#เรียงลำดับให้เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศได้รับรู้ความจริงแบบชัดเจน เรื่องปัญหาข้อพิพาททางชายแดนไทยกับเขมร จะได้เลิกทะเลาะกันเอง และเลิกโจมตีทหารและกองทัพไทยแบบมั่วๆ
ถ้าเอาความจริงมาพูด ปัจจุบันนี้ หลายประเทศในกลุ่มอินโดจีน ก็ยังไม่มีการปักปันเขตแดนกัน แบบเสร็จสมบูรณ์ทุกประเทศ สาเหตุเป็นเพราะว่า #ปัญหามาจากยุคล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก
ปัจจุบันไทยมีปัญหาข้อพิพาทเรื่องแนวปักเขตแดนกับเขมร อยู่ 2 ด้าน ก็คือ คือข้อพิพาททางบก กับข้อพิพาททางทะเล #ต้องแยกกันออกให้ชัดเจน
#ปัญหาข้อพิพาททางบก ที่เป็นที่มาของการกำเนิด MOU43 ขึ้นมา ในยุคของนาย ชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้มีการหยิบยกปัญหาเรื่อง ชายแดนมาพูดคุยกันกับเขมร ให้มันจบลง
เนื่องจากที่ผ่านมา ไทยมีปัญหากระทบกระทั่งกับเขมร มาตลอด เรื่องเขตชายแดน ในยุค ของ พล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธ
นายชวน ก็เดินดุ่ยๆไปหา #บักฮุนเซน นั่งโต๊ะเจรจาคุยกันในเบื้องต้น ฮุนเซนก็ยื่นแผนที่เก่าของฝรั่งเศส มาอ้าง ว่า บลาๆๆๆ นี่คือแนวเขตของเขมรนะ จากแผนที่ ที่ยื่นให้ดู #นายชวน ก็ตอบว่า #OK #OK แต่เป็นเพียงแค่รับทราบเท่านั้น เพราะในตอนนั้น มีแต่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ที่หนีบไปนั่งเจรจาด้วย โดยไม่ทันสังเกตว่า #บนหัวแผนที่ของเขมร มันเขียนวงเล็บเอาไว้ว่า #แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 หากคนที่ไปเจรจา มีความรู้เรื่องแผนที่จริงๆในตอนนั้น #คงได้กระโดดเตะก้านคอฮุนเซนไปแล้ว
ซึ่งพวกที่ไปเจรจากับเขมรนี้ ก็ไม่ได้ไปรู้ขี้รู้ตดอะไร แค่คิดว่า ไป #ยอมรับรู้เบื้องต้น ของแผนที่เขมรเท่านั้น แต่ยังไม่มีการลงนามยอมรับ แผนที่ของเขมรนะครับ ดังนั้นจะไปโจมตี รัฐบาลนายชวน ก็ไม่ถูกต้อง #ว่าเป็นคนไปลงนามรับแผนที่ของเขมรแล้ว และรัฐมนตรีกระทรวงต่างประทศในตอนนั้น ก็คือ นาย สุรินทร์ พิศสุวรรณ #ไม่ใช่ มรว.บลาๆ ตามที่ลุงพูดไปทั่วนะ
#ปัญหาข้อพิพาททางทะเล ต่อมาก็มาถึงยุครัฐบาลตัวตึงของประเทศไทย ก็คือ #ทักษิณ นี่คือตัวต้นเรื่อง และเป็นผู้ให้กำเนิด #MOU44 ตัวจริง เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนาย ชวน หลีกภัย รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ คือ นาย สุรเกียรติ เสถียรไทย ที่เริ่มเข้าไปเจรจา เรื่องแนวเขตปักปันพื้นที่เขตทางทะเล #และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนไทย ไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่า แผนที่ทางทะเลของเขมร ที่มันเขียนขึ้นมาเองฝ่ายเดียว และยึดเอาแนวปักเขตจากไหล่เขาขึ้นมาในระหว่างปี 2515-2516 ไปขีดเส้นผ่าเอาเกาะกูดของไทยไปส่วนหนึ่ง และขีดเส้นยาว ควบคลุมพื้นที่ไปแทบจะกลืนกินอ่าวไทยทั้งหมด
#มาถึงตอนนี้ จะทำความเข้าใจแบบง่ายๆนะครับ
1.มาตราส่วน 1:50,000 ของไทย ใช้ได้กับพื้นที่ทางบก ที่กองทัพไทยยึดถือแผนที่นี้มาตลอด
2. พื้นที่ทางทะเล ให้ยึดเอาแนวปักเขตของไหล่เขา ไปที่อาณาเขตทะเลไม่เกิน 12 ไมล์ทะเล และต้องมีพื้นดินไหล่ทวีปใต้ทะเล ไม่ลึกเกิน 200เมตร
และเมื่อตีเส้น ที่ 12 ไมล์ทะเล มาสิ้นสุดลงตรงไหน #พื้นที่ว่าง (คือบริเวณตรงกลาง) จะเรียกว่าพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ที่จะใช้ประโยชน์ร่วมกัน เรียกว่า
#เขตเศรษฐกิจจำเพาะ แต่หลักปักเขตบนไหล่เขาของเขมร หลักที่ 73 มีการแอบเคลื่อนย้ายขึ้นมา
โดยเจตนาของเขมร คืออยากให้มันขีดเส้นให้ตรงกับเกาะกูดของไทย #ตรงนี้ละคือไคแมกซ์ ว่ารัฐบาลไหน ที่รู้เห็นเป็นใจ ที่พยายามให้เขมรได้ประโยชน์ จากแผนที่เขมรเขียนขึ้นมาเอง และกองทัพไทย ไม่เคยยอมรับแผนที่ของเขมร ที่แอบเขียนขึ้นมาเองอยู่ฝ่ายเดียว
#นี่คือปัญหาทั้งหมด ที่มันไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับรัฐบาลลุงตู่ และแม่ทัพภาคเลย เพราะ ทั้งMOU43 เขมรมันยืนกระต่ายขาเดียวว่า ต้องใช้แผนที่ฝรั่งเศส ที่มาตราส่วน 1:200,000 ในทางบก เท่านั้น มันจึงเจรจากันไม่ได้ และการบุกรุกพื้นที่ เข้ามาปลูกบ้านเรือนของคนเขมร มันก็มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.เชาวลิต กันแล้ว
และไอ้ MOU43 พื้นที่ทางบก เขมรมันก็ละเมิดมามากถึงกว่า 600 ครั้ง ที่กองทัพไทย เคยยื่นเรื่องไปให้รัฐบาลรับทราบ และรัฐบาลก็ยื่นหนังสือประท้วงไปที่เขมรทุกครั้ง #แต่มันไม่ฟัง ตอนนั้น ลุงตู่ ก็เป็นเพียงนายทหารบก และขยับขึ้นมาเป็น ผบทบ.ในยุคนายอภิสิทธิ์กับยิ่งลักษณ์ แถมยิ่งลักษณ์ยังไปควบนั่งตำแหน่ง รมว.กระทรวงกลาโหมอีก และกองทัพก็ต้องฟังคำสั่งของรัฐบาล
แต่พอมาถึงยุคลุงตู่ เป็นนายกรัฐมนตรี ในยุค คสช.และเป็นนายกรัฐมนตรีต่อมาอีกสมัย มาถึงตอนนั้น เขมร ที่มันแอบขึ้นมาบุกรุกปลูกสร้างบ้านเรือนในฝั่งไทยแบบเรื้อรังมานาน #ยอมรับว่ามีปัญหามาก เพราะมีนักการเมือง นายทุนเจ้าสัวใหญ่ ทหารพานิชย์ เจ้าขุนมูลนาย ล้วนรู้เห็นเป็นใจ ในผลประโยชน์ร่วมกันทั้งนั้น #แถมเขมรก็ไม่เคย ยกกองทัพมาบุกประเทศไทย เหมือนในตอนนี้ ที่กองทัพจะหาเรื่องจัดการกับเขมร ที่คอยมาสร้างปัญหากับแผ่นดินไทยมาตลอด
#กองทัพเขาอยากจัดการกับเขมรให้สิ้นซากมานานแล้ว แต่หลายปีที่ผ่านมา #มาเฟียผลประโยชน์ มันยิ่งใหญ่จนเกินไป แต่ละยุคสมัยก็ต่างกันออกไป
#ตอนนี้คือ #อย่าไปฟื้นฝอยหาตะเข็บ คือดีที่สุด
เอาปัจจุบันเป็นที่ตั้ง และควรร่วมใจสามัคคีกัน จัดการเรื่องแนวเขตแดนทั้งทางบกกับทางทะเล กับเขมร ให้มันจบก็พอ เพราะถ้าไปรื้อเรื่องเก่าๆ มันก็คุยกันไม่จบสักที และอย่าลืมว่า รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่อยู่ในข่ายทำให้ไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหาร มีตั้งหลายคน ตั้งแต่ปี 2551-2554 ไล่ไปตั้งแต่
นายนพดล ปัทมะ
นาย เดช บุญนาค
นาย สาโรจน์ ชานะวิรัช
นาย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
และยังมีช่วงไคแมกซ์ ก่อนที่ศาลโลกจะประกาศให้เขมรชนะคดีตัวปราสาทเขาพระวิหาร คือ**** นายกษิต ภิรมย์ แกนนำ พันธมิตร คนสำคัญ ที่นั่งตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 51-54 และเป็นคนที่ชี้มูล ให้นายวีระ กับนาง ราตรี ว่าเป็นคนบุกรุก เขตพื้นที่เขมรเอง ไม่ใช่เหรอ!!!
และมาจบ ที่คำพิพากษาของศาลโลก เขมรได้ตัวปราสาทเขาพระวิหารไป ในยุคของนาย สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ จากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในปี 2556 มันแหกตาประชาชนไม่ได้หรอก
มันตลกไหมล่ะ นายกษิต ภิรมย์ เป็นแกนนำคนสำคัญของกลุ่มพันธมิตร แต่เป็นคนออกมาชี้มูล ว่า วีระกับนางราตรี เป็นคนที่เข้าไปรุกล้ำเขตแดนของเขมรจริง แต่ลูกชายลุงสนธิ ที่ดูแล ASTV กับออกมาโจมตีพรรค ปชป ว่าจัดฉากเล่นละครขึ้นมาเอง
แต่ตอนนี้กลับมาปลุกผีนายวีระ กับนางราตรี ไปโจมตีลุงตู่กับแม่ทัพภาค 1 ซะงั้น
เดชา นฤนารท .
24/8/68 11.33 น.
#เรียงลำดับให้เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศได้รับรู้ความจริงแบบชัดเจน เรื่องปัญหาข้อพิพาททางชายแดนไทยกับเขมรยุครัฐบาลตัวตึงไทย