JJNY : ปชน.ยันพร้อมยื่นอภิปราย ปมคลิปเสียง│กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ถกแก้รธน.│ชาวบ้านกลัวถูกหลอก│เวียดนามเตรียมรับมือ'คาจิกิ'

ปชน. ยัน พร้อมยื่นอภิปราย หากนายกฯอิ๊งค์ รอดศาลรธน. ปมคลิปเสียงคุยฮุนเซน
.
.
‘พริษฐ์’ ย้ำชัดจุดยืน ปชน. ปมคลิปเสียง นายกฯอิ๊งค์ คุย ‘ฮุนเซน’ ชี้ นายกฯลาออกวันนี้แค่ทางเอาตัวรอด พร้อมเตรียมกลไกสภาตรวจสอบต่อหากศาลวินิจฉัยไม่ให้พ้นเก้าอี้
.
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ว่า ถ้าพูดถึงวันที่ 29 ส.ค. จุดยืนของตนและพรรคประชาชนว่าจำเป็นต้องมีการทบทวนเรื่องขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระที่จะขยายขึ้นมาตั้งแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเราสื่อสารชัดเจนมาโดยตลอด ดังนั้นถ้านายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดรับผิดชอบทางการเมืองตามที่ควรจะเป็นเรื่องจะไม่ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแต่ต้น ตั้งแต่เกิดเรื่องคลิปเสียงทางตนและพรรคประชาชนเราสื่อสารมาโดยตลอดว่านายกฯควรจะแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ว่าจะทางการยุบสภาหรือลาออกก็ได้
.
นายพริษฐ์กล่าวอีกว่า แต่แน่นอนตนได้ฟังคำชี้แจงของนายกฯที่พยายามจะบอกว่า เนื้อหาของคลิปนั้นเป็นเทคนิคการเจรจา แต่เข้าใจว่าอีกมุมประชาชนก็สามารถที่จะถามกลับได้ว่า สิ่งที่คุณอ้างว่าได้พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน นั้นเป็นเทคนิคการเจรจา แต่จริงๆ แล้วคิดอีกแบบหนึ่ง แบบนี้จะไม่กังวลหรือว่าการสื่อสารกับประชาชนในทุกวันนี้ก็คือเทคนิคการเอาตัวรอด แต่ความคิดหนึ่งก็เป็นไปตามที่ได้คุยกับสมเด็จฮุน เซน ฉะนั้นตนมองว่าพอคำพูดมีการกลับไปกลับมา และเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทนั่นก็ย่อมกระทบต่อความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อนายกฯ และคิดว่าความจริงที่นายกฯควรจะทำแต่วันนั้น คือการยุบสภาหรือลาออก
.
นายพริษฐ์กล่าวว่า วันที่ 25 ส.ค. วันแถลงปิดคดีนั้น เราไม่ได้มองแค่คำชี้แจงต่อศาลแต่เรามองถึง คำอธิบายของนายกฯ ในทุกบริบทที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วในวันที่ 29 ส.ค.ก็จะมี 2 แนวทางคือ ศาลวินิจฉัยให้นายกฯพ้นจากตำแหน่ง และไม่ให้พ้นจากตำแหน่ง ถ้าเป็นในกรณีไม่วินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง ตนมองว่าเรื่องก็จะกลับมาที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่าเราจะใช้กลไกสภาอย่างไรในการตรวจสอบการทำหน้าที่ของนายกฯ ทั้งในบริบทของคลิปเสียง หรือบริบทอื่นๆ ที่ผ่านมา ซึ่งกลไกไม่ว่าจะเป็นการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 หรือการอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 ซึ่งเป็นกลไกและเครื่องมือที่ฝ่ายค้านสามารถทำได้ แต่ถ้านายกฯถูกวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งก็จะเข้าสู่กระบวนการในการเลือกนายกฯคนใหม่ จุดยืนของพรรคประชาชนอะไรที่เราเคยพูดไปแล้วก็ยังคงยืนยันจุดยืนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
.
เมื่อถามว่า ในกรณีที่นายกฯลาออกก่อนวันที่ 29 ส.ค. นายพริษฐ์กล่าวว่า ตนคิดว่านายกฯ ณ วันนี้ จนถึงวันที่ 29 ส.ค. ตัดสินใจลาออก นั่นชัดเจนว่าเป็นการตัดสินใจลาออกเพื่อเอาตัวรอด ความจริงสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นตั้งแต่ก่อนหน้านี้ คือการลาออกเพื่อการรับผิดรับรับผิดชอบต่อประชาชน ดังนั้นส่วนตัวถ้าวันนี้นายกลาออกนั่นเป็นการลาออกเพื่อเอาตัวรอด
.

.
กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ถกแก้รธน.ปฏิรูปองค์กรอิสระ ไอติม ชงเปิด 3 ไฟเขียว ให้ได้ผู้ดำรงตำแหน่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5337331
.
กมธ.พัฒนาการเมืองฯ จัดเวทีถกแก้รธน.ปฏิรูปองค์กรอิสระ ‘ไอติม’ ชงร่างฯ เปิด 3ไฟเขียวให้ได้มาซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ ด้าน อดีต กกต. ขัดคอ เตือนอย่าโลภมากไปกลบเสียงสว.เกิน
.
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร จัดเสวนา LAW LAB : เวทีนำเสนอและรับฟังความเห็น ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องการปฏิรูปองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญโดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำเสนอร่างฯ กล่าวว่า ด้วยการที่มีองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรม เพื่อมาตรวจสอบและปราศจากการครอบงำจากหน่วยงานต่างๆ ยกตัวอย่าง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้ง ส.ส. และการฮั้วเลือก ส.ว. ล่าช้าแค่ไหนประชาชนเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เราจึงจัดโครงการนี้เพื่อที่จะให้มีการยึดโยงกับประชาชน และประชาชนสามารถตรวจสอบองค์กรเหล่านี้ได้มากขึ้น ซึ่งตอนนี้มี 5 ร่างของพรรคประชาชน 4 ร่าง และ 1 ร่างของภาคประชาชนเกี่ยวกับการแก้องค์กรอิสระที่รอเสนอเข้าที่ประชุมสภาเมื่อเปิดสภา
.
โดยเราอยากให้มีผู้ที่มาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระผ่าน 3 หลัก คือ1.มีความหลากหลายมากขึ้น 2.มีความยึดโยงจากประชาชน และ 3.ได้รับการยอมรับว่าทำหน้าที่เป็นกลางจากทุกฝ่าย ซึ่งเน้นในส่วนการได้รับการยอมรับทุกฝ่ายคือเราเสนอ 3 ไฟเขียว คือ ต้องได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา เสียงเกินกึ่งหนึ่งของซีกฝ่ายรัฐบาล และเกินกึ่งหนึ่งของฝ่ายค้าน
.
ด้าน นายโคทม อารียา อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า อย่าไปออกแบบอะไรให้มันยาก การได้มาก็อย่าไปโลภมาก การเสนอให้ได้มาซึ่งตำแหน่งต้องผ่าน 3 ส่วนดังกล่าวอาจจะไปกลบเสียงของสว.มากไป
.
ส่วน นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ด้วยองค์กรอิสระทมีส่วนและผลต่อการเมือง ดังนั้นพรรคการเมืองจึงอยากเข้ามาแทรกแซง ฉะนั้นถ้าจะแก้ต้องแก้เรื่องขอบเขตอำนาจด้วย ส่วนการรับรองให้ได้มาซึ่งตำแหน่งนั้น จากที่ให้ทางวุฒิสภาเป็นผู้รับรอง ซึ่งหลายคนมองว่าวุฒิสภาอาจจะไม่ได้ปราศจากการมาจากบ้านใหญ่ ดังนั้นเสนอให้ย้ายจากวุฒิสภามาทางสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด
 .

.
ชาวบ้านกลัวถูกหลอก วอนปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ให้ชัดเจนมั่นคง ก่อนออกโฉนดที่ดิน
.
วันนี้ (24 ส.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ออกมาระบุกับคณะทูตทหาร 8 ประเทศ ว่าพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ไม่มีเอกสารสิทธิ์แม้แต่แปลงเดียว จนสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่บ้านอ่างศิลาและบ้านหนองจาน ซึ่งมีที่ดินในพื้นที่ที่ชาวกัมพูชาเข้ามาครอบครองนานกว่า 40 ปี อย่างมาก กระทั่งผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้ออกมาขอโทษชาวบ้านผ่านเพจ สวท.สระแก้ว และจะเข้าดำเนินการออกโฉนดให้กับชาวบ้านในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค.68 นี้
.
โดยระบุว่า "ผมกราบขอโทษพี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน กรณีพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน อ.โคกสูง ทั้งนี้ ยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรไทย ประชาชนผู้มีหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (สค.1) ใบจอง นส.2 และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (นส.3) บริเวณบ้านหนองจาน และบริเวณหลักเขตแดนที่ 45 ถึง 49 สามารถยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดสระแก้ว สาขาอรัญประเทศได้ ซึ่งจังหวัดสระแก้ว พยายามที่จะดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้กับประชาชนผู้มีสิทธิ์ทุกราย ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด โดยในวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2568 จังหวัดสระแก้วพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พนักงานที่ดิน สาขาอรัญประเทศ จะลงพื้นที่รับเรื่องด้วยตนเอง"
.
ภายหลังผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ออกมาขอโทษผ่านเพจดังกล่าว มีทัวร์ลงออกมาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก วิพากษ์วิจารณ์ และต่อว่าต่าง ๆ นานากันอย่างแพร่หลาย
.
ล่าสุดวันนี้ ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่บ้านอ่างศิลา และบ้านหนองจาน เพื่อสอบถามกับชาวบ้าน โดย นางสมจิตร จันทะมา อายุ 71 ปี เจ้าของที่ดิน นส.2 จำนวน 50 ไร่ อยู่ติดแนวหลักเขต 48 กล่าวว่า ชาวบ้านมีเอกสารกันหมดทุกคน ในจำนวน 52 คน ที่มีการรวบรวมกันไว้ จำนวน  2,717 ไร่ 1 งาน ซึ่งถูกชาวกัมพูชาครอบครองอยู่ โดยเอกสารชาวบ้านได้มาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ตอนนี้อยู่ตกมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลานแล้ว ทุกคนมีเอกสารสิทธิ์ นส.2 นส.3 และ สค.1
.
นางสมจิตร กล่าวว่า กรณีที่จังหวัดสระแก้ว บอกว่า จะส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการทำเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้าน ตนไม่เห็นด้วย ควรจะดำเนินการแบ่งเขตแบ่งแดนก่อน ดินแดนไทย หรือ ดินแดนกัมพูชา จึงจะเชื่อใจได้ เพราะกัมพูชาเชื่อใจไม่ได้ เราจะล้ำเข้าไปปักเขต ปักหมุดไม่ได้ ต้องทำให้มันชัดเจนก่อน แบ่งแยกให้เป็นฝั่งไทยฝั่งกัมพูชาตลอดไปตั้งแต่หลักเขต 46 ไปจนถึงหลักเขต 48 ทางที่ดีอยากให้วางลวดหนามบริเวณเขตแดนจริง ๆ เลย จึงจะจบปัญหา หากเข้าไปทำโฉนดรังวัดกันตอนนี้ ทำไม่ได้แน่นอน ทางกัมพูชาไม่ให้เข้าไป เข้าไปก็เจอระเบิด เจอปืนของกัมพูชา ส่วนที่ผู้ว่าฯ บอกว่าจะมารับเอกสารและไปทำโฉนดให้เลย ทำไม่ได้ ต้องไปแบ่งเขตแบ่งแดนก่อน จึงจะจบจะสิ้น ทำแบบนี้ไม่จบไม่สิ้นแน่นอน รอมา 40 กว่าปีแล้ว ฝากความหวังไว้กับแม่ทัพภาคที่ 1 ให้ท่านมีกำลังช่วยชาวบ้านด้วย
.
ด้าน นางพิมพ์ใจ แสงแก้ว อายุ 41 ปี ทายาทเจ้าของที่ดิน นส.2 เนื้อที่ 95 ไร่ กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ามาเอาเอกสารกับชาวบ้านแล้วออกเอกสารสิทธิ์โฉนดให้ได้เลย เพราะเขตแดนเราติดกับกัมพูชา เราเข้าไปไม่ได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปดำเนินการเรื่องเขตแดนให้เรียบร้อย ค่อยมาจัดการเรื่องนี้ให้ชาวบ้าน หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันต้องดำเนินการได้ กรณีที่ผู้ว่าฯ มาขอโทษชาวบ้าน ก็รู้สึกดีใจ และขอบคุณท่านผู้ว่าฯ มาก ๆ ที่ดำเนินการให้ชาวบ้าน ยังรอได้อยู่ อยากให้ไปทำเรื่องเขตแดนให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นเราก็เข้าไปในที่ดินของเราไม่ได้อยู่ดี
.
ขณะที่ นายดุสิต จันทะมา เจ้าของที่ดินใกล้กับหลักเขตแดนที่ 48 กล่าวว่า ดีใจที่ผู้ว่าฯ ออกมาขอโทษเรื่องนี้ ถือว่าเรายังมีผู้ว่าฯอยู่ กรณีที่ผู้ว่าฯ บอกว่าจะออกเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้านนั้น คงทำไม่ได้ตอนนี้ เพราะที่มันอยู่ในฝั่งที่กัมพูชาอ้างว่าเป็นของเขา ปักปันเขตแดนยังไม่เสร็จ เจ้าหน้าที่รังวัดที่ไหนจะเข้าไปทำได้ ไม่กลัวขาขาดหรือ อยากให้แบ่งเขตแดนโดยไม่เสียเลือดเนื้อ ใช้ความสามารถของผู้ว่าฯ กองทัพภาคที่ 1 อยากให้ทำตรงนี้ก่อน จะมาเอาเอกสารไปแล้วมาทำให้เราเลย ไม่ต้องทำแบบนั้นหลอก ให้มันได้พื้นดินก่อน เอาหลักเขต 46 หลัก 47 และหลัก 48 ให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยมาทำเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่