นน้ำที่สีสวย แบบสวย ย ยักษ์ล้านตัวครับ (วันที่สองก็จะตื่นเต้นหน่อยครับ)
กล้องมือถือผมอาจจะไม่ฟ้า เขียวมาก แต่ดูด้วยตามันต้องเรียกว่ามันสีเทอคว๊อยซ์ แบบนี้เลยครับ
หลังจากชมวิวจบ รีบกดดูมือถือและแมพ ต้องรีบไปครับ งั้นถึงในเมืองค่ำแน่ แต่ระหว่างทางมันก็ยังไม่วายที่จะเจอวิวที่มันสวยจนต้องจอด ยอดเขากระทบกับแสงแดดยามตะวันตกดิน ทำไมมันสวยแบบนี้ ชมจากภาพเอาดีกว่าครับผม
ถ่ายไปถ่ายมาตะวันแทบจะไปแล้วครับ ฮ่าาาา ผมเองก็กังวลสำหรับการขับรถในเวลากลางคืนบนเขาที่เราไม่คุ้นชิน เจ้าถิ่นบางท่านแกก็ขับค่อนข้างไว บนจอของรถที่เราเช่า จะมีวงบอกเลยว่าตรงนี้ขับได้ไม่เกินเท่าไหร่ 30 50 80 100 หรือไวสุดจะขึ้น -- เราเองก็กังวลจะโดนตั๋วความเร็ว ก็เลยขับกันไปตามที่เขากำหนดครับ มีแอบเหยียบ 120 บ้าง บางจังหวะ ตามพี่ๆเจ้าถิ่นเขา
ปล. ผมเห็นตำรวจแจกตั๋ว อยู่สองสามจุดระหว่างที่ผมขับ เห็นพี่แกหลบตามแนวสน (เห็นแล้วนึกถึงประเทศเราเลยครับ)
ด้วยเวลาที่เรามาถึงในเมืองค่อนข้างค่ำแล้ว เราก็เลยลองเซิชหาอาหารในเมือง แล้วก็ลงความเห็นกันว่าเราจะไปลองร้าน Alice May Restaurant ครับผม (มีเวลากินไม่เยอะมาก เนื่องจากร้านปิด 20.00) เมืองค่อนข้างจะเล็ก พวกผมเองก็รีบกินรีบกลับเข้าบ้านครับ ที่พักที่จองผ่าน airbnb ห่างจากในเมือง 10 นาที เราทานอาหารค่ำจบเราก็รีบขับกลับครับ สองข้างทางมืดแบบมืดมากๆ
อ่อ อีกอย่างที่ต้องระวังในการขับรถประเทศนี้เลยนะครับ คือสะพาน ช่วงสะพานจะสามารถผ่านได้เพียงคันเดียว แล้วต้องรอกัน ดูรถกันดีๆ เพื่อความปลอดภัยระหว่างขับขี่ด้วยครับ
แอบเพิ่มภาพฮีตเตอร์ให้ครับ หลายๆที่พักก็จะให้แบบเสียบปลั๊กมีล้อไว้ให้นะครับ มันหนาวจนต้องใช้จริงๆครับ
Day 3 (Franz Joseph - Lake Wanaka)
หลังจากที่เราตัดสินใจที่จะไม่ขึ้นฮ คอนดิชั่นที่สองที่ตามมาก็คือคุณแม่ว่า อย่าเดินเยอะเลยลูก !! พวกเราเลยสุมหัวกัน แล้วเจอที่นึงนี่ว่าเราพาแม่ไปหน่อยดีกว่า เลยได้ออกมาว่าหลังจากเช็คเอ้าท์ในเมืองเราจะแวะไปดู Fox Glacier Viewpoint แล้วเราค่อยไปต่อที่ต้นไม้ iconic อยาก Lake Wanaka
ขับรถออกจากที่พักไม่นาน ก็จะเห็นวิวประมานนี้ ...
กับวิวประมานนี้
ปล. ภาพที่เห็นเป็นภาพแบบ no filter ครับผม
หลังจากออกจากจุดนี้ เราก็ตั้งใจจะเป็น Lake Wanaka เลย โดยใช้เส้นทาง Haast Pass แต่แล้วผมเองก็เอะใจแว๊บๆ เหมือนจะมีป้ายเขียนว่า ด้านหน้ามีงานทำทาง จะถึงจุดหมายเลทประมาน 1 ชั่วโมง .... แต่ทุกคนกำลังเคลิ้มๆกัน ก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร กับวิวระหว่างทางที่ก้ทำให้เราตื่นเต้นได้ตลอด (เนื่องจากเมื่อวานเป็นวิวริมทะเล) แล้วเราก็เจอจุด ที่เราต้องรอ
เค้าทำถนนตามที่เค้าแจ้งจริงๆครับ ผมมาจอดเป็นคันแรก หน้าสุด ซึ่งไม่อยากเลย ฮ่า กลัวว่าจริงๆไปได้แต่ไปไม่ได้ นั่งไปนั่งมา คันสอง คันสาม ค่อยๆตามมา จนยาวเป็นขบวนเลย แล้วทุกคนก็ลงมายืดเส้นยืดสาย ไม่ได้มีใครบ่นอะไร
ผมก็นั่งดูเค้าล้มต้นไม้ ค่อยๆลากเข้าข้างทาง ลงไปเดินเล่น หมุนไปสิบห้าตลบ แล้วคุณพี่เขาก็เปิดทางให้เราไปได้
จริงๆ เราอยากจะแวะน้ำตกต่างๆ ระหว่างทาง อาทิเช่น Thunder Creek Falls, Fantail Falls, Blue Pools แต่ด้วยความอยากเข้าห้องน้ำ รวมถึงกังวลว่าจะไปถึงต้นไม้ช้าอีก ก็เลยข้ามกันไปเลย อากาศข้างนอกเมฆเริ่มหม่น ความเย็นเริ่มคืบคลาน ทุกคนเลยตัดสินใจว่าไปเลยครับ !!
พอไปถึง หนักซ้ำกว่าเดิม เมฆเยอะจริง คนก็เยอะด้วยตรงต้นไม้ ... เราก็เลยคุยกันว่า พรุ่งนี้เช้าเราจะแวะมาใหม่นะ วันนี้ถอยไปหาอะไรกินก่อนก็แล้วกัน ฝากวิวยามเย็นไว้ให้ชมกันครับ
แสงไม่มี เมฆมาก ก็เลยแยกกันหาอะไรกินในเมืองครับ ประเทศนี้ จะมีป้ายจอดรถเขียน P ตามด้วยเลข 5 10 30 120 240 (อันนี้คือเวลาที่สามารถจอดได้นะครับ) แล้วถ้าหลัง 18.00 น. ส่วนใหญ่จะจอดได้ไม่ต้องย้ายครับ
แนะนำร้านอาหารใน Wanaka ครับ Tititea Steak House (มีทั้งแบบย่างให้ ให้หินมาย่างเอง), Big Fig Wanaka (อาหารเช้า), Curbside Coffee & Bagels (อันนี้แวะซื้อกาแฟ กับเบเกิ้ลครับ)
กินข้าวจบก่อนกลับ ก็แวะ New World ซื้อเสบียงยามดึกกันนิดหน่อยครับ น้ำเปล่า เรามีทั้งซื้อ ทั้งกินน้ำก๊อกนะครับ บางเมืองอร่อย บางเมืองไม่อร่อย ก็เลยมีซื้อบ้างครับผม
ตอนหน้าจะพามาชมบรรยากาศต้นไม้ that wanaka tree นะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้