KEY POINTS
"โรคกลัว" เป็นโรควิตกกังวลชนิดหนึ่งที่จะมีอาการกลัวขั้นรุนแรงต่อสถานการณ์หรือบางสิ่งบางอย่างโดยจะไม่ค่อยมีเหตุผลแต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้
อัตราการเกิดโรคกลัวเฉพาะอย่างอาจแตกต่างกันไปตามอายุ โดยคนส่วนใหญ่มักมีอาการนี้ก่อนอายุ 10 ขวบ และผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีอาการกลัวมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า
ยังไม่มีวิธีป้องกันโรคกลัว เพราะโรคกลัวเกิดขึ้นได้อย่างคาดเดาไม่ได้ และอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน
สัญญาณของ “โรคกลัว” หรือ “phobia” หลายครั้งที่คนใกล้ตัว คนรู้จัก หรือแม้แต่ตัวเราเองรู้สึกหวาดกลัวบางสิ่งอย่างรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นการกลัวความสูง กลัวสัตว์ หรือกลัวสถานการณ์บางอย่างมากเกินไป สิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่ความกลัวธรรมดา
“โรคกลัว (phobia)” ไม่เพียงส่งผลต่อจิตใจ แต่ยังกระทบต่อชีวิตประจำวันได้มากกว่าที่คิด บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักโรคกลัวอย่างละเอียด ทั้งสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย รวมถึงแนวทางการรักษาอย่างถูกวิธี
เมื่อคุณไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับโรคกลัวของคุณโดยตรง คุณจะตระหนักได้ว่าความกลัวนั้นรุนแรงกว่าที่ควรจะเป็นมาก แต่การรู้เช่นนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกของคุณ
หากคุณพบเจอสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดโรคกลัว คุณจะรู้สึกกลัวหรือ วิตกกังวลอย่างรุนแรง คุณอาจจะสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ แต่การทำเช่นนั้นจะเป็นเรื่องยากมาก
กลัวขนาดไหนที่มีความเสี่ยง “โรคกลัว”
ผศ. นพ.คมสันต์ เกียรติรุ่งฤทธิ์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า โรคกลัว เป็น โรควิตกกังวล ชนิดหนึ่งที่จะมีอาการกลัวขั้นรุนแรงต่อสถานการณ์หรือบางสิ่งบางอย่างโดยจะไม่ค่อยมีเหตุผลแต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน จนอาจจะมีอาการคล้ายโรคแพนิก ได้แก่ ใจสั่น ใจเต้นแรง หายใจเร็ว มือเท้าเย็น ท้องไส้ปั่นป่วน และเวียนหัวตาลาย
ในทางการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุของโรคอย่างชัดเจน แต่พบว่าอาจเกิดจาก
เคยมีปัญหาหรือเรื่องราวในอดีตที่ฝังใจ
พบเจอ ได้ยิน หรือเห็นเหตุการณ์ที่กระทบต่อจิตใจ
พันธุกรรม
ความผิดปกติของสมอง
ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ
อาการ “โรคกลัว” มีอะไรบ้าง?
โรคกลัว (phobia) อาการทางจิต ที่ควรระวัง มักจะมีอาการดังนี้
ตื่นกลัว
วิตกกังวลรุนแรง
ควบคุมตัวเองไม่ได้
หัวใจเต้นเร็ว
ความดันเลือดสูง
หายใจถี่
เหงื่อออก
ปวดหัว เวียนหัว
พูดติดขัด
ปากแห้ง
คลื่นไส้
มือ เท้า ตัวสั่น
เป็นลมหมดสติ
กล้ามเนื้อตึงชา
โรคกลัวเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน?
แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะอธิบายว่าตนเองกลัวอะไรบางอย่างอย่างรุนแรง เช่น งูหรือความสูง แต่นั่นไม่เหมือนกับโรคกลัว (phobia) ในความเป็นจริงแล้ว โรคกลัวไม่ได้พบได้บ่อยนัก
โรคกลัวอย่างเฉพาะเจาะจง : อัตราการเกิดโรคกลัวเฉพาะอย่างอาจแตกต่างกันไปตามอายุ อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่มักมีอาการนี้ก่อนอายุ 10 ขวบ
ในสหรัฐอเมริกา มีเพียงประมาณ 8% ถึง 12% เท่านั้นที่เข้าข่ายอาการกลัวอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก มีเพียง 2% ถึง 6% เท่านั้น
เด็ก : ทั่วโลกมีเด็กประมาณ 3% ถึง 9% ที่มีอาการกลัวอย่างใดอย่างหนึ่ง ในกลุ่มวัยรุ่น (อายุ 13 ถึง 17 ปี) ในสหรัฐอเมริกา มีเด็กประมาณ 16% ที่มีอาการนี้
ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) : อัตราการเกิดโรคกลัวเฉพาะมีแนวโน้มลดลงเมื่ออายุมากขึ้น โดยประมาณอยู่ที่ 3% ถึง 5% สำหรับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีอาการกลัวบางอย่างมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า
แนวโน้มของการเกิด "โรคกลัว"
แนวโน้มการเกิดโรคกลัว เฉพาะอย่างจะดีที่สุดเมื่อได้รับการรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะเริ่มแรก หากไม่ได้รับการรักษา อาการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพจิตและการดำเนินชีวิตของคุณ
การรักษาอาการกลัว ตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก แม้ว่าคุณจะไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการว่าเป็นโรคกลัว เพราะไม่ได้มีอาการใดๆ มานานอย่างน้อยหกเดือนแล้วก็ตาม ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่หรือมีโรคกลัวชนิดใด
กลัวแบบไหนถึงจะเข้าข่าย โรคกลัว
อาการกลัวของโรคกลัว ติดต่อกันเป็นเวลานาน ส่วนมากจะมีอาการทั้งทางกายและจิตใจ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันลำบาก เช่น ต้องหลีกเลี่ยงบางสถานที่ ไม่สามารถเดินทางโดยยานพาหนะบางประเภท หรือถ้าต้องไปก็อาจมีความเครียด-กังวลอย่างมาก โดยหากมีลักษณะดังกล่าวเป็นเวลานานควรไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ารับคำปรึกษา
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคกลัว
กระทบต่อความสัมพันธ์กับคนรอบตัว ทั้งเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก
ขาดโอกาสในการเข้าสังคม
เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีความสุข
โรคซึมเศร้า เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
อาจใช้วิธีจัดการกับความเครียดอย่างไม่เหมาะสม เช่น การใช้สารเสพติดหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
โรคหัวใจ
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD )
โรคพาร์กินสัน
อาการเสียสมดุลและเวียนศีรษะซึ่งอาจทำให้เกิดการล้มและบาดเจ็บจากการล้มได้
โรคสมองเสื่อมและอาการสมองเสื่อม
โรคกลัวอย่างจำเพาะเจาะจงมีกี่ประเภท
กลัวสัตว์ เช่น สุนัข แมว นก แมลงต่าง ๆ กลัวในบางสถานการณ์ เช่น ที่แคบ ที่สูง การโดยสารยานพาหนะ เช่น เครื่องบิน เรือ การดำน้ำ
ภัยธรรมชาติ เช่น ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว
การพบเห็นเลือด เช่น เกิดอุบัติเหตุเลือดออก การฉีดยา การเจาะเลือด ให้เลือด
กลัวสิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว เช่น สิ่งของต่าง ๆ เสียงดัง
โรคกลัว ที่พบได้บ่อย
กลัวที่แคบ (claustrophobia) : จะมีอาการอึดอัด ใจสั่น หายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อต้องอยู่ในที่แคบ ๆ ไม่ปลอดโปร่ง
กลัวเลือด (hemophobia) : ความรู้สึกกลัวอย่างรุนแรงเมื่อเห็นเลือด จะมีอาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
กลัวเครื่องบิน (aerophobia) : หวาดกลัวหรือกังวลว่าเครื่องบินจะตก พื้นฐานของคนที่กลัวเครื่องบินมาจากการกลัวความสูงหรือกลัวที่แคบมาก่อน
กลัวความสูง (acrophobia) : มีความรู้สึกกลัวใจสั่น มือขาสั่น ไม่กล้ามอง เมื่อต้องอยู่บนที่สูง ๆ บางคนอาจกลัวจนเกิดอาการช็อกได้
กลัวเชื้อโรค (mysophobia) : มีความกลัวและกังวลเกี่ยวกับสิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคต่าง ๆ กลัวที่จะสัมผัสกับสิ่งของสาธารณะ โรคนี้จะทำให้คนที่เป็นรักความสะอาดมาก ๆ ทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา
กลัวเข็ม (needle phobia) : ความกลัวเมื่อเห็นเข็มส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับเข็มฉีดยา ทำให้มีอาการใจสั่น ใจเต้นแรง หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
แนวทางการรักษาโรคกลัว
ปรับพฤติกรรมและฝึกจิตใจ เช่น การออกกำลังกายหรือการนั่งสมาธิ ค่อย ๆ ฝึกเผชิญจากสิ่งที่กลัวเล็กน้อยไปสิ่งที่กลัวมาก
ฝึกปรับความคิด เช่น การให้กำลังใจตัวเอง คิดเรื่องผ่อนคลายสบายใจเมื่อเผชิญ
พบจิตแพทย์เพื่อรับการรักษาแบบจิตบำบัด
ใช้ยา เช่น ยาคลายเครียด ยารักษาโรควิตกกังวล
ติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง
โรคกลัวสามารถป้องกันได้หรือไม่?
โรคกลัวเกิดขึ้นได้อย่างคาดเดาไม่ได้ และอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกลัวเป็นสิ่งที่แต่ละคนประสบพบเจอต่างกัน ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีวิธีใดที่จะป้องกันไม่ให้เกิดโรคกลัวได้ นอกจากนี้ยังไม่มีวิธีใดที่ทราบแน่ชัดในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้
เมื่อเป็นโรคกลัวควรปฏิบัติตัวอย่างไร ?
กล้าเผชิญกับสิ่งที่กลัว
ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความวิตกกังวล เช่น การออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ฟังเพลง
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และดีต่อสุขภาพ
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
มีปฏิสัมพันธ์ ติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นในสังคม
พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเช่น หลีกเลี่ยงการดูแลทางการแพทย์หรือทันตกรรมเป็นประจำ เพราะกลัวเข็มฉีดยา ทันตแพทย์ ฯลฯ
การเปลี่ยนแปลงชีวิตโดยเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเช่น การย้ายออกจากพื้นที่ชายฝั่งเพราะกลัวพายุเฮอริเคน
หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งกระตุ้นเช่น หลีกเลี่ยงการซื้อบ้านหรือหางานทำในสถานที่ที่มองเห็นแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือมหาสมุทร เพราะกลัวน้ำ กลัวการว่ายน้ำ หรือกลัวการจมน้ำ
ขอความช่วยเหลือ คุณควรขอความช่วยเหลือทันทีที่สังเกตเห็นอาการกลัวที่รบกวนชีวิตของคุณ การขอความช่วยเหลือตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยสร้างความแตกต่างอย่างมากในการฟื้นตัวของคุณ
ปฏิบัติตามคำแนะนำในการรักษาหากผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณสั่งยาหรือแนะนำให้เข้ารับการตรวจสุขภาพจิตเป็นประจำ การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การรักษาของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยคุณได้เร็วขึ้น
อย่าประเมินคุณค่าของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตต่ำเกินไปการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการใช้ยาที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ รวมถึงการจัดการความเครียดและสุขภาพจิต ล้วนเป็นประโยชน์ต่อคุณในการจัดการหรือเอาชนะโรคกลัว
กลัวอะไรกันอยู่? 'โรคกลัว Phobia' อาการทางจิตที่ส่งผลต่อชีวิต