
ลิงค์ข่าว
https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/140745-Supreme-Administrative-Court-Case-filed-against-BOT-neglecting-its-duty-supervise-financial-institutions-report.html?fbclid=IwQ0xDSwMY_6BjbGNrAxj_mmV4dG4DYWVtAjExAAEeo5yn36LS4Wis7ZuasCc9ZQPAIql3xf-_fIm6VIzyb6L5mAdXrLmbUCiNCY8_aem_1PcFbElLSheCk5bb0vd9uw
“การมีคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งแต่งตั้งโดยมติที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วม การใช้สิทธิของเจ้าของร่วมครอบครองไปถึงทรัพย์ส่วนกลางทั้งหมดในการต่อสู้บุคคลภายนอก หรือเรียกร้องเอาทรัพย์คืนเพื่อประโยชน์ของเจ้าของร่วมทั้งหมด และการให้เจ้าของร่วมชำระเงินให้แก่นิติบุคคล เพื่อดำเนินกิจการของนิติบุคคลอาคารชุด ตามมาตรา 18 มาตรา 35/2 มาตรา 36 มาตรา 37 มาตรา 38 มาตรา 39 และมาตรา 40 แห่ง พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522
.
และในกรณีที่สถาบันการเงิน กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการได้กระทำการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. หรือข้อกำหนดหรือประกาศที่ออกโดยอาศัยอำนาจแห่ง พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 บทบัญญัติในมาตรา 89 แห่ง พ.ร.บ.เดียวกัน บัญญัติให้ผู้ถูกฟ้องคดี (ธนาคารแห่งประเทศไทย) มีอำนาจดำเนินการออกคำสั่งห้ามสถาบันการเงิน หรือมีหนังสือเตือนไปยังสถาบันการเงินระงับการกระทำที่ฝ้าฝืนกฎหมายดังกล่าว
.
การที่ผู้ฟ้องคดี ฟ้องเป็นคดีนี้ต่อศาลว่า ผู้ถูกฟ้องคดี (ธนาคารแห่งประเทศไทย) เพิกเฉยปล่อยให้ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายและประกาศข้างต้น โดยไม่นำห้องชุด จำนวน 47 ห้องไปจดทะเบียนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในห้องชุดเป็นระยะเวลานานกว่า 18 ปี
.
จึงเป็นการฟ้องว่า ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) กระทำการฝ่าฝืนไม่จดทะเบียนเป็นเจ้าของห้องชุดดังกล่าว ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่ทราบถึงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในห้องชุด และเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีไม่สามารถบริหารจัดการดูแลห้องชุดดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ของผู้ฟ้องคดีตามมาตรา 33 ประกอบกับมาตรา 18 มาตรา 35/2 มาตรา 36 มาตรา 37 มาตรา 38 มาตรา 39 และมาตรา 40 แห่ง พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522
.
ผู้ฟ้องคดี (นิติบุคคลอาคารชุดบ้านริมธาร) จึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควรของผู้ถูกฟ้องคดี
.
อันเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (2) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
.
และการแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนหรือความเสียหายหรือยุติข้อโต้แย้งนั้น ศาลต้องมีคำบังคับตามที่กำหนดในมาตรา 72 วรรคหนึ่ง (2) แห่ง พ.ร.บ.เดียวกัน
.
ศาลปกครอง จึงมีอำนาจรับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดี (นิติบุคคลอาคารชุดบ้านริมธาร) ในส่วนของข้อหาที่ฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดี (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ละเลยต่อหน้าที่ไม่ดำเนินการตรวจสอบคำร้องของผู้ฟ้องคดี และไม่ปฏิบัติหน้าที่กำกับตรวจสอบให้ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 ไว้พิจารณาพิพากษาได้”
คำพิพากษาน่าสนใจ :‘ศาลปค.สูงสุด’สั่งรับพิจารณา คดี‘นิติฯคอนโด’ฟ้อง‘ธปท.’ละเลยหน้าที่ฯ
ลิงค์ข่าว https://www.isranews.org/article/isranews-scoop/140745-Supreme-Administrative-Court-Case-filed-against-BOT-neglecting-its-duty-supervise-financial-institutions-report.html?fbclid=IwQ0xDSwMY_6BjbGNrAxj_mmV4dG4DYWVtAjExAAEeo5yn36LS4Wis7ZuasCc9ZQPAIql3xf-_fIm6VIzyb6L5mAdXrLmbUCiNCY8_aem_1PcFbElLSheCk5bb0vd9uw
“การมีคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งแต่งตั้งโดยมติที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วม การใช้สิทธิของเจ้าของร่วมครอบครองไปถึงทรัพย์ส่วนกลางทั้งหมดในการต่อสู้บุคคลภายนอก หรือเรียกร้องเอาทรัพย์คืนเพื่อประโยชน์ของเจ้าของร่วมทั้งหมด และการให้เจ้าของร่วมชำระเงินให้แก่นิติบุคคล เพื่อดำเนินกิจการของนิติบุคคลอาคารชุด ตามมาตรา 18 มาตรา 35/2 มาตรา 36 มาตรา 37 มาตรา 38 มาตรา 39 และมาตรา 40 แห่ง พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522
.
และในกรณีที่สถาบันการเงิน กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการได้กระทำการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. หรือข้อกำหนดหรือประกาศที่ออกโดยอาศัยอำนาจแห่ง พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 บทบัญญัติในมาตรา 89 แห่ง พ.ร.บ.เดียวกัน บัญญัติให้ผู้ถูกฟ้องคดี (ธนาคารแห่งประเทศไทย) มีอำนาจดำเนินการออกคำสั่งห้ามสถาบันการเงิน หรือมีหนังสือเตือนไปยังสถาบันการเงินระงับการกระทำที่ฝ้าฝืนกฎหมายดังกล่าว
.
การที่ผู้ฟ้องคดี ฟ้องเป็นคดีนี้ต่อศาลว่า ผู้ถูกฟ้องคดี (ธนาคารแห่งประเทศไทย) เพิกเฉยปล่อยให้ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายและประกาศข้างต้น โดยไม่นำห้องชุด จำนวน 47 ห้องไปจดทะเบียนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในห้องชุดเป็นระยะเวลานานกว่า 18 ปี
.
จึงเป็นการฟ้องว่า ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) กระทำการฝ่าฝืนไม่จดทะเบียนเป็นเจ้าของห้องชุดดังกล่าว ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่ทราบถึงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในห้องชุด และเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีไม่สามารถบริหารจัดการดูแลห้องชุดดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ของผู้ฟ้องคดีตามมาตรา 33 ประกอบกับมาตรา 18 มาตรา 35/2 มาตรา 36 มาตรา 37 มาตรา 38 มาตรา 39 และมาตรา 40 แห่ง พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522
.
ผู้ฟ้องคดี (นิติบุคคลอาคารชุดบ้านริมธาร) จึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควรของผู้ถูกฟ้องคดี
.
อันเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (2) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
.
และการแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนหรือความเสียหายหรือยุติข้อโต้แย้งนั้น ศาลต้องมีคำบังคับตามที่กำหนดในมาตรา 72 วรรคหนึ่ง (2) แห่ง พ.ร.บ.เดียวกัน
.
ศาลปกครอง จึงมีอำนาจรับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดี (นิติบุคคลอาคารชุดบ้านริมธาร) ในส่วนของข้อหาที่ฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดี (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ละเลยต่อหน้าที่ไม่ดำเนินการตรวจสอบคำร้องของผู้ฟ้องคดี และไม่ปฏิบัติหน้าที่กำกับตรวจสอบให้ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 ไว้พิจารณาพิพากษาได้”